Proud to be Ex-Pys

Ex-Pys Article : 100 Questions you want to know more about SSEAYP (2)

100 คำถามที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ 
โดย กมลธรรม  วาสบุญมา (SSEAYP 1991)
อดีตอุปนายกสมาคมเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์แห่งประเทศไทย(ฝ่ายบริหาร)

-สงวนลิขสิทธิ์-

    Question 21         การรายงานตัวหลังจากผ่านการคัดเลือก ต้องทำอย่างไรบ้าง

การรายงานตัว หมายถึง การที่เยาวชนผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ ไปแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ของ ส.ท.ตามวันเวลา และสถานที่ซึ่ง ส.ท.กำหนดเพื่อยืนยันการเข้าร่วมโครงการฯ โดยในการรายงานตัวดังกล่าว หากปรากฏในประกาศผลสอบสัมภาษณ์หรือโดยการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ ส.ท.ระบุว่าเยาวชนคนใดยังส่งเอกสารไม่ครบ หรือต้องดำเนินการใดเพื่อความสมบูรณ์ของการเข้าร่วมโครงการฯก่อน เยาวชนคนนั้นต้องรีบดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นอาจเสียสิทธิเข้าร่วมโครงการได้

ในส่วนของผู้ผ่านการคัดเลือกสำรอง อาจใช้วิธีโทรศัพท์มารายงานตัวได้ ทั้งนี้อนุโลมตามหลักเกณฑ์ของ ส.ท. ซึ่งอาจแตกต่างไปในแต่ละปี เพื่อป้องกันการเสียสิทธิ เยาวชนจึงควรศึกษารายละเอียดที่สมบูรณ์และทันสมัยจากประกาศของ ส.ท.ในแต่ละปี
 

    Question 22         การปฐมนิเทศก่อนการเข้าร่วมโครงการฯ คืออะไร

การปฐมนิเทศ คือการแนะนำในสิ่งที่เยาวชนควรรู้ในการที่จะเข้าร่วมโครงการอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ สมดังวัตถุประสงค์ของโครงการฯ และเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ต่อโครงการ และต่อตัวเยาวชนเองที่สุด การปฐมนิเทศเป็นการแนะนำให้เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการเข้าใจในภาพรวม ส่วนรายละเอียดเยาวชนจะได้เรียนรู้ในระหว่างการฝึกอบรมภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในโอกาสต่อไป
 

    Question 23         สถานภาพการเป็นเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการเริ่มต้นเมื่อใด

เยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกจะมีสถานะเป็นเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการ(Participating Youth หรือ PY) โดยสมบูรณ์เมื่อผ่านขั้นตอนการรายงานตัว การปฐมนิเทศ และเข้ารับการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติโดยครบถ้วน ไม่กระทำตนอันเป็นเหตุให้ถูกพิจารณาโทษให้ออกจากการเป็นผู้ฝึกอบรม ตามข้อบังคับคณะอนุกรรมการฝ่ายฝึกอบรมโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ ว่าด้วยการรับการฝึกอบรมฯ
 

    Question 24         การอบรมภาคทฤษฎีเป็นอย่างไร

เมื่อเยาวชนผ่านการคัดเลือกและรายงานตัว ตลอดจนปฐมนิเทศแล้ว ส.ท.โดยคณะอนุกรรมการฝ่ายฝึกอบรม จะจัดการอบรมให้แก่เยาวชน โดยจะเริ่มจากการอบรมภาคทฤษฎี ระยะเวลาประมาณ 4-5 วัน โดยจัดขึ้นใน กทม. อาจใช้ห้องฝึกอบรมของ ส.ท. หรือใช้สถานที่โรงแรมในการอบรมภาคทฤษฎีดังกล่าว

หัวข้อวิชาของอบรมภาคทฤษฎีจะประกอบด้วยการปฐมนิเทศที่เต็มรูปแบบโดยประธานอนุกรรมการฝ่ายฝึกอบรม การบรรยายพิเศษ พิธีเปิด นอกจากนี้ก็จะมีหัวข้อวิชาที่ให้ความรู้แก่เยาวชนในภาพกว้างเกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศ ระบบเศรษฐกิจของไทยและของโลก มนุษย์สัมพันธ์ การส่งเสริมความเป็นไทย เศรษฐกิจ สังคมและการเมืองของไทย ภาพรวมกิจกรรมบนเรือ กลุ่มสัมพันธ์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหัวข้อที่จะเป็นประเด็นในการ Discussion บนเรือในโครงการนี้ฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในทางทฤษฎีให้กับเยาวชนในการที่จะนำไปประยุกต์ใช้สำหรับกิจกรรมในโครงการต่อไป หัวข้อวิชาและวิทยากรจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องนี้ อาจมีการปรับเปลี่ยนในแต่ละปีตามความเหมาะสม
 

