|
ดวงอาทิตย์เริ่มเคลื่อนคล้อยลงลับขอบฟ้า เสียงนกการ้องเตรียมกลับรัง เหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของกันจอแจก็เก็บของปิดร้านกลับบ้าน โคน่าเผลอนั่งหลับไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมา หญิงสาวกำลังนั่งหลับ เธอรู้สึกแปลกใจตัวเองน่าดูที่สามารถนั่งหลับได้ทั้งที่นั่งแบบไม่มีที่พิง เธอส่ายศีรษะ พลางยกมือปัดผมที่ปรกหน้า นับวันเธอจะยิ่งเหมือนพ่อไปทุกวันแล้ว พ่อยืนหลับก็ได้ โดยที่ไม่ล้ม เธอมักคิดว่าพ่อของเธอเหมือนม้าเสมอ แต่ต่อไปเธอก็คงจะเป็นม้าบ้าง อีกไม่นานคนในเมืองเมเปิ้ลคงเรียกเธอว่า โคน่าสติเฟื่อง....
เธอยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่จมูก ทำให้มือไปโดนแผลที่เกิดจากการชกต่อย หญิงสาวสะดุ้งทันที ความเจ็บแล่นปรู๊ดขึ้นไปถึงสมอง แล้วโคน่าก็เริ่มจำเรื่องต่างๆได้ เธอจำการชกต่อย จำความยุ่งยากที่เธอรังเกียจได้ และ...จำผู้ชายแขนไม้ได้อีกด้วย
เธอหันขวับมามองที่หน้าต่างทันทีที่จำได้ว่าเขาอยู่ไหนเป็นครั้งสุดท้าย แต่เธอก็ไม่พบอะไร....ขอบหน้าต่างว่างเปล่า
โคน่ารู้สึกว่าห้องเงียบไปอีกอึดใจ แต่นั้นแหละที่เธอเคยชอบมาก ทว่ามันไม่ดีเลยเมื่อเขาจากไปหลังจากถลุงเงินเธอ และสวาปามมื้อเย็นของเธอเข้าไปด้วย
ท้องของโคน่าเริ่มอาละวาดอย่างหนัก มันกรีดร้องราวกับสูญเสียสิ่งอันที่ควรจะมีอย่างยิ่งยวดไป จมูกก็โหยหายา หัวปวดตุ้บๆ มันคงมีผลมาจากการชกต่อยแน่...เธอคิด
โคน่านอนลงบนเตียงกระดานแข็งๆ บัดนี้เธอได้ความสงบแล้ว เธอเชื่อว่ามาดามคงยังไม่มาหาเรื่องเธอจนกว่าจะหานักเลงอื่นมาแทนได้ เธอคงมีเวลาไม่นาน อาจมะรืนนี้...หรือพรุ่งนี้เช้าก็ไม่อาจคาดเดาได้ เธอไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ เพราะเธอจะไม่มีสิทธิ์กลับเข้ามาได้อีกเลย ความรู้สึกของเธอตอนนี้เหมือนกับลูกสาวที่ถูกกักบริเวณจากคุณแม่อย่างนั้นแหละ...ไม่สิ...เหมือนกับนักโทษที่ถูกขังไว้อย่างโดดเดี่ยวบนยอดหอคอยมากกว่า บรรยากาศในห้องใต้หลังคาสงบมาก เสียจนควรจะเรียกว่าสงัด มันเงียบเสียจนยิ่งทำให้ความคิดของโคน่าฟุ้งซ่าน เธอควรจะลงไปหาเจ้าของตึกดีไหมน่ะ? ไปขอโทษเธอแบบที่พ่อชอบทำแบบเมื่อก่อน เธออาจจะยกโทษให้โคน่าก็ได้ ก็เธอรู้จักโคน่ามาตั้งแต่เด็กนี่นา หรือจะรีบจัดของที่สำคัญ เฉพาะที่สำคัญเท่านั้น เพราะเธออาจถูกไล่ออกไปเมื่อไรก็ได้ จะอย่างไงก็เถอะ ตอนนี้เธอขอเถอะ เธออยากนอนอย่างสงบ ขออยู่เงียบๆ ก่อนที่จะถูกขับไล่ออกไปนอกที่นี่เถอะ
หญิงสาวหลับตานอนหงาย ก่อนที่จะพลิกตัวไปเป็นท่านอนตะแคงเพราะถูกเศษฟางของนกที่ชอบคุ้ยหล่นใส่ใบหน้า เธอลืมตาโพล่งขึ้นอย่างไม่มีจุดหมาย และแล้วเธอก็ได้เห็นอะไรบางอย่างอยู่ตรงหัวเตียง
กระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆถูกวางทับไว้ด้วยขวดสีขาวใสน่ารักขวดหนึ่ง ซึ่งเธอพอจะรู้ว่ามันคือขวดใส่ยาแบบพกพา ที่นักเดินทางหรือผู้หญิงชอบพกกัน
โคน่าพยุงตัวขึ้นคว้าทั้งโน้ตและขวดยาเข้ามาใกล้ตัว เธอคลี่โน้ตออกอ่าน มันถูกเขียนขึ้นด้วยปากกาเขียนแบบของเธอ ลายมือธรรมดากระเดียดไปทางสวย
"บังเอิญเจอในกระเป๋า
เลยให้ไว้
ทำทาน
จาก อาคันตุกะ" โคน่าขย้ำโน้ตนั้นจนเป็นก้อนกลมก่อนที่จะปามันทิ้งลงไปที่พื้น
"ผู้บุกรุกเสียมากกว่า" โคน่าร้อง ก่อนที่จะหันมาดูขวดยาที่อยู่ในมืออีกข้าง เธอหมุนสำรวจรอบด้าน มีฉลากปะไว้ว่า 'ยาสมานแผล'
โคน่าพลิกดูอย่างไม่ไว้ใจ เธอไม่เชื่อหรอก เขาหลอกเธอเอาไว้กี่ครั้งแล้วน่ะ ใช่
ทั้งเรื่องเงิน แล้วยังใช้เธออีก ของพรรณนี้อาจเป็นผงกรดก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ โคน่าเดินลงจากเตียงก้มลงเก็บโน้ตที่เธอปั้นเอาไว้เป็นก้อนกลมก่อนที่จะโยนลงถังผงพร้อมๆกับยาสมานแผล ก่อนกลับมาทิ้งตัวลงบนเตียง ทั้งความง่วงและหิวเข้ารุมเร้า เสื้อผ้าก็คันยุกยิก กลิ่นน้ำมันโชยหึ่ง
หิวจังเลย
เธอคิด
ถ้าเป็นพ่อต้องมีความคิดดีๆแน่
ตอนเด็กๆเวลาเราหิว พ่อทำยังไงบ้างน่ะ
อ้อ นึกออกแล้ว
พ่อบอกว่า
ถ้าแกหิว โคน่า! แกก็นอนเสีย แล้วก็นับแกะไปด้วย
ทำไมพ่อถึงไม่ดิ้นรนหาของให้เรากินล่ะ
หรือสุดท้าย เราอาจจะตัวคนเดียวเองก็ได้
พ่ออาจจะไม่ได้รักเรา เหมือนกับแม่ก็ได้
พ่ออาจดูแลเราเพราะเราเป็นภาระที่พ่อทิ้งไม่ได้รึเปล่า?
