[ HOME ] [ สารบัญ ]

The Iron arm : ตามหาแขนเหล็ก Part. 6


สิ้นทุกอย่าง…หมดหวัง…พเนจร สามคำนี้รวมกันประกอบกันขึ้นนิยามเป็นความรู้สึกที่โคน่ากำลังรู้สึกอยู่ เธอไม่ได้รีบอีกต่อไป เธอค่อยๆเดินเยื้องย่างราวกับคนไร้จุดหมายจริงๆ ทั้งที่สมองของเธอสั่งการว่าให้ไปยังศาลากลาง

โลกของโคน่าที่แต่เดิมควรจะมีสีเทาที่มิดเสียจนดำ กลับกลายเป็นสีน้ำเงินคล้ำแทน แต่อีกไม่นานมันคงกลายเป็นสีดำไม่ต่างกัน

นักประดิษฐ์ผมแดงเดินผ่านประตูเหล็กดัดช้าๆ เธอก้าวขึ้นบันไดหินอ่อนไปยังประตูบาน โคน่ายกมือขึ้นเคาะห่วงทองเหลือง เสียงก้องสะท้อนทั้งบาน ประตูเปิดออก มอริสยืนอยู่หลังประตูบานนั้น เขาละมือจากผ้าเช็ดหน้า

"สวัสดีค่ะ"

"เข้ามาเลย!" โคน่าเดินเข้าไปในประตู มอริสปิดประตูไล่หลังแล้วเดินตามมาติดๆ

"ดูสิ เธอดูแย่มากมากเลย อยากทานอะไรก่อนเริ่มงานบ้างรึเปล่า? ขนมหวาน? น้ำชา?"

"ขอบคุณค่ะ หนูขอนั่งพักสักเดี๋ยวได้ไหมค่ะ ตอนขามาหนูเหนื่อยมากเหลือเกิน…."

"…..ได้สิ" มอริสตอบรับ เขาบิดผ้าเช็ดหน้าไปมาด้วยความลำบากใจ ทั้งคู่นั่งลงบนโซฟาในห้องโถงรับแขก

"เธอควรจะได้พักก่อน ฉันจะหาอะไรให้เธอกินดีกว่า" แล้วนายกเทศมนตรีก็ละสายตาไปทางคนรับใช้ โคน่าก้มห้องลงมองพื้น เธอไขว้นิ้วไปมา ตอนนี้เธอไม่มีที่อยู่แล้ว เธอควรทำอย่างไงดีน่ะ เรื่องน่าลำบากใจเกิดขึ้นพร้อมกันอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่จะไปสนใจเรื่องอื่นโคน่าต้องให้ความสนใจกับงานตรงหน้าก่อน!

น้ำชากับขนมหวาน 2-3 ชิ้นถูกยกเข้ามา นักประดิษฐ์หยิบมันขึ้นทานขณะที่มองพิมพ์เขียวของศาลากลางที่อยู่ตรงหน้า กลไกของศาลากลางถูกสร้างขึ้นเมื่อโคน่ายังเด็ก ความทรงจำเกี่ยวกับที่นี่สำหรับเธอดูเลือนลาง เหมือนกับภาพมัวๆของกระจกที่เต็มไปด้วยฝ้า กระนั้นสิ่งที่ชัดเจนที่สุดราวกับภาพวีดีโอที่ถ่ายซ้ำไปมาคือแผ่นหลังของพ่อที่ลงมือสร้างอย่างขะมักเขม้น ขณะที่เธอสะพายกระเป๋าเครื่องมือ คอยยื่นอุปกรณ์ตามคำสั่ง

"ซ่อมให้เสร็จภายในวันนี้" โคน่าทวนคำสั่ง มอริสเงยหน้าจากแผ่นพิมพ์เขียว

"ใช่ ก่อนนาฬิกาตีบอกเวลา 6 โมงเช้า…" นักประดิษฐ์เม้มริมฝีปากอย่างลำบากใจ การซ่อมบำรุงอาจใช้เวลาไม่แน่นอน โดยเฉพาะเวลาฉิวเฉียดอย่างนั้น

"จุดที่เสียหายเพราะถูกไฟเผา มันคือตรงนี้….ตรงนี้ และตรงนี้" มอริสยกปากกาขึ้นชี้ให้โคน่าดูจุดเสียหาย

"แต่มันอาจมีมากกว่านี้ อยากให้เธอจัดการดูให้ด้วย"

"….."

"ว่าไง? โคน่า"

"ได้คะ"

"ดีมาก ถ้าเธอทำได้สำเร็จฉันจะจ่ายให้อย่างงาม จะเริ่มงานได้ได้ไหม?"

"ไม่มีปัญหาคะ" มอริสยิ้มแก้มปริ เขาพาโคน่าเดินลึกเข้าไปมากกว่าห้องโถง ในตอนแรกเทรันโต้เดินควบคู่มาด้วยแต่เมื่อพ้นห้องโถง ทั้งหมดก็เข้ามาในห้องสามเหลี่ยมที่บุผนังด้วยผ้ากำมะหยีสีน้ำเงิน ให้บรรยากาศน่ากลัวขึ้นกว่าเดิม ข้างหน้ามีประตูสามเหลี่ยมสีเขียวเข้ม เหนือประตูมีแผ่นทองเหลืองขัดเงาสลักไว้ว่า 'เขตต้องห้าม'

มอริสยืนมองอยู่สักครู่ ก่อนจะส่งพิมพ์เขียวให้โคน่า

"จำไว้นะ ซ่อมอย่างเดียว ไม่ว่าเธอเข้าไปเจอห้องอะไรก็ห้ามเข้าเป็นอันขาด ซ่อมตามทาง เข้าใจไหม?"

"คะ" มอริสกระตุกยิ้ม คล้ายยิ้มของชายที่เพิ่งไว้ใจศัตรู นายกยกเทศมนตรีล้วงกุญแจดอกหนึ่งออกมา มันเป็นสีทองวาววับ ที่หัวกุญแจมีตัวเลขสีดำติดอยู่ เขาใส่มันไปในรูกุญแจ บิดซ้ายขวาอย่างมีจังหวะ ก่อนเปิดออก…

"อยู่ในนั้นเธอควรจะมีเสบียง" เขาว่า พลางรับถุงอาหารมาจากมือของเทรันโต้มาส่งให้โคน่า "เธอมีพิมพ์เขียวแล้วน่าจะเดินทางโดยปลอดภัย ฉันอวยพรให้เธอโชคดี" หญิงสาวพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปในประตูสามเหลี่ยม