    Question 25         การอบรมภาคปฏิบัติเป็นอย่างไร

หลังจากที่เยาวชนผ่านการฝึกอบรมภาคทฤษฎีเพื่อเตรียมความพร้อมทางวิชาการแล้ว ส.ท. โดยคณะอนุกรรมการฝ่ายฝึกอบรม จะจัดให้เยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกเข้ารับการอบรมภาคปฏิบัติ(หรือภาคกิจกรรม)ต่อจากการอบรมภาคทฤษฎี โดยจะจัดอบรมในสถานที่ที่เหมาะสมในต่างจังหวัด ระยะเวลาประมาณ 5-7 วัน เพื่อเตรียมความพร้อมในการทำกิจกรรมในโครงการฯ

การอบรมภาคกิจกรรมนี้ จะจำลองแบบการทำกิจกรรมต่างๆในโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ เพื่อให้เยาวชนได้ฝึกหัดทำกิจกรรมกลุ่ม สร้างความสามัคคี และระดมสมองเพื่อวางแนวทางกิจกรรมของรุ่น เตรียมเอกสาร หรืออุปกรณ์ในกิจกรรมต่างๆ ฝึกหัดการแสดงวัฒนธรรมไทย โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอดีตผู้เข้าร่วมโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์รุ่นก่อนๆมาร่วมให้ความรู้ ประสบการณ์ และแนะนำแนวทางเพื่อความสะดวกในการระดมความคิดของเยาวชนต่อไป

นอกจากนี้ ก่อนที่การอบรมภาคกิจกรรมจะเสร็จสิ้น เยาวชนก็จะมีโอกาสเลือกหัวหน้าเยาวชน (Youth Leader - YL) รองหัวหน้าเยาวชน (Assistant Youth Leader – AYL) และหัวหน้ากลุ่ม (Solidarity Group Leader-GL) เพื่อทำหน้าที่ในโครงการต่อไป
  

    Question 26         หัวข้อในการอบรมภาคกิจกรรมหรือภาคปฏิบัติ

หัวข้อการอบรมภาคกิจกรรม ประกอบด้วย การบริหารกิจกรรมบนเรือ กิจกรรมวัฒนธรรม  การประชุมกลุ่มย่อยและประชุมเตรียมการต่างๆ  การบริหารกิจกรรมกลุ่มสนใจ (Club activities) การอภิปรายหัวข้อบังคับ (Discussion) การอภิปรายเพื่อหาข้อสรุปในประเด็นต่างๆร่วมกัน การเลือก YL และ AYL การประเมินผลการอบรม
 

    Question 27         ข้อห้ามตามข้อบังคับการฝึกอบรม และการกำหนดโทษ

ตามข้อบังคับคณะอนุกรรมการฝึกอบรมมีข้อห้ามสำหรับเยาวชนผู้เข้ารับการอบรมหลายประการ เช่น
1.ห้ามนำบุคคลภายนอกเข้ามายังสถานที่ฝึกอบรมเว้นแต่ได้รับอนุญาต
2.ห้ามเล่นการพนันทุกชนิดระหว่างฝึกอบรม
3.ห้ามนำสิ่งพิมพ์ เทปบันทึกภาพ หรือเทปบันทึกเสียงลามก เข้ามาในบริเวณสถานที่ฝึกอบรม
4.ห้ามดื่มสุรา สิ่งเสพติด หรือนำเข้ามาในบริเวณสถานที่ฝึกอบรม
5.ห้ามนำหรือพกพาอาวุธทุกชนิดเข้ามาในบริเวณสถานที่ฝึกอบรม หรือที่พัก ไม่ว่ากรณีใดๆ