ช่างเถอะ
"เพราะยังไงพ่อก็ตอบหนูไม่ได้อยู่แล้ว" เธอกระซิบเบาๆ พลางมองรูปของพ่อ ซึ่งบัดนี้มันถูกนำขึ้นไปแขวนที่เดิมโดยไม่ใช่ฝีมือเธอ โคน่าพลิกตัวนอนตะแคง ห้องของเธออยู่คร่อม 2 ห้องชั้นล่าง ซีกซ้ายของห้องคือห้องของสามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงาน ตอนกลางคืนมักมีเสียงแปลกๆลอยขึ้นมาเป็นประจำ โคน่าไม่เข้าใจหรอกว่าเขาเป็นแผลบ่อยอะไรหนักหนาถึงจะต้องทายาใส่แผลกันทุกคืน แต่ที่แน่ๆ การทำแผลของทั้งคู่รุนแรงมาก ทำเอาเตียงของพวกเขาลั่นเอี๊ยดอ๊าด จนโคน่ายังรู้สึกกลัวเตียงพังแทน
ส่วนซีกขวาของห้องเป็นห้องของเพื่อนรัก 2 คนที่เช่าห้องอยู่ด้วยกัน พวกเขาเพิ่งมาใหม่ไม่ถึงอาทิตย์ ในตอนกลางวันพวกเขาจะออกไปข้างนอกและจะกลับมาตอนกลางคืน ถ้าโคน่ายังตื่นอยู่ ในตอนดึกๆ มักได้ยินเสียงเปิดประตูเป็นประจำ
แต่น่าแปลกน่ะที่ว่า ยังไม่ดึกเลยแท้ๆแต่คนพวกนี้กลับเดินทางมาถึงแต่หัวค่ำ เสียงเปิดประตูฟังดูรีบร้อนอย่างเห็นได้ชัด สองร่างย่างเข้ามาในความมืด คนหนึ่งจุดไฟ ส่วนอีกคน ถือถุงใบย่อมขนาดย่ามมาด้วยใบหนึ่ง คนแรกเมื่อจุดไฟเสร็จก็รีบถลันเข้ามาหาคนที่ถือถุงอย่างใจร้อน
"เปิดเร็ว ฉันอยากเห็น" คนแรกกระซิบกระซาบ แต่คนที่สองบุ้ยใบ้ให้ไปตรวจตราประตูเสียก่อน คนแรกยอมโดยดี เขาแทบก้าวกระโดดไปล็อกประตู แล้วก็รีบวิ่งกลับมาราวกับมีแม่เหล็กดูด
คนที่ถือย่ามดึงอะไรบางอย่างออกมาจากย่าม โคน่าแอบมองลอดช่องโหว่ของไม้กระดานก็เห็นอะไรบางอย่างเป็นสีทองแวววาว เจ้าคนแรกแทบปรบมือด้วยความยินดี
"ทองทั้งกล่อง" เขาร้อง อีกคนรีบปรามให้เงียบทันที ก่อนจะยกกล่องสี่เหลี่ยมสีทองขึ้นมาเปิดข้างใน
ภายในนั้นปรากฏเป็นเพชรเม็ดโตเท่ากำปั้น สีของมันเป็นสีขาว ขาวเหมือนหมอกตอนเช้า ส่องประกายระยิบระยับราวกับแสงของสวรรค์ สว่างเสียจนเห็นแล้วรู้สึกสบายใจ ทุกอย่างโปร่งโล่งไปหมด
หญิงสาวมองมันผ่านช่องโหว่ของแผ่นไม้กระดาน โลกของโคน่าเริ่มแจ่มใสขึ้น รู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นอันแสนอบอุ่น มีเตาผิง พรมนุ่ม และกลิ่นของไก่งวงย่าง กับน้ำผลไม้ ยังจะมีความสุขไหนมากกว่านี้ สักนาทีที่ได้อยู่อย่างสบาย ไม่ต้องกังวลใดๆ มีทุกอย่างที่เธอต้องการสักครั้งในชีวิตของเธอ
แต่ก่อนที่โคน่าจะได้อิ่มเอิบต่อเพชรที่ตัวเองเห็นมากกว่านี้ กล่องทองคำก็ถูกปิดลงอย่างกระทันหัน แสงสว่างเหมือนจะดับวูบลงไปในชั่วพริบตา
"เราดูพอแล้ว ดูไนล์" เจ้าคนถือกล่องทองคำสะกิดเพื่อนตน "ได้เวลาหนีแล้วเพื่อนยาก เร็วเข้าก่อนที่เจ้าของกล่องนี้จะรู้ตัว"
"ไปไหน? ที่ไหนน่ะ เซอตี้" คนที่ถูกเรียกว่า ดูไนล์ ถามขึ้นด้วยท่าทางเซ่อๆ
"โธ่ เจ้าโง่" เซอตี้เอ็ด "ตามที่เราตกลงกันไงเจ้าโง่ ไปเถอะเร็วเข้า"
"ตอนนี้เลยหรือ?" คู่หูถาม
"ใช่! เร็วสิ แกเตรียมของไว้แล้วใช่ไหม? ดีมาก เอาล่ะ เราจะรีบเดินทางหลังจากทำลายหลักฐาน เร็ว! รีบทำลายหลักฐานทิ้งเดี๋ยวนี้เลย เอาสิ เผามันเลย" เซอตี้ยื่นปึ้งกระดาษให้แก่ชายที่ตนเรียกว่าดูไนล์ ดูไนล์รับมา ก่อนที่โยนมันเข้าเตาผิง และใช้น้ำมันราดเข้าไป ทำให้ไฟยิ่งโหมกระพือหนักเข้าไปอีก
ทั้งสองยืนรอสักครู่ให้ไฟเผาผลาญกระดาษที่ตนใส่เข้าไปให้ไหม้จนหมด รอจนกระทั้งไฟเริ่มอ่อนลง จนเตาผิงกลายเป็นเพียงกองเพลิงที่ลุกไหม้ให้ความอบอุ่น หาใช่
เผาไหม้สิ่งใด
"เอาล่ะเรียบร้อยแล้ว" เซอตี้นำกล่องทองคำออกมาจากถุง และใส่มันเอาไว้ในเสื้อ
"ไปเถอะ ดูไนล์เพื่อนยาก เราจะรวยกันแล้วล่ะทีนี้" เซอตี้กล่าว ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะพร้อมกันราวกับนัดแนะไว้ ก่อนที่จะพากันเดินหายออกไปนอกประตู ไม่มีการดับไฟ ไม่มีการปิดหน้าต่าง ทั้งสองคนเดินออกไปตัวเปล่าราวกับจะออกไปเดินเล่น
แต่ใครจะไปคาดเดาได้ ว่าพวกเขาจะกลับมาอีก
โคน่ารู้สึกอิจฉาทั้งคู่น้อยๆ ที่พวกเขากำลังจะรวย ทั้งที่เธอยังจนอยู่ และต้องนอนในห้องใต้หลังคา มีไม้กระดานแข็งเป็นเตียง เธอหันหน้ากลับมานอนในท่านอนหงายเช่นเดิม ก่อนที่จะหลับไป
.
