[ HOME ] [ สารบัญ ]

The Iron arm : ตามหาแขนเหล็ก Part. 8


โคน่าพยายามชันตัวคลานออกไป แขนทั้งสองเอื้อมออกไปข้างแทนขาที่ถูกพันธนาการ เพียรที่จะคว้าเอาแขนเหล็กที่หลุดมือไปกลับคืนมา แต่ก็ไม่เป็นผล แขนเหล็กอยู่ไกลมือเกินไป หญิงสาวลดมืออย่างสิ้นหวัง สายตามองไปยังแขนเหล็กด้วยความแค้นใจ

เทรเวนผู้ยืนอยู่ข้างหลังค่อยๆก้าวเข้ามา เขาเดินผ่านร่างในโค้ทแดงที่ล้มอยู่ เขาก้มลงหยิบแขนเหล็กที่หล่นอยู่ จับมันตรวจดูความเรียบร้อย ก่อนจะเหลือบมองร่างที่ถูกพันธนาการด้วยหางตา จากนั้นจึงกลับมาสนใจกับแขนเหล็กในมือ

คนผมสีน้ำมันจักรเริ่มถลกแขนเสื้อข้างขวาขึ้น จะกระทั้งเหนือข้อศอก ทำให้เห็นตอแขนที่หายไปและแขนไม้ที่เชื่อมเอาไว้ต่างอวัยวะแทนจริง เขาหาที่นั่งซึ่งไม่ไกลออกไปนัก จากนั้นก็เริ่มถอดแขนไม้ออกจากแขนตน โคน่าซึ่งอยู่ไม่ห่างนักมองทุกอิริยาบทของคนตรงหน้าด้วยความตกใจ เทรเวนคิดจะเอาแขนเหล็กนั้นไปใช้! แต่เธอจะไปทำอะไรได้เมื่อแม้ตัวเองก็ไม่สามารถกระดิกไปไหนได้

เสียงแขนไม้ของเทรเวนร่วงกระทบพื้น ปรากฏแขนของชายหนุ่มมีรอยรัดของสายหนัง เนื้อบริเวณนั้นต่ำและซีดแดงกว่าบริเวณอื่น คนผมสีน้ำมันจักรก้มหน้านิ่ง เขาใช้มือข้างปกติคว้านหาอะไรบ้างอย่างในเสื้อและเมื่อเขายกมือกลับออกมา ปรากฏมีดพกขนาดเล็กติดขึ้นมาด้วย

…เขาคิดจะทำอะไร?!… โคน่าเบิกตามองด้วยความตกใจ เมื่อชายหนุ่มปักมีดในมือเข้าที่แขนขวาที่กุดหายของตน เลือดไหลย้อยลงมาตามท่อนแขนมีดและมือ แต่เทรเวนก็ไม่ได้สนใจ เขายังกรีดมีดนั้นลงไปบนปากแผล จนปากแผลเก่าเปิดกว้างเป็นรูปกากบาท เลือดไหลย้อยไปตามมีดและมือ บ้างก็หยดลงบนพื้น นักประดิษฐ์มองภาพตรงหน้าก็ใจหายวูบ ขนลุกเกรียว ตัวสั่นเทิ่ม ท่าทางคนตรงหน้าของเธอคงไม่ใช่คนแปลกประหลาดธรรมเสียแล้ว ส่วนฝ่ายเทรเวนไม่ได้แสดงออกถึงความตกใจแลย ทั้งที่เขาควรจะเป็นเช่นนั้น แม้ว่าริมฝีปากของเขาแห้งผาด เหงื่อเม็ดเขื่องผุดขึ้นเต็มใบหน้า ใบหน้าซีด เส้นประสาททั้งร่างตื่นตัววิ่งเกรียว ขนลุกซู่ แขนขวาอ่อนล้า แต่…กลับไม่มีส่วนใดกระตุ้นให้แววตาคู่นั้นแสดงออกถึงความหวาดกลัวเลย…

นักประดิษฐ์จ้องภาพตรงหน้านิ่ง มุมปากกระตุกขึ้นคล้ายรอยยิ้มแบบคนวิกลจริตก็ไม่ปาน เธอกำลังอยู่กับใคร? คนที่เรียกตัวเองว่าเทรเวน คนรับจ้างเอนกประสงค์…มีแขนไม้…ผมสีน้ำมันจักร…และกำลังใช้มีดกรีดแขนตัวเองอยู่….

