|
ตลาดนัดคึกครื้นเช่นทุกวัน จนโคน่าต้องเหลียวมองไปรอบๆ ของแปลกๆถูกนำออกมาขายดั่งเช่นทุกวัน มีทั้งงาช้าง เขาสัตว์ แม้กระทั้งเครื่องประดับ
ถนนที่ทำจากแผ่นหินนั้นทำให้การเคลื่อนของเกวียนกระแทกขึ้นลง เกวียนคันหนึ่งขับผ่านโคน่าไป มัดฟางมัดหนึ่งหลุดออกมาร่วงหล่นลงบนย่ามของเธอ โคน่าปัดมันออกไปจากถุงสัมภาระ เธอเดินออกไปโดยพยายามยกเท้าให้สูงเพื่อไม่ให้สะดุดพื้นแผ่นหินที่ไม่เรียบนัก
หลังพ้นจากเขตตลาดก็เริ่มมาเป็นเขตบ้านเรือน ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นบ้านหลายชั้น หลังคาทรงสูง มีหน้าต่างที่เมื่อโผล่ออกมาสามารถมองเห็นถนนได้
โคน่าแอบเหลือบตามองตามบ้านเหล่านั้น มันคงอึกทึกหาความสงบได้ไม่เท่าห้องใต้หลังคาที่ไม่มีใครใคร่ย่างขึ้นไปเป็นแน่ แต่อย่างน้อยมันคงไม่มีใครขึ้นไปตามล่าเก็บค่าเช่าทุกเดือน
โคน่าเบนสายตากลับมามองถนน เธอยกมือที่ว่างขึ้นล้วงกระเป๋า การใช้มือข้างใดข้างหนึ่งไม่ใช่สิ่งที่เธอชอบเลย เพราะตลอดเวลาเธอจะต้องใช้มือทั้งสองข้างควบคู่กันตลอดเวลา การประมาทใช้มือข้างเดียวสำหรับนักประดิษฐ์นั้น อาจหมายถึงการบาดเจ็บจนถึงเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
หญิงสาวมองแผ่นหินอย่างผ่านๆ ในใจคิดสงสัยว่ามอริสเรียกตัวเธอทำไมกัน?
.
มอริสไม่ใช่คนใจดำอะไร แต่เขามักลืมตลอดเวลา เขาจะนึกถึงสิ่งนั้นได้ต่อเมื่อเขามีความจำเป็นต้องใช้สิ่งนั้นเท่านั้น
ไม่เว้นแม้แต่สิ่งมีชีวิต
ครั้งสุดท้ายที่เธอเจอกับมอริสเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว โคน่าออกมาเพื่อซื้อหาเสบียงมาเก็บ (แน่นอน! ตอนนั้นเธอยังพอมีเงินอยู่) หญิงสาวอุ้มถุงใส่เสบียงเดินไปตามถนน เธอเห็นนายกเทศมนตรียืนอยู่หน้าศาลากลางเมือง เขาเหลียวมองเธอเพียงแวบเดียวก่อนจะหันไปทางอื่น ถ้าเมื่อเช้าเกรซไม่เล่าให้เธอฟัง เธอคงไม่คิดว่ามอริสจะเห็นเธอ
โคน่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะแค้นมอริส การที่เขาไม่ให้ความช่วยเหลือเธอไม่ใช่ความผิดของเขา แม้ว่าเขาจะสนิทกับพ่อของเธอมากก็ตาม
โคน่าน้อย
คือชื่อที่มอริสชอบเรียกเธอสมัยเด็กๆ เป็นชื่อที่แม้แต่พ่อก็ไม่เรียก
ศาลากลางเมืองมอริสทำจากหินอ่อนสีขาวนวล เสาต้นใหญ่หลายต้นมีเส้นรอบวงหลายเมตรทำมาจากหินอ่อนขาวเช่นเดียวกัน ตอนบนของเสามีตราต้นเมเปิ้ลสัญลักษณ์ของเมืองติดอยู่ ประตูทำจากไม้โอ๊ก ท่าทางแข็งแรงทรทาน ตัวศาลากลางมีหน้าต่างโดยรอบ หลังคารูปกระทะคว่ำทำจากกระจกสีเทาควันไฟ