โคน่าตื่นขึ้นในตอนเช้าเพราะเสียงเคาะประตู เธอสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยความตกใจ แสงแดดส่องเข้ามาในหน้าต่างที่ถูกเปิดอ้าเอาไว้ ส่องใส่หน้าหญิงสาว ทำให้เธอต้องหรี่ตา
"ค่ะ" โคน่ารับ เธอพอจะรู้อยู่หรอกว่าเป็นใคร คงไม่พ้นจากเจ้าของตึกที่คิดอยากไล่เธอไปให้พ้นกระมัง โคน่าขยี้ตา ก่อนที่จะเดินไปยังประตู เธอคะเนว่าตนคงได้เวลาจัดของไม่เกิน 1 ชั่วโมงแล้วจึงค่อยถูกเฉดหัวออกไป
ความโชคร้ายไม่เคยเข้าใครออกใครเลย
เธอคิด เธอเป็นตัวดึงดูดความโชคร้ายแท้ๆ
โคน่าดึงประตูเปิดออกอย่างแผ่วเบา คิดว่าน่าจะได้เห็นมาดามเจ้าของตึกที่เงื้อมือเตรียมตบเธอเต็มที่
"สวัสดีค่ะ คุณโคน่า" ผิดคาดแฮะ
ภาพข้างหน้าโคน่าคือสาวใช้คนหนึ่ง เธอถือถาดอาหารเช้ามาเสียด้วย
"อ้อ สวัสดี เกรซ
" โคน่าทักทายเด็กหญิงเบื้องหน้าตน เธอเป็นเด็กสุภาพมากทีเดียว แม้เธอจะไม่เคยช่วยเหลืออะไรโคน่า แต่ก็ไม่เคยแสดงกริยาหยาบคาย
"รับอาหารเช้าก่อนน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าจะให้หนูเอาไปวางไว้ที่ไหนค่ะ?" เด็กหญิงถาม โคน่ามองเธออย่างประหลาดใจ เธอได้อาหารเช้าแทนการถูกเฉดหัว ไม่ใช่เพราะเด็กคนนี้ทำให้แน่ เอ๊ะ! หรือจะเป็นถาดอาหารมื้อสุดท้าย ให้กินให้อิ่มแล้วค่อยไล่ออกไปทีเดียว หมดเรื่องกัน ไม่ถูกหาว่าทารุณจนเกินไปด้วย
โคน่าไม่ผลีผลามรับ แม้เธอจะหิวจนท้องกิ่ว เธอสำรวจถาดอาหารด้วยสายตา ก่อนที่จะมองเด็กหญิง
"อาหารมาจากใคร?" เธอถามเกรซ
"จากมาดาม เจ้าค่ะ คุณโคน่า ท่านสั่งให้หนูเอาขึ้นมาให้คุณเมื่อสักครู่นี้เอง"
"มาดาม?" โคน่าทวนคำอย่างแปลกใจ "ให้ฉันเนี่ยน่ะ
ขอโทษน่ะ เกรซ มันเกิดอะไรขึ้น?"