หากมีการทำผิดข้อบังคับ กำหนดให้มีการลงโทษ คือ
1.ว่ากล่าวตักเตือน
2.ภาคทัณฑ์และลงลายมือชื่อเป็นลายลักษณ์อักษร
3.ให้ออกจากการฝึกอบรม
รายละเอียดข้อบังคับและการกำหนดโทษที่สมบูรณ์ ควรศึกษาเพิ่มเติมจากข้อบังคับคณะอนุกรรมการฝ่ายฝึกอบรมฯ ที่อาจปรับปรุงในแต่ละปี
 

    Question 28         National Leader

National Leader หรือ NL เป็นหัวหน้าสูงสุดของเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการในแต่ละปี เป็นผู้ที่มีหน้าที่ควบคุมดูแล กำกับการ ให้คำปรึกษา ทั้งในด้านนโยบายและปฏิบัติของเหล่าเยาวชน NL มีภารกิจสำคัญในการร่วมประชุม COC(Cruise Operation Committee) กับผู้บริหารโครงการ (Administrator) และ NL ของชาติอื่นๆ บนเรือระหว่างโครงการทุกวัน เพื่อพิจารณาในด้านนโยบาย แสวงหามาตรการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้โครงการดำเนินไปด้วยความราบรื่น มีประสิทธิภาพ และสมดังวัตถุประสงค์ของโครงการที่วางไว้

จากอดีตที่ผ่านมาเป็นที่น่าสังเกตว่า National Leader ของประเทศไทยแทบทุกรุ่นมาคัดเลือกมาจากข้าราชการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ(สยช.)ซึ่งในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนเป็น ส.ท. มีเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่คัดเลือกมาจากอดีตเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการหรือจากข้าราชการหน่วยงานอื่น ในขณะที่ National Leader ของชาติอื่นๆนั้นส่วนใหญ่คัดเลือกมาจากอดีตผู้เข้าร่วมโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ที่หลากหลาย ซึ่งมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่เหมาะสมแทบทั้งสิ้น ทำให้ National Leader เหล่านั้นสามารถนำเอาประสบการณ์ที่ผ่านมาในโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ของตนเองมาใช้ในการมองสถานการณ์ในภาพรวม ตลอดจนคาดคะเนปัญหาและกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาในระหว่างร่วมโครงการของเยาวชนชาติของตนเองได้เป็นอย่างดี
 

    Question 29         Youth Leader (YL) และ Assistant Youth Leader (AYL)

Youth Leader หรือ YL คือเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการที่ได้รับเลือกจากความรู้ ความสามารถ และความเหมาะสม ให้เป็นหัวหน้าของกลุ่มเยาวชน UL จะมีฐานะเป็นตัวแทนของเยาวชนแต่ละชาติในพิธีการต่างๆ ตลอดจนเป็นตัวแทนของกลุ่มเยาวชนของแต่ละชาติในการไปเยือนกลุ่มประเทศที่เรือนิปปอนมารูไม่ได้เข้าจอดเทียบท่าในแต่ละปี 

Assistant Youth Leader หรือ AYL คือเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการที่ได้รับเลือกจากความรู้ ความสามารถ และความเหมาะสม ให้เป็นรองหัวหน้าของกลุ่มเยาวชน มีหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่แทน YL ในโอกาสที่ YL ไม่อยู่หรืออยู่แต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือทำหน้าที่กรณีอื่นๆซึ่งมีการกำหนดไว้โดยเฉพาะ เช่น หน้าที่ในการกล่าว speech ใน welcome ceremony ที่ท่าเรือประเทศต่างๆ (เวียนกันไปในแต่ละประเทศ)
 

    Question 30        Group leader หรือ GL

ในการอบรมภาคปฏิบัติ เยาวชนแต่ละชาติจะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ เรียกว่า Solidarity group หรือ Solid group เรียกย่อๆว่า SG โดยแต่ละ SG จะเลือกหัวหน้ากลุ่มของตนเองขึ้นมา 1 คน

ในการทำกิจกรรมบนเรือ ก็จะมีการจัดเยาวชนเป็นSolidarity group เช่นกัน ซึ่งจะมีการตั้งชื่อ SG ตามตัวอักษร เช่น SG-A , AG-B…..ฯลฯ

