|
|
Ex-Pys Article : 100 Questions you want to know more about SSEAYP (2) |
100
คำถามที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ |
||||
-สงวนลิขสิทธิ์- |
||||
Question 21 การรายงานตัวหลังจากผ่านการคัดเลือก
ต้องทำอย่างไรบ้าง
การรายงานตัว หมายถึง การที่เยาวชนผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ ไปแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ของ ส.ท.ตามวันเวลา และสถานที่ซึ่ง ส.ท.กำหนดเพื่อยืนยันการเข้าร่วมโครงการฯ โดยในการรายงานตัวดังกล่าว หากปรากฏในประกาศผลสอบสัมภาษณ์หรือโดยการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ ส.ท.ระบุว่าเยาวชนคนใดยังส่งเอกสารไม่ครบ หรือต้องดำเนินการใดเพื่อความสมบูรณ์ของการเข้าร่วมโครงการฯก่อน เยาวชนคนนั้นต้องรีบดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นอาจเสียสิทธิเข้าร่วมโครงการได้ ในส่วนของผู้ผ่านการคัดเลือกสำรอง
อาจใช้วิธีโทรศัพท์มารายงานตัวได้
ทั้งนี้อนุโลมตามหลักเกณฑ์ของ
ส.ท.
ซึ่งอาจแตกต่างไปในแต่ละปี
เพื่อป้องกันการเสียสิทธิ
เยาวชนจึงควรศึกษารายละเอียดที่สมบูรณ์และทันสมัยจากประกาศของ
ส.ท.ในแต่ละปี |
||||
Question 22 การปฐมนิเทศก่อนการเข้าร่วมโครงการฯ
คืออะไร
การปฐมนิเทศ
คือการแนะนำในสิ่งที่เยาวชนควรรู้ในการที่จะเข้าร่วมโครงการอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ
สมดังวัตถุประสงค์ของโครงการฯ
และเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ
ต่อโครงการ และต่อตัวเยาวชนเองที่สุด
การปฐมนิเทศเป็นการแนะนำให้เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการเข้าใจในภาพรวม
ส่วนรายละเอียดเยาวชนจะได้เรียนรู้ในระหว่างการฝึกอบรมภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในโอกาสต่อไป |
||||
Question 23 สถานภาพการเป็นเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการเริ่มต้นเมื่อใด
เยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกจะมีสถานะเป็นเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการ(Participating
Youth หรือ PY)
โดยสมบูรณ์เมื่อผ่านขั้นตอนการรายงานตัว
การปฐมนิเทศ
และเข้ารับการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติโดยครบถ้วน
ไม่กระทำตนอันเป็นเหตุให้ถูกพิจารณาโทษให้ออกจากการเป็นผู้ฝึกอบรม
ตามข้อบังคับคณะอนุกรรมการฝ่ายฝึกอบรมโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์
ว่าด้วยการรับการฝึกอบรมฯ |
||||
Question 24 การอบรมภาคทฤษฎีเป็นอย่างไร
เมื่อเยาวชนผ่านการคัดเลือกและรายงานตัว ตลอดจนปฐมนิเทศแล้ว ส.ท.โดยคณะอนุกรรมการฝ่ายฝึกอบรม จะจัดการอบรมให้แก่เยาวชน โดยจะเริ่มจากการอบรมภาคทฤษฎี ระยะเวลาประมาณ 4-5 วัน โดยจัดขึ้นใน กทม. อาจใช้ห้องฝึกอบรมของ ส.ท. หรือใช้สถานที่โรงแรมในการอบรมภาคทฤษฎีดังกล่าว หัวข้อวิชาของอบรมภาคทฤษฎีจะประกอบด้วยการปฐมนิเทศที่เต็มรูปแบบโดยประธานอนุกรรมการฝ่ายฝึกอบรม
การบรรยายพิเศษ พิธีเปิด
นอกจากนี้ก็จะมีหัวข้อวิชาที่ให้ความรู้แก่เยาวชนในภาพกว้างเกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศ
ระบบเศรษฐกิจของไทยและของโลก
มนุษย์สัมพันธ์
การส่งเสริมความเป็นไทย
เศรษฐกิจ
สังคมและการเมืองของไทย
ภาพรวมกิจกรรมบนเรือ
กลุ่มสัมพันธ์