คำถามดูเหมือนจะถูกใจเด็กหญิงเป็นอย่างมาก ระริกระรี่อยากเล่าอย่างชัดเจน
"คุณรับอาหารไปทานก่อนเถอะค่ะ คุณโคน่า" เด็กหญิงยื่นถาดอาหารมาให้โคน่า "คุณทานไปหนูจะได้เล่าให้คุณฟังยังไงล่ะค่ะ?" โคน่าจำใจต้องรับถาดมาจากมือเด็กหญิง ก่อนที่จะเดินไปนั่งบนเตียงไม้กระดานของเธอ วางถาดอาหารไว้บนเข่า แล้วตบไม้กระดานข้างๆเป็นสัญญาณบอกให้เด็กหญิงนั่ง
เกรซถลาเข้ามานั่งลงบนไม้กระดานด้วยกริยาเหมือนลูกนกตัวน้อยๆ น่าเอ็นดูปนกับท่าทางยินดี ลูบกระโปรงจนเรียบก่อนนั่ง หลังจากนั้นก็เริ่มเล่า
"ก็พอเช้าวันนี้หนูก็ลงไปทำงานตอนเช้าเหมือนปกติค่ะ แล้วทีนี้
" เธอวาดมือ "หนูก็ได้ยินเรื่องของพวกคุณโนบอร์ถูกล้มอย่างไม่เป็นท่า โดยคุณ
กับผู้ชายคนหนึ่ง"
"ไม่เชิง เป็นฝีมือของหมอนั้นหมด ถ้ามาดามอยากเอาเรื่อง ก็ไปเอาเรื่องกับเขาเถอะ เพราะฉันไม่ได้เข้าไปยุ่ง นอกจากป้องกันตัวด้วยประแจ" เป็นความจริงครึ่งเดียวจากปากโคน่า เธอสำรวจซุปอย่างถี่ถ้วน ใช้จมูกดมฟุดฟิด เผื่อมียาพิษปนอยู่ เธอจะได้รู้ แล้วจึงค่อยจิบแต่เพียงเล็กน้อย เป็นเดือนแล้วที่เธอไม่ได้กินอาหารอย่างคนแบบนี้
"ใช่ค่ะ
มาดามโกรธมาก แต่ไม่กล้าไปยุ่ง เพราะกลัวคุณกับผู้ชายคนนั้นยังอยู่ ก็เลยคิดว่าจะรอจนกว่าจะหานักเลงคนใหม่ได้ก่อน"
"อือ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ใกล้ตายเต็มที เธอมาแล้วก็น่าจะเห็นว่าฉันอยู่คนเดียว" โคน่าว่า พลางหักขนมปังเป็นสองท่อน
"ใช่ค่ะ
" เกรซพูด พลางสำรวจดูรอบๆว่าไม่มีคนอยู่จริงๆ
"คุณใกล้ตายอย่างที่คุณพูดจริงๆนั้นล่ะ แต่ในตอนแรก แต่แล้วก็มีเจ้าชายมาช่วย รู้ไหมใคร?" โคน่าสำลักพรวด ใครกันมาเป็นเจ้าชายของเธอ ศัพท์แสลงคำนี้เธอรู้จักดี และไม่เคยคิดว่าเธอจะได้ใช้กับเขาด้วย
"ใคร?" โคน่าถาม
"นายกเทศมนตรีมอริส!" โคน่าลำลักอีกครั้ง ขนมปังคาอยู่ในหลอดอาหาร และติดหล่มอยู่ตรงนั้น ไม่ยอมไปไหน มอริสน่ะหรือ? เกลอเก่าของพ่อเธอน่ะเหรอที่มาเป็นเจ้าชายให้เธอในยามคับขันอย่างนี้ มันไม่ได้ทำให้เธอตื่นเต้นดีใจอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้เธอแปลกใจจนสำลักได้
โคน่าทุบหน้าอกตัวเอง ไล่ชิ้นขนมปังลงไป
"คุณมอริสน่ะหรือ?" โคน่าถามซ้ำอย่างไม่ค่อยเชื่อหูตัวเอง นายกเทศมนตรีมอริสไม่ใช่คนตระหนี่ เขาจ่ายอย่างสมน้ำสมเนื้อกับคนที่ทำงานให้ กระนั้นเถอะ เขาก็ไม่ใช่คนที่ช่วยเหลือคนอื่นฟรีๆ
"ใช่ค่ะ หนูไม่โกหกคุณหรอก ท่านมอริสจริงๆ หัวล้าน ผมดำโขกน้ำมัน หนวดงามเชียว ใช่ไหมค่ะ?"
โคน่านิ่งไปสักพัก แล้วจึงยกขนมปังขึ้นกัด พลางระลึกลักษณะของมอริสครั้งสุดท้ายที่เธอเห็น ไม่เปลี่ยนไปเลย ตั้งแต่เด็กจนโต ทุกครั้งที่โคน่าได้เจอมอริส เขายังคงมีลักษณะเดิมไม่เปลี่ยนไป
"ใช่" เธอหันมาบอกเด็กน้อย "ครั้งสุดท้ายที่ฉันเจอเขา เขา
เออ
เป็นอย่างนั้นแหละ" และ
เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันออกจากบ้านด้วย
โคน่าต่อในใจ
เธอลงมือทานอาหารที่เหลืออยู่ พยักหน้าให้เด็กหญิงเล่าต่อ
"เขาเข้ามาแล้วถามถึงคุณค่ะ แค่มาดามได้ยินเท่านั้นเธอก็คลั่งเลย ทว่าเธอคลั่งในใจ ถึงงั้นก็เหอะ หนูก็ดูรู้
'โคน่าล่ะ' มาถึงเขาก็ถามอย่างนี้เลย 'เธออยู่ที่นี่ใช่ไหม? โคน่า โอรีอา ลูกของ โคเปีย'
'ใช่ค่ะ มายลอร์ด' มาดามพยายามข่มใจ 'หล่อน เคย อยู่ที่นี่ บนห้องใต้หลังคา แต่ท่านจะไม่พบหล่อนอีกแล้วค่ะ เธอกำลังจะย้ายออกแล้ว'
'เอ๊ะ! ทำไมล่ะ? มาดาม' ท่ามอริสควงไม้เท้าในมือท่านด้วยความประหลาดใจ
'ทำไมอยู่ดีๆ โคน่าคนดี โคน่าลูกโคเปียเพื่อนเกลอของฉันถึงจะย้ายออกล่ะ? เขาอยู่กันมาเป็นสิบปี และคงจะอยู่อีกหลายสิบปี' มาดามนิ่งไป เธอคงคิดไม่ออกว่าจะบอกยังไง เลยเชื้อเชิญให้นายกเทศมนตรีนั่งลงบนโซฟาเสียก่อน ท่านมอริสแนบไม้เท้าที่รักแร้ ขณะเดินตัวโยกไปนั่งตามคำเชิญชวน รับซิกก้าที่เด็กใช้ส่งให้ เขาเสียก่อนจึงคาบมันไว้บนริมฝีปาก
'ฉันชอบกลิ่นนี้' ท่านมอริสพูดคล้ายพึมพำกับตัว
'ค่ะ ดิฉันก็ยินดีที่ท่านชอบค่ะ มายลอร์ด' มาดามพูด อึ้งไปพักใหญ่ เธอนั่งเหงื่อไหลเชียวล่ะ นั่งไขว้นิ้วไปมายังกับนักโทษต้องคดี
'เราคุยกันถึงเรื่องไหนแล้วน่ะ
อ้อ! เรื่องของหนูน้อยโคน่า ใช่ๆ ฉันจำได้ว่าเพิ่งเจอเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว
.เห็นแว่บๆ ไม่ได้ทักเอ๊ะ! ออกนอกเรื่องเสียแล้วสิเรา มาเข้าเรื่องดีกว่า นี่แน่ะ! มาดาม,คุณยังไม่ได้บอกเลย ว่าเธอจะไปที่ไหน? อะไรยังไง? โอ๊ยยยย งง! เอาเถอะ เล่ามาตั้งแต่ต้นเลยดีกว่าว่าทำไมเธอถึงจะไม่อยู่!