…อย่าอยู่แถวนี้จะปลอดภัยกว่า…

หญิงสาวเริ่มหาทางแกะตะขอที่ติดกับเสื้อของเธอแน่น และเอ็นเส้นเล็กที่พันไปทั่วท่อนขาของเธอ มันเล็กแต่ก็คมมาก หากคิดดึงมันให้ขาดคงจะถูกตัดเสียก่อนด้วยความคมของมัน โคน่าสูดหายใจให้ตัวเองสงบใจ พลางเหลือบมองคนข้างหน้าซึ่งล้วงผ้าผืนหนึ่งออกมากดไว้ที่บาดแผล ผ้าผืนนั้นชุ่มเลือดในเวลาไม่นาน เพียงบิดผ้าก็คงได้เลือดหลายออนซ์ อดีตคนแขนไม้หันหลังให้กับหญิงสาว เขาขบริมฝีปากแน่น มือซ้ายจับผ้าที่โชกเลือดตัวเอง เดินไปนั่งอยู่บนแท่นวางของที่ไม่ห่างออกไปนัก เคียงข้างแขนเหล็กที่เพิ่มได้มา…

หญิงสาวหลับตาลง เธอสูดหายใจเข้าออกช้าๆอย่างที่พ่อของเธอเคยสอนไว้ นักประดิษฐ์ต้องใจเย็นมือนิ่ง หากใจไม่เย็นมือก็ไม่นิ่ง การขันน็อตตัวเดียวใส่ในหัวระเบิด หากพลาดไปสัก 5 องศา ก็สามารถคลาดชีวิตของนักประดิษฐ์ผู้นั้นได้ด้วยปรามนู!

ปลายนิ้วของโคน่าทำงานอย่างรวดเร็ว พร้อมเพรียงแม่นยำราวนวดปลาหมึกที่ดีดตัวไปตามสายน้ำที่รวดเร็วไม่มีพลาด!

ตะขอค่อยๆคลายจากชายเสื้อโค้ททีละนิด จนกระทั้งหัวตะขอหลุดออกอย่างความยากเย็น นักประดิษฐ์ค่อยๆวางตะขอลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา สายตามองไปยังชายหนุ่มอีกครั้ง เทรเวนไม่มีทีท่าว่าจะมาสนใจเธอเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของเขาวางเปล่า ใบหน้าทอดลงหาพื้น เลือดหยุดไหลแต่มือยังคงกดอยู่ที่บาดแผล คล้ายกับว่าเขาทิ้งร่างเอาไว้แต่วิญญาณหายไป ไม่รับรู้ถึงทุกสิ่งรอบข้าง แม้แต่ โคน่า โอรีอา ลูกสาว โคเปีย โอรีอา นักประดิษฐ์ที่เขาเคยได้ยินว่าเป็นราชาแห่งวงการนักประดิษฐ์ อัจฉริยะด้านฟิสิกส์ หรือแม้พ่อมดแห่งวงการเคมี กำลังจะหนีไปก็ไม่อาจรับรู้ได้

โคน่าค่อยๆคลายเอ็นออกจากท่อนขาช้าๆ เธอรู้สึกว่าผิวเธอเย็นราวน้ำแข็ง แต่ใจของเธอร้อนรนราวกับอยู่ในกองไฟ มือจับเอ็นอย่างระมัดระวัง นักประดิษฐ์ไม่สามารถดูแคลนสิ่งใดว่าไม่เป็นอันตรายได้ แม้แต่เม็ดทรายในรองเท้า!