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
และหัวข้อที่จะเป็นประเด็นในการ
Discussion บนเรือในโครงการนี้ฯ
เพื่อเตรียมความพร้อมในทางทฤษฎีให้กับเยาวชนในการที่จะนำไปประยุกต์ใช้สำหรับกิจกรรมในโครงการต่อไป
หัวข้อวิชาและวิทยากรจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องนี้
อาจมีการปรับเปลี่ยนในแต่ละปีตามความเหมาะสม |
||||
Question 25 การอบรมภาคปฏิบัติเป็นอย่างไร
หลังจากที่เยาวชนผ่านการฝึกอบรมภาคทฤษฎีเพื่อเตรียมความพร้อมทางวิชาการแล้ว ส.ท. โดยคณะอนุกรรมการฝ่ายฝึกอบรม จะจัดให้เยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกเข้ารับการอบรมภาคปฏิบัติ(หรือภาคกิจกรรม)ต่อจากการอบรมภาคทฤษฎี โดยจะจัดอบรมในสถานที่ที่เหมาะสมในต่างจังหวัด ระยะเวลาประมาณ 5-7 วัน เพื่อเตรียมความพร้อมในการทำกิจกรรมในโครงการฯ การอบรมภาคกิจกรรมนี้ จะจำลองแบบการทำกิจกรรมต่างๆในโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ เพื่อให้เยาวชนได้ฝึกหัดทำกิจกรรมกลุ่ม สร้างความสามัคคี และระดมสมองเพื่อวางแนวทางกิจกรรมของรุ่น เตรียมเอกสาร หรืออุปกรณ์ในกิจกรรมต่างๆ ฝึกหัดการแสดงวัฒนธรรมไทย โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอดีตผู้เข้าร่วมโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์รุ่นก่อนๆมาร่วมให้ความรู้ ประสบการณ์ และแนะนำแนวทางเพื่อความสะดวกในการระดมความคิดของเยาวชนต่อไป นอกจากนี้
ก่อนที่การอบรมภาคกิจกรรมจะเสร็จสิ้น
เยาวชนก็จะมีโอกาสเลือกหัวหน้าเยาวชน
(Youth Leader - YL) รองหัวหน้าเยาวชน
(Assistant Youth Leader AYL)
และหัวหน้ากลุ่ม (Solidarity Group Leader-GL)
เพื่อทำหน้าที่ในโครงการต่อไป |
||||
Question 26 หัวข้อในการอบรมภาคกิจกรรมหรือภาคปฏิบัติ
หัวข้อการอบรมภาคกิจกรรม
ประกอบด้วย
การบริหารกิจกรรมบนเรือ
กิจกรรมวัฒนธรรม
การประชุมกลุ่มย่อยและประชุมเตรียมการต่างๆ
การบริหารกิจกรรมกลุ่มสนใจ
(Club activities)
การอภิปรายหัวข้อบังคับ
(Discussion)
การอภิปรายเพื่อหาข้อสรุปในประเด็นต่างๆร่วมกัน
การเลือก YL และ AYL
การประเมินผลการอบรม |
||||
Question 27 ข้อห้ามตามข้อบังคับการฝึกอบรม
และการกำหนดโทษ
ตามข้อบังคับคณะอนุกรรมการฝึกอบรมมีข้อห้ามสำหรับเยาวชนผู้เข้ารับการอบรมหลายประการ
เช่น หากมีการทำผิดข้อบังคับ
กำหนดให้มีการลงโทษ คือ |
||||
Question 28 National
Leader
National Leader หรือ NL เป็นหัวหน้าสูงสุดของเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการในแต่ละปี เป็นผู้ที่มีหน้าที่ควบคุมดูแล กำกับการ ให้คำปรึกษา ทั้งในด้านนโยบายและปฏิบัติของเหล่าเยาวชน NL มีภารกิจสำคัญในการร่วมประชุม COC(Cruise Operation Committee) กับผู้บริหารโครงการ (Administrator) และ NL ของชาติอื่นๆ บนเรือระหว่างโครงการทุกวัน เพื่อพิจารณาในด้านนโยบาย แสวงหามาตรการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้โครงการดำเนินไปด้วยความราบรื่น มีประสิทธิภาพ และสมดังวัตถุประสงค์ของโครงการที่วางไว้ จากอดีตที่ผ่านมาเป็นที่น่าสังเกตว่า
National Leader
ของประเทศไทยแทบทุกรุ่นมาคัดเลือกมาจากข้าราชการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ(สยช.)ซึ่งในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนเป็น
ส.ท.
มีเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่คัดเลือกมาจากอดีตเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการหรือจากข้าราชการหน่วยงานอื่น
ในขณะที่ National Leader
ของชาติอื่นๆนั้นส่วนใหญ่คัดเลือกมาจากอดีตผู้เข้าร่วมโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ที่หลากหลาย
ซึ่งมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่เหมาะสมแทบทั้งสิ้น
ทำให้ National Leader
เหล่านั้นสามารถนำเอาประสบการณ์ที่ผ่านมาในโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ของตนเองมาใช้ในการมองสถานการณ์ในภาพรวม
ตลอดจนคาดคะเนปัญหาและกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาในระหว่างร่วมโครงการของเยาวชนชาติของตนเองได้เป็นอย่างดี |
||||
Question 29 Youth
Leader (YL) และ Assistant Youth Leader (AYL)
Youth Leader หรือ YL คือเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการที่ได้รับเลือกจากความรู้ ความสามารถ และความเหมาะสม ให้เป็นหัวหน้าของกลุ่มเยาวชน UL จะมีฐานะเป็นตัวแทนของเยาวชนแต่ละชาติในพิธีการต่างๆ ตลอดจนเป็นตัวแทนของกลุ่มเยาวชนของแต่ละชาติในการไปเยือนกลุ่มประเทศที่เรือนิปปอนมารูไม่ได้เข้าจอดเทียบท่าในแต่ละปี Assistant
Youth Leader หรือ AYL คือเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการที่ได้รับเลือกจากความรู้
ความสามารถ และความเหมาะสม
ให้เป็นรองหัวหน้าของกลุ่มเยาวชน
มีหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่แทน
YL ในโอกาสที่ YL
ไม่อยู่หรืออยู่แต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
หรือทำหน้าที่กรณีอื่นๆซึ่งมีการกำหนดไว้โดยเฉพาะ
เช่น หน้าที่ในการกล่าว speech
ใน welcome ceremony
ที่ท่าเรือประเทศต่างๆ (เวียนกันไปในแต่ละประเทศ) |
||||
Question 30 Group
leader หรือ GL
ในการอบรมภาคปฏิบัติ เยาวชนแต่ละชาติจะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ เรียกว่า Solidarity group หรือ Solid group เรียกย่อๆว่า SG โดยแต่ละ SG จะเลือกหัวหน้ากลุ่มของตนเองขึ้นมา 1 คน ในการทำกิจกรรมบนเรือ ก็จะมีการจัดเยาวชนเป็นSolidarity group เช่นกัน ซึ่งจะมีการตั้งชื่อ SG ตามตัวอักษร เช่น SG-A , AG-B ..ฯลฯ เมื่อที่ประชุม
COC
มีมติหรือนโยบายในเรื่องใดมา
National Leader
ซึ่งดูแลกำกับการแต่ละ SG
ก็จะเรียกประชุม GL
จากแต่ละชาติใน SG
ของตนเพื่อประชุมถ่ายทอดมติหรือนโยบาย
หรือหารือเพื่อแจ้งข่าวหรือพิจารณาหาข้อสรุปในที่ประชุม
GL หลังจากนั้น GL
แต่ละชาติก็จะไปถ่ายทอดสิ่งที่ได้จากการประชุม
GL นั้นแก่สมาชิกใน SG
ของชาติตนเอง
ถือเป็นการทำงานในระบบคณะกรรมการที่มีประสิทธิภาพ
และเกิดการกระจายอำนาจที่ชัดเจน |
||||