"สบอารมณ์มาดามเขาล่ะค่ะ พอท่านนายกเทศมนตรีว่าอย่างนั้น เธอเลยเล่าใหญ่ พวกหนูเลยพลอยรู้เรื่องไปด้วย!
เธอเล่าเรื่องที่คุณไม่จ่ายเงินค่าเช่า ทั้งเรื่องนักเลงที่ถูกอัด ผู้ชายแปลกหน้า แล้วก็แผนที่เธอจะเชิญคุณออกด้วย เออ
แต่หนูคิดว่ามันจะเป็นการไล่เสียมากกว่าน่ะค่ะ
พอท่านนายกเทศมนตรีได้ฟังอย่างนั้น ท่านก็กระแทกไม้เท้าของท่านทันทีเลยค่ะ เล่นเอาสะดุ้งกันไปหมด นึกว่าท่านจะโกรธเสียแล้วแต่ท่านกลับพูดว่า
'ยกเลิกแผนของคุณเสียเถอะ มาดาม' ท่านพูดกลั้วหัวเราะตามสไตส์ของท่าน 'คุณไม่ต้องไล่โคน่าออกหรอก ผมจะจ่ายค่าเช่าให้เธอเอง เท่าไรล่ะ?' มาดามหน้าบานขึ้นมาทันที เธอแจ้งราคาที่คุณค้างไว้กับเธอ ซึ่งไม่มากเลยสำหรับท่านมอริส ท่านแจ้งให้เลขาของท่านที่ตามมาจ่ายสดให้กับมาดามทันที มาดามก็รับมาด้วยดี เธอกล่าวขอบคุณท่านนายกเทศมนตรีราวกับเป็นผู้อุปการะคุณกิตติมศักดิ์ เชิญให้มารับประทานอาหารว่างตอนสายด้วยกัน แต่ท่านนายกเทศมนตรีก็ปฏิเสธ ท่านบอกว่ามีธุระด่วนกับคุณ พอรู้ว่าคุณยังอยู่บนห้อง แล้วก็ยังอยู่ห้องบนสุดอีก ท่านก็เลยไม่ได้ขึ้นมาหาคุณด้วยตัวเอง ท่านแค่เขียนข้อความฝากถึงคุณ และก็ยังบอกอีกว่าพอเจอคุณเมื่อไรให้รีบเอาจดหมายให้คุณทันที ยังกำชับให้คุณทานอาหารมาให้เรียบร้อย แล้วท่านกลับไปแทบจะในทันที
"มาดามก็เลยให้หนูนำอาหารขึ้นมาให้คุณ แล้วก็จดหมายจากท่านมอริสด้วยค่ะ" เกรซส่งซองจดหมายซองขาวซองหนึ่งให้แก่โคน่า โคน่ากวาดซุปเป็นคำสุดท้ายแล้วถึงจะรับซองจดหมายมาเปิดออกอ่าน
ถึง โคน่า โอรีอา
ห้อง ใต้หลังคา ตึกเก่าหลังที่ 3 เมืองเมเปิ้ล
โคน่าที่รัก ฉันเขียนจดหมายเอาไว้ให้เธอแทนการมาบอกด้วยตัวเองเพราะฉันมีธุระด่วนต้องจัดการ ซึ่งธุระอันนี้ก็ต้องของความช่วยเหลือจากเธอด้วย ช่วยมาที่ศาลากลางเมืองเร็วที่สุดหลังจากเธอได้รับจดหมายฉบับนี้แล้ว
นายกเทศมนตรีมอริส
โคน่าพับจดหมายเก็บ เธอส่งถาดคืนให้แก่เกรซ
"ฝากบอกมาดามด้วยน่ะ เกรซ ว่าขอบคุณสำหรับอาหาร" นักประดิษฐ์กล่าว เผลอใช้นิ้วปาดจมูก ทำเอารู้สึกเจ็บแผลขึ้นมาทันที เธองอตัวลงกุมแผลที่จมูก หญิงสาวร้องเรียกชื่อเด็กหญิงที่กำลังจะถือถาดอาหารออกไปจากห้อง เกรซหันกลับมา
"มีอะไรหรือค่ะ?"
"แล้วก็ เออ
ฉันอยากจะขอยาสมานแผลสักหน่อยด้วย" เกรซหันมามองโคน่าอย่างพิจารณาแต่เธอมีมารยาทพอที่จะไม่จ้องนานจนเกินไป
"ได้ค่ะ" เกรซรับคำ "แต่หนูต้องไปเอายาที่ตู้ยาข้างล่าง และถ้าคุณต้องการเก็บไว้บ้าง หนูจะเอามาเผื่อด้วย"
"ได้เก็บเอาไว้สักหน่อยก็ดี ขอบคุณมาก" เกรซยิ้มน้อยๆ ก่อนที่เธอจะเดินฝ่าห้องรกๆของโคน่าออกไป เด็กหญิงเดินออกอย่างทุลักทุเล เธอเผลอสะดุดกล่องเครื่องมือของโคน่าอีกด้วย
"ระวังน่ะเกรซ!" โคน่ากรากเข้าไปพยุงตัวเด็กหญิง "เดินระวังหน่อย ของมันรกไปหน่อยอ่ะน่ะ ฮะๆ" โคน่าแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน เกรซหันกลับมายิ้มแล้วออกเดินฝ่าทะเลสิ่งของออกไปอีกครั้ง เด็กหญิงจับชายกระโปรงของเธอขึ้นขณะเดิน แต่เท้าของเด็กหญิงก็ยังไม่วายไปเกี่ยวกับสิ่งของตามพื้น ถังผงที่วางอยู่ในห้องถูกเท้าเล็กๆของเกรซเกี่ยวเสียจนล้ม เศษกระดาษที่ถูกขย้ำเป็นก้อนกลมร่วงกระจัดกระจายไปทั่วพื้นห้อง แม้กระทั้งขวดน้ำยาสมานแผลด้วย
เกรซพึมพำขอโทษพลางก้มลงเก็บกระดาษที่ร่วงกระจายตามพื้น พลันเด็กหญิงก็เห็นกับขวดยาสมานแผลที่เทรเวนให้มา เด็กน้อยหยิบขึ้นมาอย่างนุ่มนวล โคน่าหน้าเสีย เพราะเด็กหญิงเห็นว่าเธอมียาสมานแผลอยู่แล้ว โคน่ากลัวว่าเธอจะมองตัวเธอในแง่ที่ไม่ดี
"นี่มันยาสมานแผลนี่ค่ะ!" เกรซหันมามองโคน่าด้วยสายตาซื่อๆ ท่าทางเธอคงไม่ได้คิดอย่างที่โคน่ากลัวเอาไว้
"มันอยู่ในถังผงค่ะ" เด็กหญิงยื่นขวดยาให้กับนักประดิษฐ์ โคน่ารับมันมาอย่างไม่แน่ใจนัก ก็เธอทิ้งมันไปกับมือไม่ใช่หรือ?