โคน่ายืนมองศาลากลางเมืองผ่านประตูเหล็กดัดสีดำ นานแล้วที่เธอไม่ได้มาที่นี่ นับตั้งแต่พ่อตาย หญิงสาวใช้มือผลักประตูเหล็กดัดเบาๆ ก่อนเดินเข้าไปในเขตของตัวศาลากลางเมือง ปลายเท้าของโคน่าย่ำไปบนบันไดเรียบลื่น ผิดกับบันไดขึ้นห้องใต้บันไดลิบลับ หญิงสาวยกมือขึ้นเคาะห่วงทองเหลืองที่แขวนเอาไว้หน้าประตู 2-3 ครั้ง เสียงห่วงทองเหลืองกระทบผิวประตูดังก้องไปทั้งบาน
โคน่ายืนนิ่งอยู่หน้าประตู สักครู่ต่อมาประตูก็ถูกเปิดออกช้าๆ อย่างนุ่มนวล ใบหน้าของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งยื่นออกมา เขามองโคนน่าสักครู่ก่อนจะก้าวออกมานอกประตู
ชายผู้นั้นมีผมสีขาวดอกเลาเรียบติดหัว ร่างผอมสูงคล้ายต้นปาล์ม ดวงตาสีเขียวข้างหนึ่งมีแว่นกระจกห้อยเอาไว้ ชายคนนี้สวมชุดพ่อบ้าน มือทั้งสองกุมเอาไว้ที่หน้าตักแสดงออกถึงความเจ้าระเบียบ
"โคน่า โอรีอา" พ่อบ้านยกมือขึ้นขยับแว่นกระจก
"โคน่า โอรีอา" โคน่าก้มศรีษะเล็กน้อย
"ผม เทรันโต้ พ่อบ้านของท่านนายกเทศมนตรีมอริส ประจำที่ศาลากลางเมือง ยินดีที่รู้จัก" เขากล่าวพลางมองโคน่าตั้งแต่หัวจรดเท้า พลางย่นจมูกเมื่อได้กลิ่นน้ำมันจักร
"นายท่านรออยู่แล้วครับ" เขาพยักหน้าเป็นเชิงให้โคน่าเดินตามเข้าไป "เชิญตามกระผมมาเลยครับ" โคน่าก้าวตามพ่อบ้านเข้าไปในศาลากลาง
ในตัวตึกศาลากลางนั้นมีทางเดินยาว มีผนังเป็นหินอ่อนสีขาวเช่นเดียวกับข้างนอก บนผนังแขวนภาพธรรมชาติและวิวทิวทัศน์เอาไว้มากมาย ที่พื้นปูพรมแดงทำให้ตัดกับสีขาวหินอ่อนได้เป็นอย่างดี
เทรันโต้เดินก้าวฉับๆอย่างรวดเร็ว หลังตั้งตรงสง่างามอย่างผู้ดี เขายังไม่พาโคน่าไปหานายกเทศมนตรีทันที แต่พาลัดเลาะไปยังห้องแม่บ้านก่อน
เหล่าคนรับใช้เดินอยู่กันอย่างขวักไขว้ บ้างก็เข็นตระกร้าผ้า บ้างก็ถือชุดที่เพิ่งซักเสร็จ โคน่าเดินผ่านคนเหล่านั้นด้วยความรู้สึกกระดาก รู้แผกแยกออกมาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเครื่องแต่งกาย
โธ่เอ๊ย! รีบเสร็จงานเร็วๆเถอะ เธออยากกลับบ้านเต็มแก่แล้ว มาอยู่ในที่แปลกถิ่น และเต็มไปด้วยความวุ่นวายอย่างนี้ ทำให้โคน่ารู้สึกอึดอัด
"มาที่นี่ทำไม?" โคน่าเปรยขึ้นเบาๆ เธอชายตามองด้านหลังของพ่อบ้านเทรันโต้
"เราต้องการให้คุณทำความสะอาดตัวเองเสียก่อน คุณโคน่า" พ่อบ้านหันกลับมาหาหญิงสาว "ท่านมอริสค่อนข้างรักความสะอาดมาก และ เออ
ผมคิดว่าท่านคงทนไม่ได้เป็นแน่ถ้าคุณเข้าไปในสภาพนี้" เทรันโต้กวักมือเรียกสาวใช้คนหนึ่งที่เดินผ่านมา
"พาคุณคนนี้ไปอาบน้ำหน่อย" เขาบอกสาวใช้คนนั้น "หาเสื้อผ้าให้เธอเปลี่ยนด้วย หลังจากนั้น ฉันจะพาไปพบนายท่านเอง" สาวใช้คนนั้นรับคำ เธอเดินมาหน้าตัวโคน่า