วงเอ็นรอบสุดท้ายคลายออกจากขาของเธอไปแล้ว โคน่าชันขาแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว สิ่งแรกที่ทำหลังลุกขึ้นคือการก้าวอย่างแผ่วเบาไปยังกริชที่ร่วงหล่นอยู่เหนือกองสิ่งประดิษฐ์ที่เทรเวนรื้อออกมา เธอคุกเข่าลงหยิบมันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เตรียมกระโดดหลบหนีออกไปทุกเมื่อ

"ไม่มีประโยชน์อะไรเลย คุณหนูโอรีอา ,โคน่า ธิดาแห่งราชานักประดิษฐ์" โคน่าหันกลับมาทางต้นเสียงด้วยความรวดเร็ว มือทั้งสองชักกริชในมือออกมาชี้ไปทางต้นเสียง เทรเวนตื่นจากภวังค์ แต่ดวงตาของเขายังไม่ตื่น มันยังคงว่างเปล่า มีอะไรเปลี่ยนไปจากเทรเวนคนเดิมมากนัก ไม่มีวี่แววขี้เล่นในน้ำเสียง ท่าทางของเขาราวกับเจ้าชายรัชทายาทผู้อยู่ในระหว่างกรำศึกเพื่ออาณาจักร งามสง่า มีอำนาจ และ…บีบบังคับให้ผู้ใดก็ตามต้องยอมหยุดฟัง…

"เธอไม่มีทางหนีออกไปจากห้องนี้ได้เลย ขอแค่ฉันต้องการ ก็สามารถ จับตัวเธอกลับมาได้อีก"

"ด้วยแขนเดียว?" โคน่ากลั้นใจถามออกไป บังคับเสียงไม่ให้สั่น เธอมีอะไรจะต้องกลัว ในเมื่อโลกสีเทาของเธอ มีเธอเป็นราชินี… ราชาที่ไหนๆก็มาใหญ่เกินไม่ได้

"…." เทรเวนนิ่งไป เขาตะแคงใบหน้าเล็กน้อยเพื่อครุ่นคิด ก่อนจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงชัดเจนทุกคำ

"ห ลั ง จ า ก ฉั น มี แ ข น ส อ ง ข้ า ง"

"แล้วฉันจะไปจับตัวเธอ" ประโยคหลังพูดเบากว่าเดิมมาก แต่ความน่ากลัวไม่แพ้กัน โคน่าได้แต่ยิ้ม ก่อนที่จะถอยหลังห่างจากชายหนุ่มผู้อยู่เบื้องหน้า ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินหลบออกไปเสียเอง เธอเดินหลบมาหลังตู้ แนบหลังที่มัน สูดหายใจสักครู่ก่อนที่จะออกเดินไปตามทางเล็กระหว่างแท่นวางของและตู้โชว์

"ไม่เชื่อ ไม่จริง" เธอพึมพำ ริมฝีปากแห้งผาด ไม่เชื่อว่าที่นี้ไม่มีทางหนีออกไป! เทรเวนโกหกเธอแล้ว เขากลัวคุณมอริส แค่ขอให้คุณมอริสมาเท่านั้น… พลันโคน่าก็เกิดอาการกระตุกที่หางตาขวา ภาพนายกเทศมนตรีแห่งเมืองเมเปิ้ลผ่านเข้ามาในโสตประสาทของเธอช่วงครู่ ความคิดของเธอเกิดแบ่งออกเป็นสองภาค ครึ่งหนึ่งจมปรักกับความคิดเดิม อีกฝ่ายเกิดเชื่อถือในคำพูดของเทรเวน

เธอจะทำยังไงดี! โลกสีเทาที่ตัดสินทุกอย่างได้ง่ายดาย ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว มันแหลกสลายกลายเป็นธุลี หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น เดินหลบลี้ตามตู้โต๊ะจนกระทั้งพบประตูสีขาวปลอดบานหนึ่ง ใจของโคน่าเต้นระรัว เธอได้พบทางออกแล้วสินะ คงเหลือแต่หาทางเปิดมันให้ได้