ข้างในราวกับเป็นห้องเครื่องกล มีฟั่นเฟืองมากมาย บางตัวก็เล็ก บางตัวก็ใหญ่ บางตัวก็หมุนช้า บางตัวก็หมุนเร็ว ท่อเหล็กต่อกันระโยงระยางเหนือศรีษะหญิงสาว มีเตาหม้อเผาหลายตัวตามทางเดิน เสียงปิดประตูช้าๆ ตามหลังโคน่าเข้ามาพร้อมกับเสียงล็อกกุญแจ นักประดิษฐ์หันกลับไปมองประตูที่ปิดไปก่อนจะเปิดพิมพ์เขียวและออกเดินตามทาง

ไอน้ำบางส่วนพ้นออกมาจากท่อเหล็ก หม้อแปลงบางหม้อวางเรียงกันร้อนแดงเสียจนเห็นได้ชัด โคน่าคาดไฟฉายไว้บนศรีษะขณะที่มือกางพิมพ์เขียวออกอ่าน ทุกๆย่างก้าวของเธอต้องไปอย่างระมัดระวัง การเหยียบแผ่นไม้ผิดเพียงแผ่นเดียวนั้นอาจหมายถึงความตาย อาวุธสามารถพุ่งออกมาจากกำแพงมาฆ่าเมื่อไรก็ได้ หรืออาจมีหุ่นยนต์โผล่ออกมาสักตัวสองตัวไล่เอาท่อนเหล็กฟาดใส่หัวหรือบีบผู้บุกรุกให้แหลกคามือ แต่ถ้าเดินถูก…ก็แล้วไป โคน่าโชคดีที่มีพิมพ์เขียวแผ่นที่….

เสียงเท้าของเธอดังสะท้อนดังต๊อกๆทุกครั้งที่วางเท้าลงไป แม้ว่าจะเดินให้เบาสักแค่ไหนก็ไม่เป็นผลคล้ายกับพื้นไม้ถูกสร้างมาให้รับรู้ตลอดว่ามีใครผ่านมาบ้าง รู้สึกแย่สักหน่อยที่ต้องเดินอยู่คนเดียวทั้งที่มีความรู้สึกว่าถูกจับตามองอยู่ โคน่าไม่สนอะไรทั้งสิ้นแล้วตอนนี้ เธอลงมือตามหาบริเวณกลไกที่เสียหาย ทำให้มันเสร็จเร็วๆจะได้รีบออกไป แล้วก็จัดการปัญหาเรื้อรังซึ่งต่อคิวยาวเหยียดรอให้เธอแก้

….เจอซักที… โคน่าร้องในใจ เธอมองพิมพ์เขียวก่อนจะมองคานไม้ที่บากต่อกันออกมาอย่างแข็งแรง มันมีรอยไหม้ชำรุด… แต่ก็ซ่อมไม่ยากนัก เพราะไม้ไม่ได้เสียหาย แค่วัตถุดิบดั้งเดิมเกิดการหละหลวมเท่านั้นเอง

นักประดิษฐ์ลงมือคว้านหาเครื่องมือ เธอเสียบทั้งค้อน ประแจเอาไว้ที่กระเป๋า ส่วนตะปูหลายสิบอันก็คาบเอาไว้ที่มุมปาก นักประดิษฐ์โค้ทแดงถอดโค้ทออก แล้วไต่ไปบนคานไม้อย่างช้าๆ เมื่อถึงจุดหมายเธอก็จัดการตอกตะปูยึดเอาไว้ก่อนจะลงมาใหม่ ใช้มีดบากเศษไม้ชิ้นเล็กๆขึ้นไปประกอบจึงลงมาที่เดิม ที่แรกเป็นอันเสร็จเรียบร้อย โคน่าเก็บของแล้วเดินไปที่ต่อไป

นักประดิษฐ์ซ่อมกลไกไปเรื่อยๆโดยที่เธอไม่ได้สะกิดใจเลยว่ามีของชิ้นหนึ่งหายไป เธอเพิ่งนึกขึ้นไตอนที่เธอต้องใช้มัน…

การขึ้นซ่อมครั้งที่ 3 ทำให้โคน่ารู้ว่าเธอลืมอะไร เมื่อเธอหยิบนอตได้แต่หาไขควงไม่เจอ หญิงสาวค้นทั้งในย่ามและกระเป๋าเสื้อ

"ไขควงอันใหญ่มันหายไปไหนน่ะ?" โคน่ายืดตัวขึ้นหลังจากนั่งหลังแข็งหาของเสียนาน เธอหยิบอาหารออกมากินพลางคิดไปว่าเธอลืมไขควงไว้ที่ไหน เธอคิดย้อนไป ตอนที่เธอเข้ามา….ตอนออกจากบ้าน…ใช่แล้ว!!! เธอลืมมันเอาไว้ในโรงบ่มเหล้า

"โธ่เอ๊ย!" โคน่าร้องอย่างหงุดหงิด "ประตูก็ล็อกแล้ว ออกไปเอาก็ไม่ได้ซะด้วย จะทำยังไงทีละทีนี้!!! เจ๊งกันอยู่ตรงนี้ซะแล้ว!" หญิงสาวเท้าสะเอวอย่างหงุดหงิด ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะก้มลงค้นของในถุงสัมภาระอีกครั้ง หาเครื่องมืออื่นที่จะมาแทนไขควงอันใหญ่ของเธอ ขณะโคน่ากำลังก้มหน้าก้มตาหาของอยู่ ไขควงที่เธอกำลังต้องการก็มาลอยแกว่งอยู่ตรงหน้า โคน่าแหงนหน้าขึ้นมอง ไม่ค่อยเชื่อสายตาตัวเอง

"เธอหาไอ้นี่อยู่รึเปล่า?" เสียงคุ้นๆ แต่ก็น่าแปลกใจที่เขาเข้ามาได้ โคน่าไม่สนใจว่าเขารอดมาได้อย่างไร หรือมาที่นี่ได้อย่างไร เธอคว้าไขควงหมับมาไว้ในมือ

"ใช่!" ไม่มีการขอบคุณ…ไอ้การที่เธอมาซวยซ้ำซวยซากเพราะใครกันล่ะ!

"พูดจาตัดไมตรีจัง ไม่ดีใจหรือที่เจอฉัน"

"ดีใจที่เจอไขควงละก็ใช่" โคน่าลุกขึ้น ในมือถือไขควงอันใหญ่ที่เพิ่งได้มา

"จะไม่ทักทายฉันหน่อยเรอะ?"

"ยินดีด้วยที่ยังไม่ตาย"

"แหมดีจัง"

"นายมาหาฉันถูกได้ยังไง?"

"ก็ฉันเป็นคนแขนไม้นี่นา"

"เฮอะ! พูดจาวกวน ฉันถึงไม่อยากจะเจอนายไง"

"แต่ฉันดีใจมากเลยนะ ที่เจอเธออีก…" ชายหนุ่มว่า และก่อนโคน่าจะทันตั้งตัวมีดยาวเหยียบฟุตก็จ่อเข้าที่แผ่นหลังของเธอ…โดย…คนที่เพิ่งถือไขควงมาคืนให้เธอ…

"อย่าไว้ใจ ช้างสาร งูเก่า ข้าเก่า และผู้มีพระคุณ…อืม…สำนวนใหม่เป็นไงบ้าง?"