Question 31 Participating
Youth หรือ PY คืออะไร
|
||||
Question 32 Contingent
กับ Solidarity group ต่างกันอย่างไร
Contingent เป็นคำเรียกกลุ่มเยาวชนแต่ละชาติ เช่น Thai contingent หมายถึงการจัดกลุ่มโดยใช้ความเป็นชาติเป็นตัวกำหนด ส่วน Solidarity group นั้น สำหรับในโครงการหมายถึงการจัดเป็นกลุ่มโดยนำสมาชิกของในแต่ละชาติที่สังกัด SG เดียวกันมารวมกันเป็น SG ใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น เยาวชนไทยที่สังกัด SG-A ในการฝึกอบรมในประเทศไทย เมื่อเข้าร่วมในโครงการแล้ว ก็จะไปสังกัด SG-A ซึ่งจะมีเพื่อนร่วมกลุ่มมาจาก SG-A ของทุกประเทศ การกำหนดเป็น
Contingent หรือ SG
นั้นเพื่อความสะดวกในการจัดกลุ่มกิจกรรม
เช่น
หากโครงการกำหนดว่าในการเดินทางไปทำกิจกรรมที่ใด
ให้เดินทางโดยรถบัสในลักษณะของ
Contingent ก็หมายความว่าในรถบัสคันนั้นก็จะมีแต่เยาวชนจากชาติเดียวกันทั้งสิ้นเท่านั้น
แต่หากระบุชี้ชัดว่าให้ SG-A
เดินทางโดยรถบัสหมายเลข 1
หมายความว่า เยาวชนทุกชาติทุกคน
ที่สังกัด SG-A
ต้องเดินทางโดยรถบัสหมายเลข
1 เป็นต้น |
||||
Question 33 การเตรียมการก่อนเดินทางเข้าร่วมโครงการ
สิ่งที่ต้องเตรียมการก่อนเดินทางเข้าร่วมโครงการคือ 1.VISA
ทุกคนจะต้องทำ VISA
เพื่อเข้าประเทศญี่ปุ่น (ส่วนประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน
ได้รับการยกเว้น VISA) โดย ส.ท.จะรวบรวมดำเนินการเกี่ยวกับ
Passport (สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยมี
หรือมีแล้วแต่หมดอายุ)และ
VISA สำหรับเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนในคราวเดียวกัน |
||||
Question 34 การตรวจร่างกายก่อนเดินทางไปต่างประเทศ
เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการทุกคน จะต้องผ่านการตรวจร่างกายเพื่อยืนยันว่าปลอดจากโรคติดต่อร้ายแรงและมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ดีเพียงพอที่จะเข้าร่วมโครงการได้ (เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นเจ้าภาพรายใหญ่ในโครงการ) โดย ส.ท.จะติดต่อประสานงานโรงพยาบาลของรัฐเพื่อดำเนินการตรวจร่างกายให้เยาวชนทุกคน การตรวจพื้นฐานได้แก่การตรวจเลือด ปัสสาวะ และการเอ๊กซเรย์ช่วงอก ในช่วงปี พ.ศ.2546 มีมาตรการตรวจสุขภาพค่อนข้างเข้มงวดเนื่องจากอยู่ในช่วงที่เพิ่งผ่อนคลายจากโรคระบาด SARS แต่รัฐบาลญี่ปุ่นก็ยังให้ความสำคัญเกี่ยวกับความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค SARS ดังกล่าวด้วย ดังนั้นนอกจากการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลแล้ว เยาวชนยังต้องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายตนเองวันละ 2 ครั้งเช้าเย็น เป็นเวลา 14 วันก่อนเดินทาง โดยรายงานในแบบฟอร์มที่รัฐบาลญี่ปุ่นกำหนด ตลอดจนกรอกแบบสอบถามเกี่ยวกับสุขภาพที่รับบาลญี่ปุ่นจัดเตรียมไว้ให้เพื่อยื่นต่อ Administrative staffs (ผ่านทาง National Leader) ของตนเองเวลาขึ้นเรือครั้งแรกอีกด้วย มาตรการด้านสุขภาพดังกล่าวใช้บังคับไปถึงทุกบุคคลที่ต้องขึ้นบนเรือ