เมื่อที่ประชุม COC มีมติหรือนโยบายในเรื่องใดมา National Leader ซึ่งดูแลกำกับการแต่ละ SG ก็จะเรียกประชุม GL จากแต่ละชาติใน SG ของตนเพื่อประชุมถ่ายทอดมติหรือนโยบาย หรือหารือเพื่อแจ้งข่าวหรือพิจารณาหาข้อสรุปในที่ประชุม GL หลังจากนั้น GL แต่ละชาติก็จะไปถ่ายทอดสิ่งที่ได้จากการประชุม GL นั้นแก่สมาชิกใน SG ของชาติตนเอง ถือเป็นการทำงานในระบบคณะกรรมการที่มีประสิทธิภาพ และเกิดการกระจายอำนาจที่ชัดเจน
 

    Question 31        Participating Youth หรือ PY คืออะไร

PY คือเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการแต่ละคน ไม่ว่าจะมาจากชาติใด ก็มีสถานะเป็น PY หมดทุกคน (ยกเว้นบางคนที่มีตำแหน่งเป็น YL , AYL หรือ GL ด้วย) รูปพหูพจน์ของ PY คือ PYs

คำเรียกย่ออีกลักษณะหนึ่งที่เป็นที่นิยมในผู้เข้าร่วมโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์รุ่นหลังๆ คือการเติมตัวอักษรย่อชื่อประเทศเข้าไปหน้าคำว่า PY เพื่อสะดวกในการเรียกขาน เช่น TPY หมายถึง Thai participating Youth , JPY หมายถึง Japanese Participating Youth เป็นต้น
 

 

   
    Question 32        Contingent กับ Solidarity group ต่างกันอย่างไร

Contingent เป็นคำเรียกกลุ่มเยาวชน”แต่ละชาติ” เช่น Thai contingent หมายถึงการจัดกลุ่มโดยใช้ความเป็นชาติเป็นตัวกำหนด

ส่วน Solidarity group นั้น สำหรับในโครงการหมายถึงการจัดเป็นกลุ่มโดยนำสมาชิกของในแต่ละชาติที่สังกัด SG เดียวกันมารวมกันเป็น SG ใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น เยาวชนไทยที่สังกัด SG-A ในการฝึกอบรมในประเทศไทย เมื่อเข้าร่วมในโครงการแล้ว ก็จะไปสังกัด SG-A ซึ่งจะมีเพื่อนร่วมกลุ่มมาจาก SG-A ของทุกประเทศ

การกำหนดเป็น Contingent หรือ SG นั้นเพื่อความสะดวกในการจัดกลุ่มกิจกรรม เช่น หากโครงการกำหนดว่าในการเดินทางไปทำกิจกรรมที่ใด ให้เดินทางโดยรถบัสในลักษณะของ Contingent ก็หมายความว่าในรถบัสคันนั้นก็จะมีแต่เยาวชนจากชาติเดียวกันทั้งสิ้นเท่านั้น แต่หากระบุชี้ชัดว่าให้ SG-A เดินทางโดยรถบัสหมายเลข 1 หมายความว่า เยาวชนทุกชาติทุกคน ที่สังกัด SG-A ต้องเดินทางโดยรถบัสหมายเลข 1 เป็นต้น
 

    Question 33        การเตรียมการก่อนเดินทางเข้าร่วมโครงการ

สิ่งที่ต้องเตรียมการก่อนเดินทางเข้าร่วมโครงการคือ

1.VISA ทุกคนจะต้องทำ VISA เพื่อเข้าประเทศญี่ปุ่น (ส่วนประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน ได้รับการยกเว้น VISA) โดย ส.ท.จะรวบรวมดำเนินการเกี่ยวกับ Passport (สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยมี หรือมีแล้วแต่หมดอายุ)และ VISA สำหรับเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนในคราวเดียวกัน
2.
ATTIRE หมายถึงเครื่องแต่งกายชุดต่างๆ สำหรับเยาวชนผู้เข้าร่วมทุกคน โดยเยาวชนในรุ่นจะเป็นผู้คัดเลือกแบบที่เหมาะสมให้เหมือนกัน เยาวชนที่เป็นข้าราชการสามารถเบิกได้จากส่วนราชการต้นสังกัดตามระเบียบ อย่างไรก็ดีขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละหน่วยงานด้วย
3.
PROFILE เป็นเอกสารแนะนำตัวของทุกคนในรุ่นขนาดกระทัดรัด มีข้อมูลเกี่ยวกับประวัติและรายละเอียดเยาวชนทุกคนโดยสังเขป และเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ค่าใช้จ่ายในการทำ profile ส่วนใหญ่จะได้จากสปอนเซอร์ในแต่ละปี
4.
NAMECARD นามบัตรของเยาวชนแต่ละคน ที่ออกแบบเหมือนกันทุกคน ส่วนใหญ่จะออกแบบเหมือนกันทั้งรุ่น
5.
ป้ายชื่อติดหน้าอก ป้ายชื่อสำหรับติดที่หน้าอกเสื้อด้านขวาเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่จะทำเหมือนกันทั้งรุ่น
6.
ของที่ระลึก สำหรับแจกแก่เพื่อเยาวชนชาติอื่น และสำหรับครอบครัวเจ้าภาพ (Hosted families) ที่เราไปพักด้วยทุกประเทศ ไม่จำเป็นต้องเป็นของที่มีราคาสูง ขอเพียงเป็นของที่ให้ความรู้สึกแบบไทยๆที่สร้างความประทับใจให้ผู้รับได้ก็พอ
 