"น่าขยะแขยง…กำลังคิดอยู่พอดีว่านายพูดต้องหวังอะไรอยู่แน่ๆ"

"อยู่ในสภาพล่อแหลมแบบนี้ ฉันแนะนำว่าอย่าพูดจาไม่เข้าหู"

"ทุเรศสิ้นดี นายทำอย่างนี้แล้วได้อะไร?"

"ไม่ได้อะไรหรอก เธอบอกเองนี่นาว่าฉันเป็นคนไร้สาระ"

"ก็ไม่นึกว่ามันจะไร้แก่นสารขนาดนี้…" โคน่านิ่งไปสักครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างแค้นใจ "นายช่วยฉันมากมายเพื่อมาหักหลังฉันตอนนี้นะหรือ? ช่างทำได้ไม่เสียกับที่นายลงทุนไปจริงๆ!!!" เทรเวนหัวเราะในลำคอ ดวงตาของเขากลอกไปมา

"คุ้มสิ!" คนผมสีน้ำมันจักรว่า "สำหรับฉันมันคุ้มค่าที่สุดเลยล่ะ"

"พิลึก"

"….."

"….."

"พิลึกหรือไม่ ไม่สำคัญไม่ใช่หรือ? สิ่งที่ฉันต้องการคือพิมพ์เขียวในมือเธอ" โคน่าสะบัดมันหนีโดยอัตโนมัติ ถ้าเธอส่งมันให้เขา เธอก็จะทรยศมอริสโดยทันที นักประดิษฐ์ยั้งมือเอาไว้ เธอชูมันเหนือหัว ลังเลไม่ยอมส่งให้กับชายแปลกหน้า

"ส่งมา" เทรเวนกระซิบสับทับคำสั่งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงทุ้มห้าว หญิงสาวค้อนสายตามองควับ

"ไม่!" โคน่าหันพรวดกลับมา เธอเหวี่ยงไขควงในมือใส่หน้าชายหนุ่ม เทรเวนเบิกตาโตด้วยความตกใจก่อนที่จะผงะหนีออกจากวิถีไขควงอันเขื่อง มันเฉียดจมูกไปเพียงนิดเดียวก่อนที่จะร่วงกระแทกพื้นห่างออกไปหลายเมตร โคน่าชิงช่วงที่ชายหนุ่มผละถอยไป ล้วงตะปูควงที่อัดแน่นอยู่ในกระเป๋าปาใส่หน้าคนที่อยู่ตรงหน้า ตะปูควงหลายสิบตัวพุ่งเข้าหาชายแขนไม้ เทรเวนใช้มีดในมือปัดมันให้พ้นตัว ชายเสื้อคลุมของเขาปลิวไสวตามจังหวะของเท้าราวกับเริงระบำ

ร่างของคนในโค้ทดำมองจ้องร่างในโค้ทแดงเขม็ง เขาใช้ปากถลกมือข้างที่ถือมีดขึ้น ขณะที่คนในทิศตรงข้ามหยิบลวดแหลมสำหรับวัดปริมาณน้ำมันออกมาถือ นักประดิษฐ์สอดพิมพ์เขียวลงในกระเป๋าข้างที่ว่างอย่างรวดเร็ว

"อย่าได้เข้ามาเชียว" โคน่ายกเหล็กแหลมขึ้นชี้หน้าคู่อริพลางหอบ เธอปัดเศษผมสีแดงเข้ากับโค้ทออกจากมุมปาก "แล้วอย่าหาว่าฉันไม่สู้ล่ะ!"

เทรเวนโคลงศรีอย่างไม่ยีหระ พุ่งเข้าหาโคน่าเพียงวูบเดียว หญิงสาวยกมาตรวัดน้ำมันขึ้นกัน แต่ถูกมีดยาวปัดเสียจนกระเด็นออกไปปักกับหม้อแปลงไอน้ำซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก โคน่าตกใจ เนื่องจากถูกพุ่งชนกระทันหัน เธอยกศอกขึ้นตอกไหล่ข้างที่ถือมีดของคู่ต่อสู้ เป็นผลให้เทรเวนกระโดดถอยออกไป เท้าของเขาลงยืนบนพื้นอย่างมั่นคงพร้อมๆกับเวลาที่หญิงสาวรู้ตัวว่าพิมพ์เขียวของเธอหายไปจากตัวแล้ว หญิงสาวจ้องเขม็งไปยังร่างตรงหน้าอย่างอาฆาต

"อ๊ะๆ! อย่าได้ขยับตัวมั่วซั่วเชียวน่ะ ไม่งั้นกับดักอาจเด้งใส่เธอเมื่อไรก็ได้" คนแขนไม้โบกพิมพ์เขียวไปมาอย่างยียวน

เวลาเดียวกับมาตรวัดน้ำมันที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักเริ่มโยก…น้ำหนักของมันทำให้ถังไม้ที่ถูกไอน้ำจนผุกร่อนมีรอยปริ….

เทรเวนเดินเข้าหาหญิงสาวช้าๆ ยกมีดสะกิดปลายเสื้อโค้ทของเธอ

"ถอดออก ฉันไม่อยากแปลกใจกับอาวุธสงครามแอบแฝงในเสื้อเธออีกแล้ว" โคน่ามองปลายมีดก่อนยอมถอดเสื้อโค้ทออกช้าๆ ราวกับวางอาวุธ มาตรน้ำมันเริ่มโยกอีกครั้ง ทำเอารอยปริแยกตัวขึ้นเป็นเท่าตัว….

ชายแขนไม้เหลือบมองเสื้อโค้ทแล้วถอยออกห่างหญิงสาว ลดมีดลงและกางพิมพ์เขียวในมือออกดู แล้วเทรเวนก็เบิกตาโตด้วยความตกใจก่อนจะค่อยๆหรี่ลงด้วยความขุ่นเคือง เนื่องจากพิมพ์เขียวในมือของเขาถูกเขียนขึ้นด้วยภาษากลไกทั้งหมด โคน่าได้ทียิ้มบ้าง ชายหนุ่มผมสีน้ำมันจักรหันกลับมามองหญิงสาว

"นี่มันภาษากลไก?" เขาถาม โคน่าเลิกคิ้วให้ เป็นคำตอบให้ประมาณว่า 'ใช่! แล้วจะทำไม?'