"เกรซ" หญิงสาวเรียกชื่อเด็กหญิง "ฉันกลัวมันจะไม่ใช่ยาสมานแผลน่ะ คนดี
คือ
ในห้องฉันมีสารเคมีมากมาย ฉันกลัวว่านี่จะเป็นแค่สารอะไรที่ฉันบังเอิญเอามาใส่ในขวดยาสมานแผล
ซึ่ง
เออ ฉันจำไม่ได้แล้วล่ะ เพราะมันนานมากเลย แล้วความจำฉันก็ไม่ค่อยจะดีเสียด้วยสิ
ถ้าจะกรุณา เกรซ ช่วยเอาขวดใหม่ให้ฉันเถอะ" เกรซน้อยรับขวดยาไปจากมือของโคน่า เธอมองขวดยานั้นอย่างจับพิรุธ ก่อนจะเปิดฝาขวดยาสมานแผลออกดม โคน่ายกมือห้ามไม่ทัน เด็กหญิงเทยาสมานแผลลงบนท่อนแขนเล็กน้อย แล้วใช้ปลายนิ้วละเลงบนเนื้อยา ก่อนจะมองเนื้อยาบนท่อนแขนอย่างพินิจพิเคราะห์ โคน่ายกมือขึ้นปิดหน้า โอ้! สวรรค์ เกิดเป็นน้ำกรดขึ้นมา แขนเด็กหญิงมีหวังคงไม่เป็นแขนแน่!
"เกรซ!!!" โคน่ารีบฉวยขวดยาออกจากมือของเกรซทันทีที่มีโอกาส เธอถกเสื้อของเธอขึ้นเช็ดแขนของเด็กหญิงด้วยความรวดเร็ว พลางนึกถึงเจ้าของขวดยา
"ไอ้บ้าเทรเวน เอ๊ย!" โคน่ากัดฟันกรอดๆ
"คุณทำอะไรค่ะ? คุณโคน่า!" เด็กหญิงรีบดึงแขนกลับด้วยท่าทีตกใจ
"ฉันกลัวมันไม่ใช่ยาสมานแผลน่ะสิ!!!" โคน่าหันกลับไปปิดฝาขวดด้วยระมัดระวังก่อนจะเหวี่ยงมันลงถังผงตามเดิม นักประดิษฐ์หันกลับมาทางเด็กหญิงที่ยืนตะลึงอยู่ โคน่าจับหัวไหล่เธอ
"เอาล่ะ! ฟังน่ะเกรซ ขวดนั้นฉันเพิ่งโยนทิ้งไปเมื่อวาน เพราะไอ้คนหัวน้ำมันจักรมันลืมเอาไว้ ฉันเลยกลัวว่ามันจะเป็นยาพิษ ก็เลยทิ้งไป ทีนี้ ฟังน่ะ! รีบลงไปข้างล่างแล้วล้างออกด่วนเลย ฉันเกรงว่าหากช้าเกินไปแล้วแขนหนูจะเป็นรูได้" เมื่อพูดจบ โคน่าก็ดันแผ่นหลังเด็กหญิงให้เดินออกไป แต่เกรซกลับไม่เดิน ซ้ำแล้วเธอยังหัวเราะคิกก่อนจะผลักมือของโคน่าออกอย่างแผ่วเบา
"นั้นไม่ใช่ยาพิษหรอกค่ะ คุณ นี่ ช่างระแวงเสียจริงเลย คุณโคน่า!" เธอเท้าสะเอวราวกับแม่บ้านดุลูกชายตัวน้อยที่แอบเล่นซน
"นั้นเป็นยาสมานแผลค่ะ อย่างดี
ราคาแพงเชียวล่ะ กลิ่นบลูฟาวเวอร์เสียด้วย เพิ่งออกใหม่ไม่นานมานี้เอง เชื่อหนูเถอะค่ะ! หนูมีหน้าที่ซื้อยาตามคำสั่งแม่บ้านมาหลายปีแล้วนะค่ะ ถ้าคุณทิ้งไปล่ะก็เสียดายแย่! เพราะมันราคาแพงเอามากๆ ขนาดที่เราใช้อยู่ยังเป็นของกรีนฟาวเวอร์เอง" ว่าแล้วเด็กหญิงเกรซก็เดินมายังตะกร้าผงอีกครั้ง เธอก้มลงหยิบยาสมานแผลในถังผง หลังจากนั้นจึงส่งคืนให้กับมือของโคน่า
"เอาไปใช้เถอะค่ะ คุณโคน่า มันเป็นยาสมานแผลแน่ค่ะ ไม่ใช่ยาพิษอะไรที่คุณคิดหรอกค่ะ" เกรซหัวเราะ นักประดิษฐ์จ้องขวดยานั้น
.