    Question 34        การตรวจร่างกายก่อนเดินทางไปต่างประเทศ

เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการทุกคน จะต้องผ่านการตรวจร่างกายเพื่อยืนยันว่าปลอดจากโรคติดต่อร้ายแรงและมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ดีเพียงพอที่จะเข้าร่วมโครงการได้ (เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นเจ้าภาพรายใหญ่ในโครงการ) โดย ส.ท.จะติดต่อประสานงานโรงพยาบาลของรัฐเพื่อดำเนินการตรวจร่างกายให้เยาวชนทุกคน การตรวจพื้นฐานได้แก่การตรวจเลือด ปัสสาวะ และการเอ๊กซเรย์ช่วงอก

ในช่วงปี พ.ศ.2546 มีมาตรการตรวจสุขภาพค่อนข้างเข้มงวดเนื่องจากอยู่ในช่วงที่เพิ่งผ่อนคลายจากโรคระบาด SARS แต่รัฐบาลญี่ปุ่นก็ยังให้ความสำคัญเกี่ยวกับความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค SARS ดังกล่าวด้วย ดังนั้นนอกจากการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลแล้ว เยาวชนยังต้องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายตนเองวันละ 2 ครั้งเช้าเย็น เป็นเวลา 14 วันก่อนเดินทาง โดยรายงานในแบบฟอร์มที่รัฐบาลญี่ปุ่นกำหนด ตลอดจนกรอกแบบสอบถามเกี่ยวกับสุขภาพที่รับบาลญี่ปุ่นจัดเตรียมไว้ให้เพื่อยื่นต่อ Administrative staffs (ผ่านทาง National Leader) ของตนเองเวลาขึ้นเรือครั้งแรกอีกด้วย

มาตรการด้านสุขภาพดังกล่าวใช้บังคับไปถึงทุกบุคคลที่ต้องขึ้นบนเรือ เช่น ผู้แทนสมาคมเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ของแต่ละประเทศที่จะขึ้นไปร่วมประชุม OBSC (On Board the Ship Conference) และ National Leader ฯลฯ
 

    Question 35       การแบ่งหน้าที่เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการ

นอกจาก National leader , Youth Leader , Assistant Youth Leader และ Group Leader แล้ว ควรมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบของเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการเป็นกลุ่มต่างๆ เช่น

1.ฝ่ายวิชาการ รับผิดชอบในส่วนของการ Discussion และประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
2.ฝ่ายการแสดงและ presentation รับผิดชอบเกี่ยวกับการนำเสนอศิลปะวัฒนธรรมไทย ตลอดจนการ Presentation ในโอกาสต่างๆและงาน Exhibition
3.ฝ่ายการเงิน รับผิดชอบการบริหารจัดการเรื่องการเงินงบประมาณของรุ่น
4.Press ประจำรุ่น เนื่องจากในช่วงพิธีสำคัญ โครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ถือเป็นความสำคัญอย่างยิ่งในความมีระเบียบเรียบร้อยและมีวินัย ดังนั้นจึงไม่ยินยอมให้เยาวชนเดินออกนอกแถวไปถ่ายภาพตนเองและเพื่อนฝูงจนเกิดภาพความไม่เป็นระเบียบ แต่จะยอมให้บุคคลที่เป็น Official Press ของรุ่นเท่านั้นที่มีสิทธิเดินออกนอกแถวไปบันทึกภาพที่เกี่ยวข้องได้ โดย Official Press นี้จะมีสัญญลักษณ์เป็นปลอกแขนสีขาว มีข้อความว่า Press เป็นเครื่องหมายบอกสถานะ
5.ฝ่ายพัสดุและขนย้าย รับผิดชอบการดูแล เก็บรักษา และขนย้าย ทรัพย์สินส่วนรวมของรุ่น เช่น อุปกรณ์การแสดง เอกสารวิชาการ ฯลฯ โดยทีมงานฝ่ายพัสดุมักจะเป็นผู้ถือกุญแจห้อง Store room ประจำแต่ละชาติ บนเรือนิปปอนมารู เพื่อเก็บรักษา และดูแลทรัพย์สินส่วนรวมดังกล่าว
6.ฝ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสมของแต่ละรุ่น
 