คนแขนไม้หน้ามุ่ย แผนของเขาเกิดผิดพลาด เขาไม่รู้ภาษากลไกนี่นา แต่…เขาเหลือบมองคนในโค้ทแดง เขาจะกังวลทำไมเมื่อเขามีเครื่องแปลภาษาชั้นเยี่ยมอยู่ในมือแล้วนี่นา

โคน่าเห็นคนแขนไม้เหลือบมองเธอแล้วเดินเข้ามาหา มีดเล่มเดิมยกขึ้นจ่อที่บริเวณลิ้นปี่

"เธออ่านออก" เขาชูพิมพ์เขียวต่อหน้าหญิงสาว โคน่าไม่ตอบ เธอยืนนิ่งไม่สบตาคู่สนทนา

"ตอบมา" เจ้าของคำถามกระซิบถามย้ำ

โคน่าแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย เธอไม่ได้ตอบเสียทีเดียว เพียงแต่พยักหน้าเท่านั้น

"งั้นก็ดีแล้ว" เทรเวนยิ้ม ชี้มือลงบนพิมพ์เขียว "งั้นเธอพาฉันไปทีนี้หน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวนี้เลย!" โคน่ามองตามมือที่ชี้ลงบนพิมพ์เขียวช้าๆ ทันทีที่เธอมองเห็นจุดที่ถูกบังคับให้ไป เธอก็ก็เหลียวมองคนในโค้ทดำด้วยความประหลาดใจ เมื่อพบว่าที่นั้นเป็นห้องลับที่อยู่กลางศาลากลาง และมอริสกำชับหนักหนาว่าอย่าเข้าไปในห้องใด!

…แต่เธอจะไปทำอะไรได้เล่า? เมื่อเธอเป็นผู้ถูกเลือกไม่ใช่ผู้เลือก…

"นายจะไปทำอะไรที่นั้น" หญิงสาวเปรยเบาๆ

"ฉันมีของที่ฉันต้องการ!" เทรเวนตอบ

…มาตรวัดน้ำมันเริ่มโยกกว่าเดิม หม้อแปลงก็ปริมากขึ้น…

"อ้อ…ที่แท้นายก็เป็นขโมยนี่เอง" โคน่าเยาะอย่างดูถูก

"ใช่!" เทรเวนรับ "แต่เป็นครั้งคราวเท่านั้น"

…ไอน้ำสายเล็กๆ เริ่มพวยพุ่งจากหม้อแปลง…

"อย่าพูดมากเลย พาฉันไป" โคน่าค้อนสายตามองชายตรงหน้า

"ฮะๆ" โคน่าหัวเราะ "ใครบอกว่าฉันพานายไปกัน…อย่าตู่ไปเองหน่อยเลย!" เธอปฏิเสธ คนผมสีน้ำมันจักรขมวดคิ้วครั้นถูกขัดใจ เขาจ่อมีดเล่มโตไปที่แผ่นเล็กเล็กๆของสาวน้อยตรงหน้า

…ไอน้ำจากหม้อแปลงเริ่มเป็นสายใหญ่ขึ้น และกลายจากหนึ่งสายเป็นสองสาย…สามสาย…พวยไอน้ำร้องหวีด…

"ฉันพอเข้าใจว่าเธอคุณธรรมจัด! แต่ช่วยใช้ให้มันถูกเวลาและสถานที่หน่อย อย่าเอามันมาแลกกับชีวิตเลยน่า ไม่คุ้มกันหรอกที่จะเอาชีวิตมาแลกกับคนพรรค์นั้น…"

"อย่าเรียกพ่อคนที่สองของฉันว่า ค น พ ร ร ค์ นั้น น่ะ!!!" โคน่าคำราม

…เสียงหวีดของไอน้ำดังที่แต่เดิมดังเปรียบเสียงกระซิบ ตอนนี้ดังก้องราวกับเสียงรถไฟ พร้อมๆกับเสียงหัวเราะของเทรเวน…

"คิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นพ่อพระของเธอรึไง?"

"อย่างน้อยเขาก็จริงใจกว่านาย! ฉันไม่พาแกไปหรอก" สรรพนามถูกเปลี่ยนอย่างรวดเร็วตามอารมณ์คนพูด ชายผมสีน้ำมันจักรขมวดคิ้ว

"คิดว่าเขารักเธอรึ? อย่าหาว่าฉันพูดโหดร้ายไปหน่อยเลย เขาสนใจเธอเฉพาะให้ทำงานให้เขาเท่านั้นแหละ!!! ไม่อย่างนั้นเขาคงรับเธอมาอยู่ด้วยแล้ว!" คำพูดที่จะเถียงของโคน่าติดอยู่ในลำคอ ไม่ๆ…โคน่า อย่าไปเชื่อเขา เขาใช้แผนลวงเธอ…

"นายโกหก!" พูดจริงแค่อย่างเดียว…คือไม่มีคนรักฉัน…

"ฉันพูดจริง…" เทรเวนพูดด้วยเสียงเบาลง ดูจริงใจ แต่…โคน่าไม่เชื่อหรอก อย่าไปเชื่อ..โคน่า ไม่ ไม่…

"ฉันศึกษาที่นี้ทั้งหมดนั้นแหละ…ก่อนฉันมาที่นี่…" เสียงพูดของเทรเวนยิ่งเบาลงอีก เขาหลุบตาต่ำ ไม่สบตาหญิงสาว เหตุการณ์เปลี่ยนไปแล้ว นักประดิษฐ์ยืนจ้องหน้าคนแขนไม้ เธอโบกมือ

"โกหก" เธอพูด พลางหันไปทางโค้ทที่เธอถอดทิ้งไว้หยิบมันขึ้นมาใส่

"ไปให้พ้น ฉันจะไม่บอกเรื่องที่เจอนาย แต่ออกไป อย่ามายุ่งกับฉัน เราจะไม่เจอกันอีก ไปให้พ้นฉันจะทำงานต่อ"

…หม้อแปลงพ่นไอน้ำออกมามากขึ้น…มากขึ้น…มาตรวัดเหล็กหลุดออกจากรอยปริร่วงหล่นที่พื้น ควันไอน้ำแย่งกันหลุดออกนอกหม้อแปลง…

ชายผมสีน้ำมันจักรมองหญิงสาวด้วยสายตาอย่างที่มีน้อยคนนักที่จะได้เห็น เขากระชับโค้ทตัวเอง ตั้งสติสักครู่…ใจเย็นเทรเวน…นายมาเพื่อทำงาน…ไม่ได้มาประชาสงเคราะห์ใคร!…ตั้งสติไอ้เพื่อนยาก…จัดการหล่อนซะ ถ้าหล่อนหัวดื้อนัก…

เทรเวนตั้งมีดขึ้นอีกครั้ง เขาเหวี่ยงมีดออกไปอย่างแม่นยำ มีดยาวเหยียบฟุตพุ่งเข้าปักดักหน้าหญิงในโค้ทที่กำลังจัดแจงถือถุงย่าม หญิงสาวหยุดชะงัก ผินหน้ามองไปทางมาของมีดอย่างช้าๆ