หญิงสาวเดินเข้าไปแล้วใช้มือพลัก ทั้งที่จิตใจบอกว่ายังไงก็เปิดไม่ออก ประตูยังคงปิดแน่นไม่รับรู้ถึงแรงผลักของเธอ โคน่าลองเปลี่ยนเป็นการดึง แต่ก็ยังไม่เปิด นักประดิษฐ์ลองสำรวจบานประตูดูอีกทีก็พบว่า มันจำเป็นต้องเปิดด้วยระบบฟันเฟืองชั้นสูง ซึ่งต้องเปิดจากข้างนอก ถ้าเธออยู่ข้างนอก คงหาวิธีเข้ามาได้สบาย แต่เธอกลับเป็นฝ่ายอยู่ข้างใน คงยากลำบากกว่ามาก ทั้งเธอไม่มีเครื่องมือคู่มือด้วยแล้ว เปอร์เซ็นต์ยิ่งบอกได้เลยว่าเป็นศูนย์

ยังไงก็ต้องลองดู เธอต้องหาวิธีออกไปให้ได้ ไม่แน่ว่าในห้องนี้อาจจะมีไขควง หรือประแจสักอัน อย่างน้อยก็มีอะไรก็ได้ที่สามารถทำให้เธอหาวิธีสะเดาะกลไกชั้นสูงที่ยากยิ่งกว่ายากให้ออกทีเถอะ

หญิงสาวก้มลงสำรวจประตูเบื้องหน้าอย่างละเอียดละออ ยังต้องตะลึงให้กับความปราณีตและแนบเนียน… เฟืองที่ได้ยินจากการเคาะ เป็นเฟืองละเอียดที่หาที่ติไม่ได้ หากตะไบเฟืองหายไปสักไมโคร คงเกิดปัญหาใหญ่หลวงตามมาเป็นแน่

นี่หรือ? งานชิ้นโบว์แดงของโคเปีย พ่อของเธอ งานที่บอกว่า ไม่เคยมีใครเข้ามาได้โดยพลการ ไม่อาศัยแผ่นที่ เดินเข้ามาก็เหมือนฆ่าตัวตาย เธอรู้ว่าพ่อของเธอเก่ง รู้ตั้งแต่เธอเรียนคำพูดแรกจากพ่อแล้ว… แต่เมื่อเธอขึ้นมาเป็นนักประดิษฐ์…เธอได้เรียนรู้จากงานของพ่อ…เธอจึงได้รู้ว่า พ่อของเธอเป็นเกินคำว่าอัจฉริยะในความคิดของเธอจะนิยามได้ เธอไม่เคยคิดว่าจะต่อกรกับงานของพ่อได้ หรือแม้คิดจะแข่งกับงานของพ่อก็ไม่เคยคิด

โคน่าผละออกจากประตู หันหน้าไปทางทิศที่เธอเพิ่งเดินมา เธอเริ่มก้มมองตามตู้และโต๊ะ ว่าพอจะมีอะไรที่เธอพอจะใช้เป็นเครื่องมือได้บ้าง ร่างของเธอเดินไปทั่วจนกระทั้งกลับมาที่เดิม…ที่ที่เธอเพิ่งปะทะคารมกับเทรเวนเมื่อสักครู่ ร่างในโค้ทแดงยืนนิ่ง มองชายหนุ่มที่เพิ่งประกาศศักดาว่าจะจับตัวเธอให้จงได้ ตอนนี้เขาไม่ได้นั่งตัวตรงเหมือนเจ้าชายอีกแล้ว ตอนนี้ร่างในโค้ทดำนอนตะแคงอยู่บนแท่นวางของ หอบหายใจระรวยอย่างอ่อนแรง แขนเหล็กวางอยู่ข้างๆร่างของเขา

โคน่ามองภาพตรงหน้าสักครู่ ก่อนที่จะก้าวเข้าไปใกล้ร่างของชายหนุ่มด้วยความระมัดระวัง ฉวยโอกาสนี้แหละเอาแขนเหล็กคืนมา ฝีเท้าที่แผ่วเบาของโคน่าย่องเข้าไปหาร่างที่นอนอยู่ เธอรักษาระยะห่างเล็กน้อย มองดูร่างข้างหน้าที่หายใจรวยระริน