    Question 36       ทรัพย์สินส่วนกลางของรุ่นคืออะไร

ทรัพย์สินส่วนกลางคือทรัพย์สินที่ในรุ่นทีไว้ใช้ร่วมกัน ซึ่งบางสิ่งอาจต้องมีบัญชีควบคุมไว้เป็นพิเศษเพื่อมิให้กระจัดกระจายหรือสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ ทรัพย์สินดังกล่าวเช่น

1.ฟิล์มส่วนกลาง สำหรับ Press ใช้ในการถ่ายภาพส่วนกลาง
2.Profile เป็นสิ่งที่เยาวชนใช้ในการแนะนำตัวประกอบนามบัตร เป็นสิ่งที่ต้องมีการควบคุมการเบิกจ่ายให้เหมาะสม มิฉะนั้นจะหมดก่อนกำหนด และไม่มีใช้ในเวลาอันควร
3.ยาสามัญ เช่น ยาแก้ปวดลดไข้ ยาแก้หวัด ยาแก้เมาเรือ ฯลฯ
4.อาหารแห้งสำเร็จรูปบางอย่าง เช่น บะหมี่สำเร็จรูป (ในกรณีที่บางคนเกิดอาการเมาเรือมาก จนอาจไม่สามารถรับประทานอาหารอื่นตามปกติได้ บะหมี่สำเร็จรูปรสชาติแบบไทยๆจะช่วยได้มาก)
5.อื่นๆที่เห็นสมควรในแต่ละรุ่น
 

    Question 37       เหรียญสัญลักษณ์ หรือเข็มกลัดประจำรุ่น ประดับชุดเครื่องแบบเยาวชน

เมื่อเยาวชนทุกคนผ่านการฝึกอบรมครบถ้วนและพร้อมที่จะเดินทางเข้าร่วมโครงการ ทุกคนจะได้รับมอบเข็มกลัดรูปตราเยาวชนพระราชทาน เพื่อใช้ติดที่ปกเสื้อสูทด้านซ้ายอันเป็นสัญญลักษณ์ที่ทรงเกียรติและความภาคภูมิของเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการของประเทศไทย ซึ่งตราเยาวชนพระราชทานดังกล่าวได้ถูกออกแบบมาแล้วอย่างสวยงาม ดังนั้น การที่เยาวชนแต่ละรุ่นจะจัดทำตราสัญญลักษณ์หรือเข็มกลัดของรุ่นตนเองนั้นก็สามารถทำได้ แต่ขอให้พิจารณาไม่ให้มากเกินความเหมาะสม นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงจุดที่ติดเข็มกลัดไม่ให้สูงกว่าเข็มกลัดตราเยาวชนพระราชทานดังกล่าว อนึ่งในระหว่างการเข้าร่วมโครงการยังจะมีการแลกเปลี่ยนของที่ระลึกระหว่างเพื่อเยาวชนชาติต่างๆ ซึ่งทำให้เยาวชนจะได้รับเข็มกลัดต่างๆอีกเป็นจำนวนมาก ขอให้พิจารณาถึงประเด็นนี้ด้วย เพราะมิฉะนั้นเยาวชนบางคนจะติดเข็มกลัดที่ระลึกมากมายจนเต็มเสื้อสูทไปหมด ทำให้อาจไม่น่าดู
 

    Question 38       Attire คืออะไร


Attire คือ ชุดเครื่องแต่งกายที่เยาวชนไทยจะแต่งเหมือนกันทั้งรุ่นในโอกาสต่างๆ โดยปกติจะประกอบด้วย