"ถอยกลับมา!" เทรเวนคำรามด้วยน้ำเสียงน่ากลัว ก่อนจะย่างเดินเข้าไปหา โคน่ามองร่างในโค้ทดำด้วยความตกใจ เธอฉวยมีดยาวของอริที่ปักกับผนังตรงหน้ามาถือป้องกันตัว แต่คนแขนไม้ก็ไม่กลัวสิ่งใด เขาเดินเข้าไปจนแทบชิดตัวเธอ ไม่หลบตาหญิงสาวแม้ว่าเธอจะยกมีดขึ้นจ่อคอหอยของตน

"ถ้ายังเข้ามาอีก ฉันจะฆ่านายจริงๆน่ะ" นักประดิษฐ์พูดเสียงสั่นๆ อย่าให้เธอต้องฆ่าใครเลย…ได้โปรด…

ทั้งคู่มองหน้ากันสักครู่ ต่างคนต่างไม่ยอมให้กัน โคน่าไม่ยอมหักหลังใคร ส่วนเทรเวนก็ไม่ยอมล้มเลิกความคิด!

…ไอน้ำจากหม้อแปลงฉีดออกมานับสิบสาย รอยปริเต็มไปทั้งหม้อ ไอน้ำฉีดแรงขึ้น…แรงขึ้น จนรอยปริกลายเป็นรอยแตก เสียงร้องราวหวูดรถไฟดังขึ้นก่อนแล้วจึงเป็นเสียงระเบิดที่ราวกับโบกี้เสบียงตกรางจึงตามมา!

สองร่างในโค้ทที่ยืนอยู่สะดุ้งเฮือก พื้นที่ยืนอยู่เริ่มสั่นระรัวคล้ายเกิดแผ่นดินไหว เทรเวนยกมือข้างที่เป็นแขนไม้ขึ้นยันผนัง

"อย่าบอกนะว่า…" โคน่าพึมพำ

"กับดักทำงาน…" ชายหนุ่มต่อจนจบ ทั้งคู่เหลียวมามองกันด้วยหางตาโดยไม่ได้นัดหมาย พื้นใต้เท้าของทั้งสองแยกออกอย่างรวดเร็วเกิดเป็นเหวกว้างในเวลาไม่นาน ทั้งเทรเวนและโคน่าต่างคนต่างกระโดดหลบ รอยแยกตรงหน้าทั้งสองปริออกอย่างรวดเร็วจนเกิดแขนงสาขาจนกลายเป็นเหวขนาดย่อม พื้นยังคงสั่นไม่หยุด รอยแตกแผ่เป็นวงกว้างสอดเข้าใต้เท้าของทั้งสอง โคน่าปักมีดไว้กับเสาข้างตัวเพื่อยึดตัวเองเอาไว้ ส่วนเทรเวนเสียบตะขอเข้ากับแขนไม้แทนมือยึดเกาะ

พื้นเริ่มพังทะลายหายลงในเหวสีดำมืด ท้ายที่สุดสองร่างก็ห้อยต่องแต่งอยู่โดยที่มือยังเกาะผนัง โคน่ากลืนน้ำลาย ผินหน้าเข้าหาผนัง ไม่กล้ามองดูข้างล่าง อย่างนี้นี่เอง…ที่เขาเรียกว่า เสียวไส้… นักประดิษฐ์หันไปกอดเสาแน่น

คนแขนไม้ยึดผนังด้วยตะขอเพียงมือเดียว เขากวาดตาสำรวจไปรอบ สัญชาติญาณที่สะสมมาหลายปีบอกว่าเรื่องไม่จบเพียงเท่านี้แน่ เขากวาดตามองไปทั้งเพดานและผนัง…สิ่งผิดปกติกำลังจะเกิดขึ้นอีก

เพดานที่นิ่งไปสักครู่เริ่มสั่น เศษฝุ่นร่วงกราว เกิดรอยปริอีกครั้งก่อนที่จะแตกระแหงเป็นรูปหลายเหลี่ยม คนแขนไม้มองร่างที่อยู่ข้างๆ ที่เงยหน้าจากเสามองไปตามเพดาน

"มันกำลังจะพัง…"

"เออ…" หญิงสาวหันกลับมามองที่เสาและยกมือขึ้นลูบมัน

"เสาร้าว…" คนแขนไม้หันขวับมามองผนังตรงหน้าตนบ้าง ชายหนุ่มขมวดคิ้ว

"นั้นสิ"

รอยแตกตามลามจากหลังคามาจนถึงผนัง เสาสั่นระรัวก่อนที่จะเริ่มพังทะลายลง ร่างของหญิงสาวร่วงจากเสาแต่มีมือหนึ่งของชายหนุ่มจับเอาไว้ เหงื่อบนหน้าผากเทรเวนผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด เขาตรึงตะขอแน่นกับผนัง คงช่วยถ่วงเวลาได้เพียงครู่เดียว ทันทีที่ผนังทะลายมาถึง ร่างของทั้งสองก็ร่วงลงสู่เหวลึก

แม้ว่าเทรเวนจะพยายามคว้าตะขอในมือหาที่ยึดแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีผลแต่อย่างใด ร่างของทั้งคู่ลอยละลิวตกสู่ก้นหลุม ด้านข้างเป็นสีดำทะมึน ลมตีขึ้นจากด้านล่าง ต่างพยายามหาพนังที่เกาะแต่มีผลอะไร สุดท้ายร่างของทั้งสองก็หล่นตูมลงในแหล่งน้ำกลิ่นเหม็นแห่งหนึ่ง เสียงดังตูมพร้อมกับเสียงของเหลวแตกกระจาย ทั้งคู่จมลงในแหล่งน้ำนั้น ทั้งคู่ต่างตะเกียกตะกายขึ้นมาหายใจเหนือผิวน้ำ ชายแขนไม้พยุงกายขึ้นมาจนเหนือผิวน้ำ เขาลูบน้ำออกจากใบหน้าก่อนจะหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ทันทีที่สามารถลืมตาได้ เขาเหลียวมองไปรอบๆทันที ทำไมไอ้น้ำบ้านี่มันว่ายยากพิกล? ต้องออกแรงมากกว่าน้ำทั่วไป