"เชิญค่ะ" สาวใช้บอก ก่อนจะเดินนำไป โคน่าเหลียวกลับมามองพ่อบ้านสักครู่แล้วจึงเดินตามเธอไป
หญิงสาวเดินตามสาวใช้ตามทางเดินที่เป็นพื้นไม้สีอ่อน สาวใช้เลี้ยวเข้าไปในประตูสีขาวบานหนึ่ง ข้างในเป็นห้องเก็บเสื้อผ้า โคน่าได้กลิ่นไอน้ำร้อน ในห้องนั้นมีหญิงสาวอีกคนยืนอยู่
"แขกของนายท่าน" สาวใช้ผู้นำทางของโคน่าร้องบอก
"เธอจะต้องอาบน้ำ เลือกชุดไว้ให้เธอด้วย" สาวใช้ที่ยืนอยู่ในห้องอยู่ก่อนพยักหน้า เธอมองสำรวจตัวของโคน่าแล้วยกมือจับย่ามที่สะพายอยู่บนไหล่ของเธอเบาๆ
"ส่งให้เราเถอะค่ะขณะคุณอาบน้ำ" เธอบอก โคน่ายอมส่งให้โดยดี เมื่อถอดย่ามแล้วสาวใช้ก็ช่วยถอดโค้ทให้เธออีก
"เราจะส่งมันไปซักแห้ง" เธอบอก และโยนโค้ทสีแดงของหญิงสาวใส่ในตระกร้าผ้า
"คุณจะรับได้ทันทีที่คุณอาบน้ำเสร็จแล้ว"
"คะ"
"ย่ามของคุณเราจะใส่ไว้ในตะกร้าหน้าห้องอาบน้ำ"
"คะ" โคน่ารู้สึกเหมือนคนงี่เง่า
"เชิญค่ะ" สาวใช้บอก เธอเดินตรงไปยังสุดห้องอีกด้านที่มีประตูอยู่ แล้วเปิดมันออก ไอน้ำแทบพุ่งพรวดมาอัดหน้าโคน่า
"คุณใช้อ่างที่มีน้ำร้อนอยู่ได้เลยน่ะค่ะ ส่วนของอย่างอื่นจะมีฉลากติดเอาไว้ ใช้ได้ทุกอย่าง" โคน่าเดินเข้าไปในห้องน้ำ สาวใช้ปิดประตูตามหลังเบาๆ โคน่าหันมาสนใจของตรงหน้า อ่างสีเนื้อคละคลุ้งด้วยไอน้ำร้อน
"สะดวกดีจัง" เธอยิ้ม
สาวใช้สองคนเทตระกร้าที่มีเสื้อโค้ทพร้อมเสื้อผ้าต่างลงไปในปล่องส่งของ หลังจากนั้นเธอจึงยืนแยกเสื้อผ้าอยู่ตรงนั้น
"ผู้หญิงคนนี้มาทำไมน่ะ" สาวใช้คนที่อยู่ในห้องเก็บผ้ามาแต่แรกกระซิบถามด้วยความสงสัย "ตัวสกปรกอย่างกับอะไรดี มีกลิ่นน้ำมันด้วย ยังกับเป็นคนที่ทำงานในโรงงานเน่ะ!" สาวใช้คนที่สองยักไหล่
"ฉันรับมาจากคุณเทรันโต้อีกที" เธอตอบ กลอกตาครุ่นคิด "ไม่แน่อาจจะเกี่ยวกับเรื่องนั้นก็ได้น่ะ"
"เอ๊ะ?"
"ก็เรื่องที่ทำเอาวุ่นเมื่อคืนไง" สาวใช้คนนั้นเตือนสติเพื่อน "เรื่องที่จู่ๆท่านนายกเทศมนตรีก็ออกมาร้องลั่นเลย บอกว่ามีคนบุกรุก
มีขโมยอะไรสักอย่างหนึ่งแหละ"
"อ้อ แล้วโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ พวกเราเลยซวยกันไปหมด"
"ใช่" คนเล่าพยักหน้า "แล้วเมื่อเช้านี้ ท่าทางข่าวเร็วเหลือเกิน นายท่านหาคนช่วยจับขโมยได้แล้ว"
"อุ๊ยต๊าย! จริงหรือ?"
"อือ
ท่านมอริสดีใจใหญ่เลย เป็นหนุ่มน้อยเชียวล่ะเธอ พ่อหนุ่มโค้ทดำ หน้าตาดีเชียว แต่ผมสีแปลกชะมัด
สีน้ำมันจักร!" โคน่าสะดุ้ง น้ำร้อนกระเซ็นออกมานอกอ่าง ทุกคำที่สองสาวใช้คุยกันนั้นเธอได้ยิน ใช่ว่าเธอแอบฟัง แต่ประตูมันไม่เก็บเสียงเอาเสียเลย
"คงผิดตัว" โคน่าพึมพำ พลางเอื้อมมือหยิบขวดสบู่เหลว
"ว้าว
เขาเป็นนักสืบหรือ?"