Attire A โดยปกติเป็นชุดสูท สีเข้ม แต่เดิมมีชุดเดียว แต่ในปัจจุบันมีการแบ่งเป็น Attire A-1 , Attire A-2 ที่อาจมีความแตกต่างกันบ้างบางประการ (เป็นทัศนะของแต่ละรุ่น ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน) Attire A จะใช้ในการร่วมพิธีการต่างๆ การเยี่ยมคารวะบุคคลสำคัญ งานเลี้ยงต้อนรับ หรือโอกาสที่ต้องการให้เกียรติแก่บุคคลหรือสถานที่ Attire A จะตัดเย็บด้วยแบบและสีที่เหมือนกันทั้งรุ่น ถือเป็นเครื่องแบบประจำชาติอย่างหนึ่ง

Attire B เป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติ เยาวชนแต่ละรายจะจัดหามาเอง รูปแบบและจำนวนชุดตามความสมัครใจ แต่ต้องเน้นที่ความเป็นไทยและมีความสุภาพเรียบร้อย เหมาะสมแก่กาละและเทศะ

Attire C เป็นชุดไม่เป็นทางการ อาจเป็นเสื้อเชิร์ตแขนสั้น หรือเสื้อยืดมีคอปกแบบสุภาพ มีแบบและสีเดียวกันทั้งรุ่น ใช้สำหรับการไปร่วมกิจกรรมที่ไม่เป็นทางการ สามารถแต่งกายแบบลำลองได้เพื่อความคล่องตัว เช่น การทัศนศึกษา การพบปะเยาวชนท้องถิ่น ฯลฯ

Attire D ชุดกีฬา หรือออกกำลังกาย อาจประกอบด้วยเสื้อยืด กางเกงวอร์ม เสื้อวอร์ม หรืออื่นๆ แล้วแต่ในรุ่นจะได้รับการสนับสนุนในการจัดหา

Attire แต่ละปีอาจมีความแตกต่างกันไปตามความเหมาะสม เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย การจะใช้ Attire ใด ในโอกาสใด เป็นการกำหนดทางนโยบายโดยผู้บริหารโครงการและCOC(Cruise Operation Committee) มิใช่แต่งกายตามความต้องการของเยาวชนเอง นอกจากนี้การแต่งกาย Attire เดียวกันภายในรุ่นต้องยึดความเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นหลัก ไม่ควรแต่งกายให้แตกต่างจากคนอื่นในชาติเดียวกันหากไม่มีกรณีจำเป็น เช่น ไม่ควรใส่เนคไทสีแตกต่างจากเพื่อน หรือออกแบบสูทให้แตกต่างจากคนอื่นในรุ่น ฯลฯ

    Question 39       การแต่งกายบนเรือ

ในระหว่างที่อยู่บนเรือ อนุญาตให้แต่งกายตามสบาย แต่ต้องเรียบร้อยพอสมควร เช่น เยาวชนสตรีห้ามนุ่งกางเกงขาสั้น ห้ามใส่รองเท้าแตะที่ไม่มีรัดส้น ห้ามแต่งกายที่ส่อไปในทางที่ไม่สุภาพหรือไม่มิดชิด ห้ามถอดเสื้อ ฯลฯ ยกเว้นกรณีอยู่ใน cabin ของตนเองก็สามารถแต่งกายตามสบายได้

นอกจากนี้ควรรักษาความสะอาดของร่างกายและเสื้อผ้าด้วย เนื่องจากจะต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นเป็นจำนวนมาก แม้แต่ใน cabin ก็อยู่ร่วมกับเยาวชนชาติอื่นอีก 2 คน ไม่ควรสร้างความไม่สบายใจหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่อเพื่อนร่วม cabin
 

    Question 40       ยาสามัญที่ควรพกพาไป

เนื่องจากบนเรือมีบริการทางการแพทย์โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอยู่แล้วและควรมีการจัดยาสามัญส่วนกลางประจำรุ่นไว้ด้วย แต่เยาวชนอาจเตรียมยาสามัญประจำตัวที่อาจมีความจำเป้นต้องใช้ไปด้วยในปริมาณที่เหมาะสม อย่างไรก็ดี ควรศึกษาล่วงหน้าด้วยว่าผลิตภัณฑ์ชนิดใดต้องห้ามในประเทศใดบ้างหรือไม่ เนื่องจากกฎหมายของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน
 

กลับไปบทความหน้าแรก

-สงวนลิขสิทธิ์-