"ขอบคุณมาก เกรซ" เกรซหัวเราะก่อนที่จะถอนสายบัวให้หญิงสาวน้อยๆ
"ด้วยความยินดีค่ะ" เธอเหลียวไปหยิบถาดอาหาร ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องและก้าวออกไป
โคน่ามองตามเด็กหญิง เธอถอนหายใจเบาๆ ก่อนประตูจะปิด
"คุณโคน่าคะ" เด็กหญิงน้อยชะโงกผ่านประตูเก่าๆกลับมาอีกครั้ง
"มีอะไรหรือ?" โคน่าโคลงศรีษะ
"ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องยา คุณถามหนูอีกได้น่ะค่ะ"
"โอ้ ขอบใจมากเกรซ!" เด็กหญิงพยักหน้ายิ้มก่อนที่แง้มประตูลง โคน่าหันกลับมาสนใจขวดยาในมือ
"คุณโคน่าค่ะ!" เสียงเด็กหญิงร้องเรียกอีกครั้ง
"อะไรรึ?" โคน่าหันกลับไปมองที่ประตูอีกครั้ง เกรซเดินเข้ามาในห้อง เธอกอดถาดอาหารไว้กับอก
"หนูชอบคุณค่ะ" เธอบอก โคน่าสะดุ้งเล็กน้อย
"เออ
" โคน่าแตะปลายจมูกด้วยความเคยชิน "ฉันก็ชอบเธอ เกรซน้อย" หญิงสาวตอบ เด็กหญิงยิ้ม แล้ววิ่งไปหลังประตู
"สวัสดีตอนสายค่ะ" เด็กหญิงแง้มประตูปิดเบาๆ นักประดิษฐ์เห็นเธอยิ้มละไม
โคน่ากลับมาเตียงของเธอ หญิงสาวนั่งลงบนแผ่นไม้กระดาน ก่อนจะเริ่มทายาสมานแผลลงบนจมูก กลิ่นบลูฟาวเวอร์ช่างหอมเสียนี้กระไร แต่เธอไม่สนหรอก เธอสนแต่ว่ามันจะช่วยให้แผลเธอหายไหม? และคนที่ให้ ถ้ามีเงินมากพอที่จะซื้อยาแพงๆ ทำไมเขาถึงได้ไม่ออกค่าอาหารเอง ช่างเถอะ ยังไงชีวิตของเธอมันก็เอาแน่ไม่ได้อยู่แล้วล่ะ!
โคน่าไม่รีรออะไรนานนัก เมื่อเธอทายาเสร็จแล้ว หญิงสาวก็เริ่มเตรียมตัวออกไปข้างนอกทันที เธอฉวยเสื้อโค้ทยาวสีแดงเลือดหมูซึ่งเป็นมรดกจากพ่ออีกทีขึ้นมาใส่ พร้อมกับย่ามเก่าๆที่ถักจากเยื่อต้นสน มันคงทนมาก แม้จะผ่านกาลเวลามานานนับปีแต่ก็ไม่ทำให้ย่ามใบโปรดต้องสึกหรอแต่อย่างใด โคน่าเหน็บปากกาเขียนแบบไว้กับคอเสื้อ และสมุดออกแบบใส่ลงในย่าม เธอเตะสิ่งของที่วางเกลื่อนห้องให้มันหลีกออกไป โคน่าเปิดประตูอก แต่ก็ต้องปิดมันลง
"พ่อ" โคน่าเหลียวหลังกลับมามองรูปโคเปีย "หนูจะไปทำงานนะ อยู่ดีๆล่ะ" โคน่าพูด ก่อนนิ่งไปสักครู่ "ถ้ากลับเย็นล่ะก็ไม่ต้องเป็นห่วง
แล้วก็
เออ
ถ้าหนูพอมีเงินบ้าง หนูจะหาของกินมาฝาก" หญิงเม้มริมฝีปาก ก้มหน้านิ่ง แล้วจึงหันหลังกลับไปเปิดประตูห้อง ก่อนก้าวลงบันได
บันไดของตึกนั้นแท้จริงแล้วเป็นบันไดหินสีน้ำตาลอ่อนสวยงาม พื้นทางเดินทำจากไม้ที่ได้รับการทำความสะอาดทุกวันจนเงางาม กระถางต้นไม้ได้รับการสางเรียงห่างกันในระยะพอดี แต่ละต้นชูช่อสวยแข่งขันกัน มีรูปภาพประดับอยู่บนผนังสีเหลืองเปลือกไข่ กอปรด้วยกลิ่นอายรสนิยมของความเงียบสงบ ทำให้ที่นี่แท้จะเป็นตึกเก่าแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเป็นที่นิยม เพราะความงดงามและคลาสสิก แต่สำหรับบันไดขึ้นห้องใต้หลังคา ไม่ต่างอะไรกับห้องเก็บของที่ไม่ต้องการให้ใครเห็น บันไดทำมาจากไม้เก่าที่ถูกน้ำฝนจนเก่าผุ เพดานตามทางขึ้นนั้นหลังคารั่ว ตลอดทางจึงต้องมีขันรองน้ำวางอยู่เป็นระยะ มีผ้าถูพื้นถูกตากไว้ตามราวบันได เวลาเดินบนขั้นบันไดจะมีเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด บันไดขั้นหนึ่งขาดหายไป โคน่าต้องระวังเวลาลงไม่ให้ไปเหยียบเข้า ไม่อย่างนั้นอาจตกลงไปทำให้เจ็บตัวได้
โคน่าเดินผ่านยักไย่แมงมุมที่คลุมเหนือทางออก คล้ายม่านซึ่งทอจากเส้นใยแก้ว เป็นปราการด่านแรกที่ป้องกันให้ใครก็ตามอยากขึ้นไปห้องใต้หลังคาต้องเปลี่ยนความต้องการเพราะสภาพที่เห็น และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้โคน่ารักการอยู่ในห้องใต้หลังคาเสียมากกว่าจะให้ลงไปเดินตระเวนในเมืองหากไม่มีกิจจำเป็นอีกด้วย
หญิงสาวก้าวลงบันไดหินลงมายังชั้นล่างซึ่งเป็นร้านอาหารเล็กๆ มีแขกนั่งกันไม่กี่คน คงเป็นเพราะยังเช้าอยู่ จึงไม่ค่อยมีใครนอกไปเสียจากคนในตึกที่จะมาทานอาหาร โคน่าเดินผ่านโต๊ะประชาสัมพันธ์ก่อนเดินออกนอกประตูที่ทำด้วยไม้สักลูกบิดทองเหลือง
"ยอมออกมาข้างนอกแล้วรึไง? โคน่า" เสียงร้องทักขึ้น โคน่าจำต้องปล่อยมืออกจากลูกบิดประตูออกมาเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียง
เอสเน็กเป็นประชาสัมพันธ์ของที่นี่ เธอเป็นหลานสาวของมาดามเจ้าของตึก เอสเน็กตัวสูงเพรียวระหง มีผมสีบลอนด์อมน้ำตาล ดวงตาสีฟ้า ใบหน้ารูปไข่ เป็นผู้หญิงที่สวย ราวกับได้รับการเลียนแบบมาจากอะโฟไดร์"วันสุดท้ายที่เธอออกจากห้องคือวันนี้เมื่อสามเดือนที่แล้ว" เอสเน็กกล่าวต่อ ขณะที่จัดสมุดเยี่ยมให้เข้าที่
"ใช่" โคน่ากระชับโค้ทสีแดงของเธอ "และเวลานี้ของอีกหลายชั่วโมงข้างหน้าฉันจะกลับมา"
"โอ้" เอสเน็กหัวเราะ "ฉันไม่อยากจะว่าอะไรหรอกน่ะ แต่ช่วยออกไปให้เร็วหน่อยเถอะ เพราะแม้ว่าคุณป้าไม่เอาเรื่องเธอที่ไม่จ่ายค่าเช่า แต่ใช่ว่าเขาจะยกโทษให้เธอเรื่องหนุ่มน้อยในห้องหรอกน่ะ!" โคน่าหน้าเสีย ผู้ชายแขนเดียวช่างสร้างเรื่องให้เธอเยอะซะเหลือเกิน
"อ้อ!" โคน่าแกล้งทำไม่รู้ "ว่าแต่มาดามเขาว่าอย่างไรรึเปล่า?"