"ไม่ใช่หรอก" สาวใช้ต้นเรื่องส่ายหน้า "เขาบอกว่าตัวเองเป็นคนรับจ้างเอนกประสงค์"
"โอ้โห"
"ดีไปซะทุกอย่าง เสียอย่างเดียวแขนพิการ เธอรู้รึเปล่า แขนขวาของเขาเป็นแขนไม้!" โคน่าซัดน้ำร้อนจนกระจายออกมานอกอ่าง เธอยกมือขึ้นลูบผมสีแดงของตัวเอง ก่อนหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันกาย
"ไม่ใช่หรอก!" โคน่าพูดกับตัวเองคล้ายเป็นการภาวนา "ผิดตัวแหง่!" เธอเดินตรงไปที่ประตูห้องน้ำ แล้วเปิดออก
สาวใช้ทั้งสองหันมองหญิงสาวเมื่อเธอเปิดประตู
"ฉันไปก่อนดีกว่า" หญิงรับใช้ที่เป็นคนพาโคน่ามายกตะกร้าขึ้น "หาชุดให้เขาเปลี่ยนด้วยล่ะ" ว่าจบเธอก็ก้าวฉับๆ ออกนอกห้องแทบในทันที
สาวใช้คนที่เหลืออยู่ในห้องยืนมองโคน่าสักครู่ จึงเดินไปที่ตู้ผ้าโครงเหล็ก แล้วเปิดมันออก ภายในมีเสื้อผ้าอยู่หลายสิบชุด หญิงสาวคว้าชุดลงมาชุดหนึ่งแล้วทาบลงบนตัวโคน่า
"คุณใส่ชุดขนาดไหนค่ะ?" สาวใช้ถาม เธอวางมือข้างหนึ่งลงบนผ้ากันเปื้อนสีขาวของตัวเอง โคน่าก้าวถอยหลังด้วยความแปลกใจ เธอไม่เคยเลือกชุดเอง
"ไม่รู้ค่ะ" โคน่าตอบตามความเป็นจริง "ฉันใส่ชุดของพ่อขนาดใหญ่ที่สุดแต่มันหลวม"
"อ้อ" สาวใช้พยักหน้า มองดูเธอด้วยสายตาแปลกๆ
"คุณคงใส่ขนาดใหญ่
." เธอหันไปเลือกชุดจากถุงผ้ามาอีกชุด "แต่สำหรับเด็ก" เธอยกชุดในมือขึ้นให้โคน่าดู มันเป็นเสื้อกางเกงสีฟ้าติดกัน และมีเสื้อนอกครึ่งตัวสีน้ำเงิน โคน่านึกสภาพตอนที่ตัวเองใส่ชุดนี้ไม่ถูก ผมสีแดงของเธอจะเด่นแค่ไหนตอนอยู่ในชุดนี้ แต่เธอมีสิทธิ์เลือกหรือ? โคน่ายื่นมือออกไปรับชุดมา และเดินหายไปในห้องน้ำ
สักครู่ต่อมาเธอกลับมาในชุดสีฟ้าที่หญิงรับใช้ยื่นให้ ทันทีที่สาวใช้เห็นเธอ หล่อนก็เบ้ปากยืนในท่าตบเท้า แล้วรีบหยิบชุดอื่นให้โคน่าไปสวมใหม่ทันที
"ผมของคุณสีสวยน่ะค่ะ" สาวใช้พูดขึ้น เมื่อโคน่าหยิบย่ามของตัวขึ้นสะพายบนไหล่
ใช่
แปลกแล้วก็เด่นมากด้วย
คงไม่มีใครทักฉันผิดหรอก ถ้ามีคนจะทักอ่ะนะ
"ขอบคุณ" โคน่ากล่าวเบาๆ อันที่จริงสาวใช้คงอยากบอกว่ามันแปลกมากกว่า และยิ่งน่าเกลียดมากถ้ามันเข้าคู่กับชุดสีฟ้า
"เชิญคุณตามดิฉันมาเลยค่ะ" หญิงรับใช้เดินนำโคน่าไปยังประตูทางออกของห้องผ้า เดินนำโคน่าไปตามทางเดินคดเคี้ยว ไม่ว่าโคน่าจะมาที่ศาลากลางกี่ครั้งก็ไม่เคยจะมาได้ถูกแม้แต่ครั้งเดียว
ศาลากลางนั้น ถือเป็นที่ลึกลับที่สุดสำหรับคนภายนอก นอกจากทางเดินทางเข้ามาในตัวศาลากลาง ห้องทำความสะอาดที่เหล่าคนรับใช้อยู่ และห้องโถงใหญ่ของศาลากลางแล้วนั้น ห้องอื่นๆล้วนเป็นความลับที่ไม่มีใครสามารถเข้าไปโดยพลการอย่างปลอดภัย
โคน่ามองไปรอบๆตัว ศาลากลางไม่ได้ดูเปลี่ยนไปเลยจากที่เธอจำได้ จะเปลี่ยนไปก็แต่คนที่เดินนำเธอไม่ใช่พ่อ แต่เป็นผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง
ห้องโถงของศาลากลางคล้ายกับห้องรับแขกใหญ่ มีชั้นหนังสือมากมาย มีโต๊ะโซฟาบุนวมอย่างดี โคมไฟสวยหรูติดอยู่ตามผนัง ถ้าไม่นับสามร่างที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก ที่นั้นคงไร้ผู้คน
.