เช่น ผู้แทนสมาคมเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ของแต่ละประเทศที่จะขึ้นไปร่วมประชุม
OBSC (On Board the Ship Conference) และ National Leader ฯลฯ |
||||
Question 35 การแบ่งหน้าที่เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการ
นอกจาก National leader , Youth Leader , Assistant Youth Leader และ Group Leader แล้ว ควรมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบของเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการเป็นกลุ่มต่างๆ เช่น 1.ฝ่ายวิชาการ
รับผิดชอบในส่วนของการ Discussion
และประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้อง |
||||
Question 36 ทรัพย์สินส่วนกลางของรุ่นคืออะไร
ทรัพย์สินส่วนกลางคือทรัพย์สินที่ในรุ่นทีไว้ใช้ร่วมกัน ซึ่งบางสิ่งอาจต้องมีบัญชีควบคุมไว้เป็นพิเศษเพื่อมิให้กระจัดกระจายหรือสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ ทรัพย์สินดังกล่าวเช่น 1.ฟิล์มส่วนกลาง
สำหรับ Press
ใช้ในการถ่ายภาพส่วนกลาง |
||||
Question 37 เหรียญสัญลักษณ์
หรือเข็มกลัดประจำรุ่น
ประดับชุดเครื่องแบบเยาวชน
เมื่อเยาวชนทุกคนผ่านการฝึกอบรมครบถ้วนและพร้อมที่จะเดินทางเข้าร่วมโครงการ
ทุกคนจะได้รับมอบเข็มกลัดรูปตราเยาวชนพระราชทาน
เพื่อใช้ติดที่ปกเสื้อสูทด้านซ้ายอันเป็นสัญญลักษณ์ที่ทรงเกียรติและความภาคภูมิของเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการของประเทศไทย
ซึ่งตราเยาวชนพระราชทานดังกล่าวได้ถูกออกแบบมาแล้วอย่างสวยงาม
ดังนั้น การที่เยาวชนแต่ละรุ่นจะจัดทำตราสัญญลักษณ์หรือเข็มกลัดของรุ่นตนเองนั้นก็สามารถทำได้
แต่ขอให้พิจารณาไม่ให้มากเกินความเหมาะสม
นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงจุดที่ติดเข็มกลัดไม่ให้สูงกว่าเข็มกลัดตราเยาวชนพระราชทานดังกล่าว
อนึ่งในระหว่างการเข้าร่วมโครงการยังจะมีการแลกเปลี่ยนของที่ระลึกระหว่างเพื่อเยาวชนชาติต่างๆ
ซึ่งทำให้เยาวชนจะได้รับเข็มกลัดต่างๆอีกเป็นจำนวนมาก
ขอให้พิจารณาถึงประเด็นนี้ด้วย
เพราะมิฉะนั้นเยาวชนบางคนจะติดเข็มกลัดที่ระลึกมากมายจนเต็มเสื้อสูทไปหมด
ทำให้อาจไม่น่าดู |
||||
Question 38 Attire
คืออะไร