กลิ่นฉุนไปทั่วเลย เทรเวนก้มลงมองมือของตัวเอง บ่อนี่ไม่ใช่น้ำ…มันเป็น…

"น้ำมันดิบ" คนแขนไม้พึมพำ ว่าแล้วเขาก็ออกว่ายหาที่เกาะ

โคน่าตกลงมาในบ่อน้ำมัน! ทันทีที่เธอหล่นตูมลงมา ใจเธอก็หายวูบ เธอว่ายน้ำเป็นเสียเมื่อไร โคน่าพยายามตะเกียกตะกายให้ไปยังผิวน้ำให้ได้ มือของเธอสัมผัสกับของเหลวที่ว่าทำให้เธอบอกตัวเองในบัดนั้นเองว่า มันคือน้ำมัน ทันทีที่ใบหน้าของหญิงสาวโผล่พ้นน้ำมัน เธอรีบหาทางพยุงตัวไว้ทันที โคน่าตีลมใส่โค้ทของตัวเอง เพื่อให้ตัวเธอยังลอยอยู่ได้ แต่ไม่เป็นผล เพราะของในตัวเธอหนักเกินไป ลำคอของโคน่าปริ่มน้ำใกล้จมมิดถึงใบหน้า

หญิงสาวนึกถึงย่ามที่คล้องอยู่ที่ไหล่… เธอต้องทิ้งมัน ไม่อย่างนั้น เธอจมแน่ ย่ามที่สำคัญเท่าชีวิต กับชีวิต…เธอต้องเลือกแล้ว… โคน่าตัดสินใจปลดย่ามจากบ่าทิ้ง ขณะที่เธอคิดจะหยิบรูปพ่อขึ้นมาจากย่ามด้วยความยากลำบาก แต่ก่อนจะสามารถเปิดย่ามได้ ตัวเธอก็กำลังจะจม โคน่าจึงทำได้เพียงแค่ปล่อยย่ามทิ้ง รับรู้ความรู้สึกยามมันจมลงในบ่อน้ำมันช้าๆด้วยความเจ็บปวดใจ แล้วจึงค่อยค้นเครื่องมือทั้งหลายในโค้ทออกมาปล่อยทิ้งให้ตัวเบาที่สุด เมื่อของชิ้นสุดหล่นจากกระเป๋าออกไป โคน่าก็จับชายเสื้อโค้ทเพื่อรักษาฟองอากาศ พลางกวาดสายตาไปรอบๆ เธออยู่อย่างนี้ได้ไม่ตลอดแน่ เธอต้องหาวิธีอะไรสักอย่าง…

…จุดไฟก็ไม่ได้…ที่นี่เต็มไปด้วยน้ำมัน

…มองก็ไม่เห็น ทำยังไงดี!…

…พ่อๆ หนูทำยังไงดี!…

กระแสลมพัดเบาหวิวมาโดนศรีษะของนักประดิษฐ์

…ลมนี่!…

…ถ้ามีลมแสดงว่าที่นี่ไม่ใช่ที่อับ…ลองดูเถอะ โคน่า…ลองใช้เสียงสะท้อนดู…

หญิงสาวสูดกายใจลึกแล้วจึงร้องออกมา

"ว๊ากกกกกก" เธอตะเบ็งเสียง ก่อนที่เงี่ยหูฟัง แต่เสียงร้องของเธอกลับดังหายลับไปเลย โคน่าไม่ยอมแพ้ เธอหันไปในทิศตรงข้าม

"ช่วยด้วยยยยยย" หญิงสาวร้องตะโกน เสียงร้องของเธอดังหายไปอีก… น้ำตาเริ่มปริ่มที่ดวงตา โคน่ากระพริบตา…อย่าร้องไห้โคน่า อย่ายอมแพ้…

#######

คนผมสีน้ำมันจักรว่ายมาสักพัก ก่อนที่เขาจะหยุดว่ายอยู่กับที่ ชายหนุ่มลอบหอบหายใจ ถ้าเขายังว่ายเรื่อยเปื่อยอย่างนี้ มีหวังเขาต้องจมน้ำมันตายแน่ๆ

มันต้องมีวิธีซิน่า ที่จะหาทางเข้าฝั่ง เขาไม่ทางตายหรอก…ไม่มีทางยอมตายด้วย แต่หากเขายังว่ายอย่างเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย ไม่รู้เลยว่าจะมีที่เกาะพักได้ที่ไหน เขาจะต้องตายแน่ๆ เทรเวนว่ายอยู่กับที่พลางคิด ขณะที่ชายหนุ่มกำลังหนักใจอยู่นั้น เสียงหนึ่งก็เข้ามากระทบโสตประสาทของเขา!

"ช่วยด้วยยยยยย!" เทรเวนหยุดฟัง แล้วก็ไม่รอช้า เขารีบว่ายไปในทิศทางที่มาของเสียงทันที

#######

โคน่ากลืนสะอื้นลงไปในลำคอ

…ร้องไห้ไม่ได้โคน่า…ร้องแล้วจะไม่มีแรง…

หญิงสาวร้องตะโกนหลายครั้งจนกระทั้งรู้สึกแสบไปทั้งคอ ทำยังไงดี ทั้งที่อุตส่าห์พยายามทำอย่างดี หวังจะอยู่เงียบๆ ทำไมต้องมาเจอเรื่องแย่ๆอย่างนี้ด้วย…

ไม่แน่ว่าฉันอาจต้องตายก็ได้… โคน่าคิด

"แต่ก็ดี ฉันจะได้เจอพ่อ…" โคน่าพึมพำหลางหลับตา เธอนอนหงายลงบนผิวน้ำมัน ปล่อยให้น้ำตาเอ่อล้นออกมา

"จะได้ถามว่าพ่อรักเราหรือเปล่า?" นักประดิษฐ์กัดริมฝีปากอย่างสิ้นหวัง

"พ่อค่ะ…รักหนูไหม?…" เธอกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบา "พ่ออออออออ!" เสียงร้องตะโกนเป็นครั้งสุดท้าย เสียงของเธอดังจนกระทบอะไรสักอย่าง มันสะท้อนไปมาจนกระทั้งเจอเข้ากับผนัง เสียงนั้นสะท้อนกลับมา…

'พ่ออออออออ' โคน่าเบิกตาโพล่งอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เธอพยุงตัวในน้ำมันเพื่อตั้งตัวตรงอีกครั้ง

"พ่ออออออออ" นักประดิษฐ์ร้อง

'พ่ออออออออ' เสียงสะท้อนกลับมา

"ต้องใช้เสียง ออ นี่เอง!!" โคน่ายิ้ม เธอกระพริบตาเพื่อไล่น้ำตาและรวบรวมแรงตีขาไปตามทิศที่เสียงสะท้อนกลับมา

โคน่าว่ายน้ำไปได้สักพัก แรงก็หมดเป็นห้วง บางทีก็เผลอว่ายเอียงกระเทเร่ เธอว่ายออกไปได้สักพักใหญ่ เมื่อไม่มีทีท่าว่าจะถึงสักที โคน่าก็ร้องตะโกนใหม่

"พ่อออออ"

'พ่อออออ' เสียงสะท้อนกลับมาอีก กำลังใจของหญิงสาวกลับมาใหม่ เธอออกว่ายต่อ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยต้องออกแรงเยอะขนาดนี้มาก่อนเลย