ทันทีที่มอริสหันมาเห็นโคน่า เขาลุกขึ้นยืนมองเธอราวกับได้เจอมิตรสหายที่จากกันไปนาน สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างโคน่าก้มศรีษะให้กับเจ้านายก่อนที่จะเดินออกไป
"โคน่าน้อย!" มอริสเดินย้ายพุงเข้ามาหา อ้าแขนทั้งสองออกแล้วจับหัวไหล่ของโคน่าเอาไว้ "โคน่าน้อยๆ ดีใจจริงๆที่ได้เจอหนูอีก
" มอริสยกมือขึ้นแตะแก้มของเธอเบาๆแบบที่ชอบทำเสมอที่เจอโคน่า
"หนูผอมไปน่ะ ผอมมากกว่าที่ฉันได้เจอหนูเป็นครั้งสุดท้ายเสียอีก"
"ค่ะ" โคน่าพยักหน้า "หนูคงผอมไปมากกว่าที่คุณบอก
ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือเมื่อเช้าน่ะค่ะ ไม่อย่างนั้นหนูคงถูกไล่ออกแน่ๆเลยค่ะ"
"ไม่เป็นไรๆ" มอริสยิ้ม แต่ก็แฝงแววเศร้าเอาไว้ด้วย "ฉันมีเรื่องจะให้หนูช่วยแน่ะ! ด่วนจริงๆ คนดี หนูจะพอช่วยฉันได้ไหม? เกี่ยวกับเครื่องจักรน่ะ!"
"ได้ค่ะ"
"คนดี! " มอริสกอดหัวไหล่โคน่าอย่างตื้นตันใจ "โคน่าน้อยของฉันคนดีที่ 1 ทีเดียว! มาเถอะเด็กน้อยมานั่งด้วยกันเถอะ ฉันมีแขกมาด้วยคนหนึ่ง คิดว่าเธอคงยังไม่รู้จัก" มอริสจับต้นแขนของโคน่า กึ่งจูงกึ่งลากเธอไป โคน่ายอมเดินตามไปโดยดี มอริสดึงเธอไปที่โต๊ะรับแขก พ่อบ้านเทรันโต้ที่เธอรู้จักมาก่อนแล้วยืนอยู่ที่นั้น แขนข้างหนึ่งพาดผ้าขาว อีกข้างหนึ่งถือถาดเครื่องดื่ม ส่วนอีกคนอยู่บนโซฟา นั่งหันหลังไขว้ห้างท่าทางไว้ท่า ดูแล้วเหมือนกับเป็นเจ้านายผู้มีตระกูล มอริสก้าวเข้าไปใกล้ๆชายที่นั่งหันหลังอยู่ เขาดึงตัวโคน่าไปไว้ข้างๆด้วย
"คุณโดมินิกครับ นี่ โคน่า โอรีอา เป็นลูกเพื่อนของผม แล้วโคน่านี่คุณโดมินิก เป็นคนรับจ้างทำงานอเนกประสงค์" มอริสแนะนำ ชายหนุ่มที่นั่งหันหลังอยู่หันกลับมา เขาผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นโคน่า ก่อนจะยิ้มน้อยๆอย่างซ่อนเล่ห์ โคน่าเบิกตาโตเมื่อเห็นคนตรงหน้า เธอเม้มปากแน่นสนิท ภาพความแค้นในวันวานเริ่มย้อนเข้ามาในโสตประสาทอีกครั้ง หญิงสาวจ้องชายหนุ่มเขม็งแต่ไม่พูดอะไร แต่ชายหนุ่มบนโซฟากลับยืนขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น
"โดมินิกครับ" เทรเวนกล่าว "ยินดีที่รู้จักครับ คุณโคน่า"
"เช่นกัน คุณโดมินิก" โคน่าขบฟัน ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะเปิดโปงเขาโดยไม่จำเป็น เหตุผลหนึ่งมาจาก หนี้แค้นติดลบที่ยังค้างชำระกันอยู่
"คุณโดมินิกช่วยรอสักครู่น่ะครับ ผมขอเวลาสักครู่ ขอคุยกับโคน่าหน่อย"
"ตามสบายครับ"
"ขอบคุณๆ" มอริสจูงแขนโคน่าไปยังมุมห้องโถง เขาถอนใจเล็กน้อยอย่างลำบากใจ แล้วมองตาโคน่า
"เด็กน้อย หนูโตขึ้นจริงๆน่ะ ฉันได้คุยกับหนูสนิทแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไรน่ะ?"
"หลายปีแล้วล่ะค่ะ"
"ใช่" มอริสยกมือป้อมๆของตัวเองขึ้นดู เขามองเล็บที่ถูกตกแต่งสวยงามอย่างวิตกกังวล "หนูเก่งเหมือนโคเปีย ทุกครั้งที่เห็นหนู ฉันจะนึกถึงโคเปีย" หญิงสาวกระตุกมุมปากเล็กน้อยอย่างเศร้าๆ มอริสเป็นคนเดียวกล่าวถึงโคเปียในทางยกย่องส่งเสริม
"คุณเรียกหนูมา มีธุระอะไรหรือค่ะ?"