"ว่าซี!" เอสเน็กร้องขึ้นทันที "คุณป้าบอกว่าเธอไม่ผิดกับพ่อของเธอเลย" โคน่ากลืนน้ำลายข่มใจ
"อ้อ
ฉันนึกว่านั้นเป็นคำชมเสียอีก" โคน่าเชิดหน้าขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ตัวเธอสูงขึ้นมากนัก
"ตำหนิ" เอสเน็กพูดโดยไม่มองหน้านักประดิษฐ์ เพราะมั่วแต่ง่วนกับการจัดปากกา "ไม่มีใครอยากเหมือนโคเปีย" โคน่าจ้องหญิงตรงหน้าด้วยความโกรธเคือง ลำคอของเธอเริ่มร้อนผ่าว เธอรู้อยู่แก่ใจและเตือนใจตัวเองเสมอว่าพ่อของเธอไม่ใช่คนที่เป็นที่ชื่นชอบ แต่การสบประมาทของเอสเน็กเริ่มทำให้เธอหงุดหงิด ซึ่งอารมณ์นี้แทบหาไม่ได้เลยเมื่อเธออยู่อย่างสงบในห้องใต้หลังคา กลิ่นน้ำมัน กองกระดาษ และขี้เลื่อย ทำให้เธอรู้สึกสบายใจเสียยิ่งกว่าการมาพบปะเจรจากับผู้คนเสียอีก
"งั้นรึ?" โคน่าเริ่มโต้กลับด้วยน้ำเสียงยียวน
"ใช่" เอสเน็กชายตาขึ้นมองโคน่าก่อนจะหลุบลงมองบนสมุดรายการอีก "เธอโชคดีที่มีแค่สีผมเหมือนโคเปีย ถ้าเธอยิ่งหน้าตาเหมือนโคเปีย ฉันกล้าสาบานเลยว่าชาตินี้เธอขึ้นคานแหง!" อ้อ
ฉันก็ไม่ได้คิดเรื่องนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ
โคน่าเถียงด้วยสายตา
"เหรอ!" นักประดิษฐ์รับคำด้วยน้ำเสียงเดิม ทำให้สาวสวยที่โต๊ะชายตาขึ้นอีกด้วยความหงุดหงิด
"อย่าได้ใช้น้ำเสียงอย่างนี้กับฉันอีกน่ะ โคน่า แสลงหูจริงๆ แค่เสื้อเกรอะน้ำมันของเธอก็เหลือทนแล้ว อย่ามาตัวให้เหมือนโคเปียยิ่งกว่านี้เลยน่า" โคน่าฝืนยิ้มรับ เธอไม่พูดอะไรออกมาเพราะเธอไม่รู้จะไปหาคำพูดมาโต้จากที่ไหน เอาศัพท์ฟิสิกส์กับกลไกมาเถียงคงไม่เกี่ยวข้องกัน
"แล้วเธอรู้ไหมว่านิสัยอะไรที่ฉันเหมือนพ่ออีก?" โคน่ากระซิบถามขึ้นเบาๆ สายตาก็ไปจับจ้องที่แจกันดอกไม้ที่เพิ่งได้รับการเติมจนเต็มไปด้วยน้ำ
"ฉันไม่สนใจหรอก เรื่องอย่างนั้นน่ะ!!!" เอสเน็กว่า
"งั้นฉันจะบอกให้ เอาไหมล่ะ?" โคน่าหยิบแจกันขึ้นมาอย่างเบามือ เอสเน็กยักไหล่แสยะปาก ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง โคน่าก้มหน้าลงไปกระซิบข้างหูของเอสเน็ก
"พ่อฉันชอบทำเฉอะแฉะ!" ว่าแล้วโคน่าก็ยืดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วรดน้ำจากแจกันลงบนศรีษะของพนักงานสาว สาวผมบลอนด์อ้าปากค้าง มือทั้งสองข้างของเธอเกร็งอยู่ในท่างิกงอ น้ำจากแจกันไหลย้อยตามเสื้อผ้าและผมเผ้าของเอสเน็ก และไหลไปนองรวมกันที่โต๊ะ โคน่าเทน้ำจนหมดแจกันแล้วจึงส่งแจกันที่วางเปล่าลงบนมือที่กำงิกงอนั้น
"ของเธอ" โคน่ายิ้มอย่างเกเร ก่อนที่จะกระชับย่ามแล้วเดินออกไปนอกตึกอย่างรวดเร็ว แต่ไปได้ไม่ไกลนัก หญิงสาวก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังลั่นไม่เป็นภาษาดังมาจากประตูที่เธอเพิ่งเดินออกมา
"ความถี่สูง!" โคน่าพึมพำกับตัวเองยิ้มๆ ก่อนที่จะเริ่มเดินเลี้ยวตามทาง ตรงไปยังศาลากลางเมืองอย่างรวดเร็วที่สุด
Part. 4 >>>
|