ในที่สุดมือเล็กของโคน่าก็สัมผัสต้องอะไรบางอย่าง เธอทดลองจับมันก็พบว่า มันคือเศษทรายและหิน โชคดีอะไรอย่างนี้… โคน่าคิดในใจ นึกว่าจะมีแต่ผนัง ที่ไหนได้ ก็มีพื้นให้หยุดพักด้วย

ร่างเล็กๆพยายามดันตัวเองเพื่อขึ้นไปยังหาดขนาดย่อมแห่งนั้น สองมือพยายามดันตัวขึ้น แต่แขนเธอหมดแรงเสียแล้ว ตัวของนักประดิษฐ์ร่วงตูมลงในบ่อน้ำมันตามเดิม

โคน่าซบหน้าอย่างอ่อนเพลียบนขอบทราย ทันใดนั้นก็มีอะไรบางอย่างมาแตะที่แผ่นหลังของนักประดิษฐ์ เธอสะบัดตัวด้วยความตกใจและปัดสิ่งนั้นออกไปทันที แต่มันก็ยังกลับมาอีก โคน่าเห็นมันอยู่ในผืนน้ำมัน ทันทีที่ทันโผล่ขึ้นจากน้ำมันก็ตรงเข้ารัดตัวของหญิงสาว โคน่าพยายามดิ้นสะบัดตัวด้วยความตกใจ ร่างสีดำทมิฬที่มีกลิ่นน้ำมันหึ่งร่างหนึ่งกดเธอไว้กับขอบหาด

"โอ้ อูรีตี้" ร่างนั้นพูด "นั้นใช่เธอไหม? โคน่า" ทันทีที่ตั้งสติได้ โคน่าก็ได้รู้ความร่างที่เธอเห็นคือเทรเวน ความหงุดหงิดเริ่มรุ่มเร้าในใจ เพราะนายใช่ไหม? ที่สร้างความยุ่งยากให้ฉันขนาดนี้!!!… น้ำตาเอ่อล้นขอบตา …นายนี้เองที่ทำให้ทิ้งอุปกรณ์เลี้ยงชีพของฉันไป ทิ้งอะไรไปก็ไม่แค้นเท่าที่ทำให้เธอต้องทิ้งรูปพ่อไปด้วยหรอก!!! อยากจะกดร่างคนข้างหน้าให้จมลงไปในน้ำมันนี้ซะเลย… คำพูดมากมายตีบตันที่ลำคอ หลุดไปเพียงคำว่า…

"ใช่!"

"มาถึงนานรึยัง?"

"พักหนึ่งแล้ว"

"ฉันตามเธอมา" เขาเหลียวมองไปรอบๆ

"ทำไมไม่ขึ้นไป?" หญิงสาวนิ่งไปสักครู่ จึงตอบ

"ขึ้นไม่ไหว…" เทรเวนมองหน้าคนตอบนิดหน่อย ไม่ได้ค่อนแคะตามนิสัย

"หันหลังเข้าฝั่ง จะพาขึ้น" โคน่าทำตามอย่างเสียไม่ได้ คนแขนไม้ผละออกไปข้างๆ พยุงตัวเองขึ้นฝั่งก่อนจะหันมา ดึงตัวโคน่าขึ้นฝั่ง

ทันทีที่ได้ขึ้นฝั่ง ทั้งคู่ก็ต่างแยกย้ายไปจัดการเสื้อผ้าที่โชกด้วยน้ำมัน

"มืดชะมัด" เทรเวนบ่น พลางจัดโค้ท และหยิบไฟแช็คมาจากกระเป๋าโค้ท "จุดไฟได้ไหมนี่?"

"ถ้าอยากตายล่ะก็…" นักประดิษฐ์หันมาตอบ "ตามสบายเลย อย่าลืมล่ะว่าตัวนายโชกน้ำมัน"

"ไม่จุดก็ได้" เทรเวนใส่ไฟแช็คคืนในกระเป๋าเสื้อ พลางยืนล้วงกระเป๋า ส่วนคนผมแดงก็รีดน้ำมันออกจากเส้นผม ก่อนจะเดินตุ่มออกไปโดยไม่ให้สัญญาณ เทรเวนรีบเดินตามไป

"เฮ้! นี่เธอจะไปคนเดียวเลยรึ?"

"ไม่! ถ้านายจะตามมา เอาพิมพ์เขียวมา" โคน่าแบมือออกตรงหน้าชายหนุ่ม อีกฝ่ายยักไหล่ก่อนล้วงมือเข้าไปในโค้ททั้งซ้าย…และขวา

"เวรกรรม พิมพ์เขียวหาย"

"อะไรน่ะ!!!" โคน่าร้อง

"พิมพ์-เขียว-หาย" คนแขนไม้ทวนซ้ำให้ฟังอย่างซื่อๆ

"นายนี่!!!" โคน่าหันมาเท้าเอวใส่หน้าคนผมสีน้ำมันจักร "ตั้งแต่ฉันมาเจอนาย ฉันเจอเรื่องซวยไม่มีหยุดหย่อน สุดท้ายฉันคงตายแบบนิยายน้ำเน่าใช่ไหม?" เทรเวนไม่พูดอะไร ได้แต่เดินผ่านร่างเล็กๆไป

"ทางนี้ยังไปได้อีก…" บุรุษโค้ทดำเปรยก่อนหันไปหาคนด้านหลัง "ดูหน้าฉันน่ะ…" เขาพูดพลางจ้องหน้าโคน่า "จะไม่มีใครตาย ทั้งฉัน…แล้วก็นางเอก" เขาชี้นิ้วไปยังใบหน้าหญิงสาวตรงหน้า แล้วจึงหันขวับกลับไป

"ฉันจะพาเธออกไปให้ได้ ฉันพูดจริง…" โคน่ายืนนิ่ง ซุกแขนไว้ในแขนเสื้อโค้ท

…พ่อๆ รู้ไหม?…

…ประโยคที่หนูอยากให้พ่อพูดที่สุด…

…คนพูดให้หนูฟังแล้วล่ะ…

…แต่ราคามันแพง…

…ก็มันแลกด้วยตัวแทนของพ่อนี่นา…

"นายไม่เคยพลาดเลยว่างั้นเถอะ…" หญิงสาวกอดอก เทรเวนหันกลับมามอง

"ก็ไม่ผิด"

"แต่ครั้งนี้นายทำงานพลาด"

"อืม…หนึ่งในพัน แต่ฉันก็พลาด" หญิงผมแดงคลายกอดอกออก พลางก้มหน้า

"ลางสังหรณ์ของฉันบอกว่าฉันเป็นตัวแปรงั้นรึ?"