"มี" มอริสพูดขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น "เด็กน้อย เธอเป็นนักประดิษฐ์ที่มีฝีมือ ในเมืองนี้ช่างกลไกที่เก่งกว่าเธอไม่มีอีกแล้ว" มอริสสรรเสริญ
"คืออย่างนี้ โคน่าน้อย เธอเป็นคนเดียวที่จะช่วยได้" มอริสเหลียวซ้ายขวาราวกับเป็นความลับ เขาจูงโคน่าอีกครั้ง ครั้งนี้จูงไปไกลถึงทางเดิน แล้วหยุดอยู่ที่ข้างกระถางต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง มันใหญ่กว่ากระถางต้นไม้ใดๆที่นั้น
"กลไกที่พ่อของเธอทำให้ที่นี่ เธอยังจำได้ไหม? ลึกเข้าไปจากนี้ ลึกเข้าไปในห้องต่างๆ"
"เราเก็บมันไว้เป็นความลับตลอดเวลาค่ะ คุณมอริส พ่อไม่เคยพูด หนูก็ไม่เคยพูดตามที่พ่อสั่ง"
"ฉันรู้ เธอเป็นคนมีเกียรติ พ่อเธอก็เป็นคนมีเกียรติ ฉันรู้ว่าเธอจะไม่เอาเรื่องกลไกไปบอกใครไม่ว่าเหตุผลไหนก็ตาม ฉะนั้นฉันจึงไว้ใจเธอ โคน่า
ฉันอยากให้เธอซ่อมกลไกบางส่วนที่นี่ ต้องการให้ซ่อมด่วนเลยเพราะกลไกที่นี่บางส่วนมันชำรุด ต้องการการซ่อมแซม ไม่อย่างนั้น อาจเปิดเป็นช่องโหว่ให้ผู้ประสงค์ร้ายลักลอบเข้ามาได้"
"เอ๊ะ?" โคน่ารู้สึกฉงนใจอย่างยิ่ง กลไกของพ่อเธอ ทำไมจู่จึงมาชำรุดเอาง่ายๆ โคเปียไม่เคยทำงานอย่างลวกๆ เขาทำอย่างรอบคอบเสมอ มันจะใช้งานหนักได้ และมีอายุการทำงานนับสิบๆปี กรณีนี้หมายถึง ไม่มีคนตั้งใจทำลาย
"เกิดอะไรขึ้นค่ะ?" โคน่าโคลงศรีษะ "ทำไมจู่ๆมันถึงเสียล่ะค่ะ" มอริสรีบยกนิ้วขึ้นเป็นสัญญาณให้เงียบ
"อย่าถาม ได้โปรดอย่าถามฉัน" มอริสหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหงื่อบนหน้าผาก "อย่าถามอะไรฉัน ซ่อมอย่างเดียว ฉันจะจ่ายให้เธออย่างงาม เก็บความลับไว้ให้ดี ตกลงไหม?"
โคน่าพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
"ดีมาก" มอริสยิ้มแล้วใช้มือแตะแก้มของโคน่าอีกครั้ง "โคน่าเด็กดี เธอไว้ใจได้เสมอ ช่วยซ่อมกลไกให้ฉันทีน่ะ จุ๊ๆ แล้วเก็บไว้เป็นความลับอย่าบอกใครเป็นอันขาด ซ่อมให้ฉันด่วนเลย เดี๋ยวนี้เลยจะได้ไหม?"
"ยังไม่ได้ค่ะ หนูต้องกลับไปเอาเครื่องมือก่อน แล้วหนูจะรีบกลับมาหาคุณทันทีเลย"
"งั้นก็รีบๆด่วนจี๋เลยน่ะเด็กน้อย" นายกเทศมนตรีออกแรงดันแผ่นหลังของโคน่าเล็กน้อย หญิงสาวจึงออกเดินไปตามทางเดินเพื่อออกนอกศาลากลาง
ครั้นเมื่อโคน่าจะก้าวออกนอกศาลากลาง เทรันโต้ยืนอยู่ที่ประตู
"เสื้อผ้าของคุณครับ" เขายื่นเสื้อผ้าชุดหนึ่งที่ได้รับการซักรีดเรียบร้อยแล้วมาให้โคน่า หญิงสาวคว้าเสื้อผ้าที่อยู่ในมือพ่อบ้านมาใส่ย่าม พึมพำขอบคุณเล็กน้อยแล้วก้าวออกนอกประตูศาลากลางอย่างรวดเร็ว และวิ่งไปตามถนนเพื่อกลับห้องใต้หลังคาอย่างด่วนจี๋ตามคำกำชับของนายกเทศมนตรีเมืองเมเปิ้ล แต่กระนั้น โคน่าก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า
เขารีบอะไรหนักหนา
######
นายกเทศมนตรีมอริสก้าวกลับมายังห้องรับแขก เทรเวนนั่งอยู่ที่นั้น เขานั่งอยู่บนโซฟาบุนวมตัวสวยกำลังจิบเครื่องดื่มชั้นดีในนามของโดมินิก