Attire A โดยปกติเป็นชุดสูท สีเข้ม แต่เดิมมีชุดเดียว แต่ในปัจจุบันมีการแบ่งเป็น Attire A-1 , Attire A-2 ที่อาจมีความแตกต่างกันบ้างบางประการ (เป็นทัศนะของแต่ละรุ่น ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน) Attire A จะใช้ในการร่วมพิธีการต่างๆ การเยี่ยมคารวะบุคคลสำคัญ งานเลี้ยงต้อนรับ หรือโอกาสที่ต้องการให้เกียรติแก่บุคคลหรือสถานที่ Attire A จะตัดเย็บด้วยแบบและสีที่เหมือนกันทั้งรุ่น ถือเป็นเครื่องแบบประจำชาติอย่างหนึ่ง Attire B เป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติ เยาวชนแต่ละรายจะจัดหามาเอง รูปแบบและจำนวนชุดตามความสมัครใจ แต่ต้องเน้นที่ความเป็นไทยและมีความสุภาพเรียบร้อย เหมาะสมแก่กาละและเทศะ Attire C เป็นชุดไม่เป็นทางการ อาจเป็นเสื้อเชิร์ตแขนสั้น หรือเสื้อยืดมีคอปกแบบสุภาพ มีแบบและสีเดียวกันทั้งรุ่น ใช้สำหรับการไปร่วมกิจกรรมที่ไม่เป็นทางการ สามารถแต่งกายแบบลำลองได้เพื่อความคล่องตัว เช่น การทัศนศึกษา การพบปะเยาวชนท้องถิ่น ฯลฯ Attire D ชุดกีฬา หรือออกกำลังกาย อาจประกอบด้วยเสื้อยืด กางเกงวอร์ม เสื้อวอร์ม หรืออื่นๆ แล้วแต่ในรุ่นจะได้รับการสนับสนุนในการจัดหา Attire
แต่ละปีอาจมีความแตกต่างกันไปตามความเหมาะสม
เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย
การจะใช้ Attire ใด ในโอกาสใด
เป็นการกำหนดทางนโยบายโดยผู้บริหารโครงการและCOC(Cruise
Operation Committee)
มิใช่แต่งกายตามความต้องการของเยาวชนเอง
นอกจากนี้การแต่งกาย Attire
เดียวกันภายในรุ่นต้องยึดความเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นหลัก
ไม่ควรแต่งกายให้แตกต่างจากคนอื่นในชาติเดียวกันหากไม่มีกรณีจำเป็น
เช่น ไม่ควรใส่เนคไทสีแตกต่างจากเพื่อน
หรือออกแบบสูทให้แตกต่างจากคนอื่นในรุ่น
ฯลฯ |
||||
Question 39 การแต่งกายบนเรือ
ในระหว่างที่อยู่บนเรือ อนุญาตให้แต่งกายตามสบาย แต่ต้องเรียบร้อยพอสมควร เช่น เยาวชนสตรีห้ามนุ่งกางเกงขาสั้น ห้ามใส่รองเท้าแตะที่ไม่มีรัดส้น ห้ามแต่งกายที่ส่อไปในทางที่ไม่สุภาพหรือไม่มิดชิด ห้ามถอดเสื้อ ฯลฯ ยกเว้นกรณีอยู่ใน cabin ของตนเองก็สามารถแต่งกายตามสบายได้ นอกจากนี้ควรรักษาความสะอาดของร่างกายและเสื้อผ้าด้วย
เนื่องจากจะต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นเป็นจำนวนมาก
แม้แต่ใน cabin ก็อยู่ร่วมกับเยาวชนชาติอื่นอีก
2 คน
ไม่ควรสร้างความไม่สบายใจหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่อเพื่อนร่วม
cabin |
||||
Question 40 ยาสามัญที่ควรพกพาไป
เนื่องจากบนเรือมีบริการทางการแพทย์โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอยู่แล้วและควรมีการจัดยาสามัญส่วนกลางประจำรุ่นไว้ด้วย
แต่เยาวชนอาจเตรียมยาสามัญประจำตัวที่อาจมีความจำเป้นต้องใช้ไปด้วยในปริมาณที่เหมาะสม
อย่างไรก็ดี
ควรศึกษาล่วงหน้าด้วยว่าผลิตภัณฑ์ชนิดใดต้องห้ามในประเทศใดบ้างหรือไม่
เนื่องจากกฎหมายของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน |
-สงวนลิขสิทธิ์-