"อือ…ก็ไม่เชิงหรอก" โคน่าชายตา

"งั้นเพราะอะไรล่ะ?" เทรเวนอ้าปากจะตอบแต่ก็หันกลับมาหา แล้วยิ้มทะเล้นๆอย่างที่ตัวเขาชอบ

"เฮ้! เธอจะหลอกล้วงความลับฉันรึไง? เอาเถอะ คุณผู้หญิง รู้เสียแค่ว่าผมชื่อเทรเวน มาขโมยของ กับ…" เขาก้มมาหานักประดิษฐ์

"มอริสไม่ได้จริงใจกับเธอเต็มที่หรอก เขาหลอกเธอไว้ครึ่งหนึ่ง ไม่ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่ ฉันพูดความจริง" โคน่าส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ พลางเดินนำคนในโค้ทดำไป เทรเวนมองตามหลังหญิงสาวก่อนเดินตามไป

ชายเสื้อคลุมทั้งแดงและดำสะบัดไปตามจังหวะการเดิน มือสองคู่คลำผนังขณะเดินเลียบไปตามชายฝั่ง แม้ว่าต่างคนต่างมีข้อบาดหมางแต่ไม่มีใครหยิบขึ้นมาถกเถียง ผนังซึ่งเป็นหินเย็นชืดเลื่อนเป็นช่วงๆเพราะน้ำมัน ทางมืดไปหมด แต่ไม่มีใครเดินตามกัน แค่บังเอิญเดินไปทางเดียวกันเท่านั้นเอง!

จากทางมืดๆ ก็เริ่มมีแสงไฟสลัวๆ โคน่ามองไปตามทางนั้น ทำให้น้ำมันที่ชะโลมไปตามผนังมองดูมันขลับ

"มีแสง" โคน่าพึมพำ คนผมสีน้ำมันจักรเดินมายืนข้างๆร่างเล็ก พลางยกนิ้วโป้งขึ้นป้ายลิ้นและยกขึ้น "มีลมด้วย" ทั้งคู่เดินออกไปข้างหน้า 2-3 ก้าว หัวนักประดิษฐ์ก็ชนผลัวะเข้าหับท่อเหล็กท่อหนึ่ง เสียงของมันดังกังวานแต่ดังแบบทึบๆ คล้ายกับมีอะไรหุ้มไม่ก็บรรจุอะไรอยู่ จึงไม่ก้องเท่าที่ควร

นักประประดิษฐ์ทรุดลงกุมหัว…

"ขนาดมีแสงนะเนี่ย" คนข้างๆพูดเยาะขึ้นเบาๆ ก่อนเงี่ยหูฟังเสียงอะไรบางอย่าง แล้วหันมาทางหญิงสาว

"ได้ยินเสียงอะไรไหม?"

"ทำไมฉันจะต้องช่วยนายฟังด้วย เก่งนักก็ฟังเองซิ!" คนโดนเยาะหันกลับไปค้อนขวับ ร้องกัดเสียงจมเขี้ยว เทรเวนไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ยกมือห้าม

"ฉันไม่อยากเถียงกับเธอแล้ว น่ารำคาญชะมัด ถ้าอยากรอดไปด้วยกันก็ช่วยกันฟังเสียงหน่อย!" โคน่าขมวดคิ้ว เธอเงี่ยหูฟังเสียงตามที่ชายแขนไม้ยืนกรานนักหนาว่าได้ยิน

ครั้นแล้วเสียงแรกก็ดังมา… ไม่ใช่เสียงดังเท่าไรนัก แต่ก็พอจะได้ยิน เป็นเสียงอะไรสักอย่างหล่นใส่บ่อน้ำมัน เสียงหล่นลงไป… เสียงน้ำมันกระจาย เสียงเครื่องไหวดังเอี๊ยดอ๊าด มันเป็นเสียงของใครสักคนกำลังตักน้ำมัน!

แววตาทั้งคู่เหลือบมองกันอีกราวกับถามเชิง ก่อนหลุบไปมองข้างหน้าต่อไป

"มันทำจากเหล็ก…ไอ้สิ่งที่ตักน้ำมันอยู่น่ะ" โคน่าป้องหู กำลังฟังอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่ามีอะลูมิเนียมปนอยู่ด้วยหรือเปล่า?

"เธอกำลังจะบอกว่ามันเป็นหุ่นยนต์…" คนผมสีน้ำมันจักรพูดต่อโดยไม่ได้ละสายตาจากสิ่งตรงหน้า

"แน่ใจได้ยังไง? อาจเป็นเครื่องจักรคนบังคับก็ได้"

"แน่ใจสิ!" คนถูกถามโต้ "ก็ฉันเห็นนี่นา" โคน่ากระตุกไหล่ หมอนี่สายตาดีชะมัด

"แล้วมันมีเท่าไร?" คนผมแดงถาม เทรเวนโคลงศรีษะพลางป้องตา

"7….8…9 ตัว เอ๊ะ! ไม่ใช่สิ 10 ตัวพอดี มันออกมาจากรูอะไรนั้นอีกตัวหนึ่ง"

"รู…หมายความว่าเราก็มีทางออกงั้นสิ" โคน่าแทนซ่อนความดีใจไว้ในน้ำเสียงไม่ได้ แต่เทรเวนกลับลูบปลายคางอย่างครุ่นคิด

"อย่าเพิ่งแน่ใจอย่างนั้น อย่างลืมนะว่า หนึ่ง…เราไม่มีอาวุธ สอง…เรามีศัตรูอุปสรรค 10 ตัว หรืออาจมากกว่านั้น สาม…ไอ้รูที่ว่าไม่รู้ว่าเราจะออกได้หรือเปล่า? สี่…ถ้าออกได้ เราจะไปโผล่ที่ไหน?" คนแขนไม้แบมือเป็นเชิงของความคิดเห็นจากโคน่าซึ่งอยู่ในท่านั่งยองๆ หญิงสาววางแขนลงบนหัวเข่า

"รอบคอบดีชะมัด!"

"ขอบใจ"

"ตัดขวัญกำลังใจได้เยี่ยมด้วย"

"เรียกว่า 'สร้างญัตติเพื่อหาทางออก' จะดีกว่านะ" เทรเวนแก้โดยไม่ได้หันมามองหน้าคนถาม สายตาของเขามองออกไปยังเบื้องหน้า โคน่าก็เช่นกัน เธอไม่สายตาเท่าเทรเวน แต่เธอก็ได้ยินเสียงและเห็นภาพรางๆ เธอมองภาพมัวที่ก้มตักน้ำมัน ก่อนเหลียวไปทางคนแขนไม้ ซึ่งเขากำลังล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทก่อนหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมา

"คิดเหมือนกันไหมล่ะ?" คนแขนไม้ถามขึ้นพลางหลิ่วตาหานักประดิษฐ์ที่เหลือบมอง คนในโค้ทแดงผินหน้าหนี

"ตามสบายเถอะ แถวนี้มันมีเชื้อไฟเยอะนี่นา"

Part. 7 >>>