รับจ้างทำทุกอย่าง
"ขอโทษที่ผมให้รอ" มอริสพูด ตาของเขาเหลือบกลอกไปมาอย่างคนวิตกจริต "ผมมีเรื่องกังวลใจมาก ของๆผมที่หายไปสำคัญกับผมมาก"
"ผมทราบ" เทรเวนผงกศรีษะรับด้วยท่าทีสุขุม "เล่ามาเถอะครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมจะช่วยคุณได้"
"ผมทราบครับผมทราบ" มอริสลงนั่งบนโซฟาอีกตัว "ผมได้ยินชื่อมานานแล้ว เรื่องของคนแขนไม้
" เมื่อเอ่ยถึงคำนี้เทรเวนกำแก้วแน่นจนกระทั้งแทบร้าว
"เล่าเรื่องของคุณดีกว่า" เทรเวนเปลี่ยนเรื่อง พยายามคงน้ำเสียงให้เย็น มอริสจ้องมองคู่สนทนาอย่างหวาดๆ
"คือว่าเมื่อคืนนี้เองครับ ของที่หายไปเป็นกล่องใบหนึ่ง กล่องทองคำแท้ๆ กว้างยาวสักเท่านี้!" เจ้าของกล่องยกมือทำท่าทำทาง เทรเวนพยักหน้า
"ในนั้นใส่อะไรเอาไว้หรือครับ?" ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้น เมื่อมอริสได้ยิน คำถามนี้ เขาหน้าซีด
"ไม่มีอะไรหรอกครับ มันเป็นกล่องเปล่า" มอริสพูด แต่เทรเวนขมวดคิ้ว
"คุณโกหก ทำไมคุณไม่บอกความจริงผม?" เทรเวนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา มอริสคราง
"ตกลงผมบอกคุณก็ได้"
"มันเป็นของสำคัญของผม สำคัญมาก ถ้ามันหายไปผมต้องแย่แน่ แย่แน่ๆ" นายกเทศมนตรียกมือขึ้นกุมขมับ เทรเวนโคลงศรีษะ เม้มริมฝีปากคิด
"ช่างเถอะครับ" เทรเวนปลอบ "เล่าเหตุการณ์ให้ผมฟังหน่อย"
"เออ คือเมื่อคืนนี้เอง มีโจรเข้ามาปล้นกล่องใบนั้น ผมรู้สึกตัวตอนที่มันหายไปแล้ว"
"ที่ไหน? คุณเก็บกล่องไว้ที่ไหน?"
"ใน
ข้างใน" มอริสชี้
"หมายความว่าพวกมันเข้าไปในกลไก?" มอริสอึ้งไปชั่วครู่
"ใช่! พวกมันเข้าไป" เขาชายตาขึ้นมองเทรเวน "คุณรู้ได้ยังไง?" เขาถาม เทรเวนหัวเราะให้กับคำถามของมอริส
"เขาก็รู้กันทั้งเมือง!"
"ใช่แล้วมันอยู่ที่นั้น" มอริสยกมือ
"คุณสงสัยใครบ้างรึเปล่า?"
"ไม่! ไม่ใช่ไม่สงสัย แต่มีคนเข้าออกที่นี่เมื่อคืนเยอะมาก จนผมไม่รู้ว่าจะสงสัยใคร"
"วี่แวว? ข้อขัดแย้ง? ไม่มีบ้างหรือ?"
"ไม่! ไม่มี"
"จริงน่ะ?"
"แท้เชียวล่ะคุณ" เทรเวนนิ่งไป เขาใช้มือข้างหนึ่งเสยผมลวกๆ มืออีกข้างเคาะที่หัวเข่า
"คุณต้องให้ผมเข้าไปหาหลักฐานที่นั้น ถ้าผมไม่พบอะไรข้างนอก"
"อ้อ
ได้ ได้ซี" นายกเทศมนตรีพูดขึ้นราวกับกะเกณฑ์ไว้แล้ว "คุณจะได้ค้นที่นั้น ที่ที่คนธรรมดาไม่มีทางเข้าไปได้แน่นอน เพราะไม่มีใครที่เข้าไปได้โดยปลอดภัย" มอริสพูดคล้ายดักคอ ก่อนที่จะพูดต่อว่า "ยกเว้นเจ้าหัวขโมยพวกนั้น" เทรเวนนั่งนิ่ง เขากวาดตามองไปรอบๆห้องโถง
"ผมจะลงมือให้เสียเลยเพื่อความรวดเร็ว ทั้งบริเวณนี้
และในนั้น" เทรเวนยกศอกชี้นิ้วไปในประตูสู่กลางตัวศาลากลาง
"ได้ครับ
แต่แค่ข้างนอกสำหรับวันนี้ คุณยังไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ ในวันนี้!" เทรเวนหรี่ตาด้วยความสงสัย
"ทำไม?"
"เหตุผลเฉพาะบุคคล ลูกค้ามีสิทธิ์เก็บเป็นความลับไม่ใช่หรือ? คุณโดมินิก" โดมินิกเลิกคิ้ว
"งั้นผมจะเริ่มงานพรุ่งนี้รวดเดียวเลย" จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืน "ลาก่อนครับ คุณมอริส เราจะได้เจอกันพรุ่งนี้" ชายหนุ่มก้มศรีษะ แล้วหันหลังขวับเดินออกจากศาลากลาง มอริสไม่รู้จะห้ามอย่างไร เขาได้แต่ปล่อยให้ชายหนุ่มเดินออกไป
เทรเวนหยุดอยู่ที่ประตูเหล็กดัดของศาลากลาง เขาโคลงศรีษะด้วยท่าทีขี้เล่นผิดกับเมื่อสักครู่ ชายหนุ่มล้วงมือเข้าไปในเสื้อโค้ทสีดำ แล้วหยิบเครื่องบันทึกเทปอันเล็กขนาดเท่าฝ่ามือออกมา ใช้นิ้วหัวแม่มือข้างที่เป็นแขนปกติกดปุ่มเล่นเทป
'กลไกที่พ่อของเธอทำให้ที่นี่ เธอยังจำได้ไหม? ลึกเข้าไปจากนี้ ลึกเข้าไปในห้องต่างๆ' เสียงของมอริสดังขึ้นตามด้วยเสียงจับถุงย่ามของโคน่า
'เราเก็บมันไว้เป็นความลับตลอดเวลาค่ะ คุณมอริส พ่อไม่เคยพูด หนูก็ไม่เคยพูดตามที่พ่อสั่ง' เสียงโคน่าพูด
'ฉันรู้ เธอเป็นคนมีเกียรติ พ่อเธอก็เป็นคนมีเกียรติ ฉันรู้ว่าเธอจะไม่เอาเรื่องกลไกไปบอกใครไม่ว่าเหตุผลไหนก็ตาม ฉะนั้นฉันจึงไว้ใจเธอ โคน่า
ฉันอยากให้เธอซ่อมกลไกบางส่วนที่นี่ ต้องการให้ซ่อมด่วนเลยเพราะกลไกที่นี่บางส่วนมันชำรุด ต้องการ
.ซ่า
.การซ่อมแซม ไม่อย่างนั้น อาจเปิดเป็นช่องโหว่ให้ผู้ประสงค์ร้ายลักลอบเข้ามาได้' เสียงมอริสพูดบ้าง เทรเวนโคลงศรีษะ
"อย่างนี้นี่เอง ถึงไม่ยอมให้เราเข้าไป" ชายหนุ่มพึมพำยิ้มๆ
'เอ๊ะ?
.ซ่า
เกิดอะไรขึ้นค่ะ?
.ซ่า
.ทำไมจู่ๆมันถึงเสียล่ะค่ะ' เทรส่ายหัว เครื่องเล่นเทปเริ่มมีปัญหาเสียแล้ว
'อย่าถาม ได้โปรด
.ซ่า
..อย่าถ
ถาม
ฉ
ฉัน
อย่าถามอะไร
.ซ่า
.ฉัน ซ่อมอย่าง
ด
เดียว ฉันจะ
ซ่า
จ่ายให้เธออย่าง
ซ่า
งาม เก็บความ
ล
ลับไว้
ซ่า
ให้
.กริ๊ก!' เครื่องเล่นเกิดหยุดกระทันหัน เทรเวนถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
"โธ่เอ๊ย!" เขาสบถ "ยังฟังไม่จบเลยเกิดมาเสียอะไรตอนนี้เนี่ย?" ชายหนุ่มลองกดปุ่มเล่นเทปอีกครั้งแต่มันก็ดีดตัวคืน เขาจึงใช้มือข้างที่เป็นไม้ตบเครื่องเล่นเทป มันเริ่มทำงาน ส่งเสียงกรอเทปดังหวืดๆ เทรเวนถอนใจอย่างโล่งอก แต่ยังไม่ทันจะถอนใจเรียบร้อย เครื่องเล่นเทปก็เกิดกระตุก มันเด้งขึ้นจากมือชายหนุ่มจนเทรเวนผงะด้วยความตกใจ และทันทีที่มันตกถึงมือของเขา เครื่องเล่นเทปก็ส่งเสียงดัง กิ๊ง! หลังจากนั้นเทปก็ดีดตัวออกมาพร้อมๆกับสายเทปห้อยระโยงระยาง ปุ่มต่างๆหลุดออกมาราวกับสปริงที่ถูกอัด สภาพเครื่องเล่นเทปตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเศษขยะ
เทรเวนส่ายศรีษะอย่างระอา
"เสียซะแล้ว ยังฟังไม่จบเลย ของมือสองนี่เจ๊งง่ายชะมัด" เขาว่า ขณะเดินออกจากประตูเหล็กดัด พลางโยนเศษเครื่องเล่นเทปในมือลงถังขยะ ชายแขนไม้ปัดมือ
"แต่ช่างมันเถอะ" เขากระชับโค้ท "แค่นี้ก็พอรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น!" ว่าแล้วคนผมสีน้ำมันจักรก็ออกวิ่งไปตามถนน โดยคนที่พบเห็นไม่รู้ว่าเขากำลังจะไปไหน
Part. 5 >>>
|