…หลับอยู่…
…โคน่าสูดหายใจลึกๆ…

เธอก้าวเข้าไปช้าๆ เทรเวนไม่มีปฏิกริยาตอบสนอง มือเล็กๆของหญิงสาวเอื้อมไปจับแขนเหล็กที่วางเอาไว้ข้างกาย แขนเหล็กข้างนี้…เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อสร้างเอาไว้ สิ่งประดิษฐ์ของพ่อเธอไม่มีค่าในเมืองนี้! แต่กลับสำคัญมากถึงขนาดคนๆหนึ่งข้ามน้ำต่างเมืองมาเสี่ยงชีวิตหามัน เธอไม่เข้าใจในตัวพ่อจริงๆ

มือของหญิงสาวประคองหยิบแขนเหล็ก แต่ทว่าทันทีที่แขนเหล็กถูกเขยื้อน เทรเวนก็ลืมตาโพล่งขึ้น มือซ้ายของเขาตวัดจับแขนเหล็กยื้อคืนมา ส่วนตอแขนขวาตวัดเข้ารัดคอของหญิงสาวผู้ไม่ทันได้ตั้งตัว ทันทีที่โคน่าตั้งสติได้ ผ้าสีขาวซึ่งเคยประกบบนบาดแผลก็หลุดร่วงลงพื้นไป เหลือเพียงกลิ่นคาวเลือดเข้าตะโบมจมูก ลำแขนเกร็งเสียจนเส้นเลือดโปนเข้ารัดลำคอเอาไว้ นักประดิษฐ์หายใจแทบไม่ออก ความอึดอัดแล่นเข้าสู่สมอง อากาศที่เคยใช้หายใจพร่องไป ร่างเล็กๆดิ้นสุดแรง มือทั้งดึงทั้งกระชากให้ออก แต่แขนขวาพิการนั้นก็ไม่เขยื้อนแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มรัดคอเธอเพียงสักครู่ก็ปล่อยออก หญิงสาวถึงกับตาลายเพราะขาดอากาศ สมองหมุนวนเสียจนยืนทรงตัวไม่ได้ เธอทรุดฮวบลงกับพื้น ปากอ้าออกกว้างเพื่อสูดเอาลมหายใจเข้าปอด

"บอกแล้วไงว่าเธอหนีไม่พ้น…แต่คงไม่ได้บอกเธอว่าอย่าชิงอะไรไปจากฉันเวลาฉันหลับ…ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย ขโมยตอนฉันตื่นจะปลอดภัยเสียกว่า"

"นายมัน…นายมัน…"

"อย่ามาคิดขโมยอะไรฉันอีก ไม่ได้คิดขู่อะไรหรอกนะ แต่ระวังจะไม่มีชีวิตรอดกลับบ้าน" ว่าแล้วชายหนุ่มก็ทรุดตัวนั่งลงบนแท่นวางของอีกครั้ง ไม่สนหญิงสาวที่ทรุดอยู่บนพื้นเลยแม้แต่น้อย ราวกับเธอไม่มีตัวตน…

"แขนเหล็กอันนี้ โคเปีย โอรีอาสร้างขึ้น ในชีวิตของเขาสร้างสิ่งประดิษฐ์นับร้อยชิ้น The Iron arm แขนเหล็ก ที่อยู่ตรงนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น มันเป็นแขนกลไกที่ต่อเข้ากับกล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นประสาทโดยตรง จากนั้นก็จะสามารถใช้งานได้ราวเป็นแขนจริงๆ…" เทรเวนหันมามองโคน่าซึ่งนั่งอยู่กับพื้น

"แขนเหล็กนั้นมีสองข้าง ข้างหนึ่งชื่อ Right arm (แขนขวา) อีกข้าง ชื่อ Left arm (แขนซ้าย) โคเปียได้สร้างมันถวายพระราชาเมืองแฮร์ ผู้ไร้ท่อนแขน แต่แล้วก็เกิดปัญหาขึ้น เธอรู้ไหมว่าทำไม?" ชายหนุ่มหันมาถามโคน่า เธอนิ่งเงียบ เทรเวนถือว่านั้นเป็รคำตอบว่าไม่รู้…

"เรื่องนี้ของแฮร์ถือเป็นตำนานเล่าขานทีเดียว ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง มันถูกเรียกขึ้นใหม่ในนามของ 'ปูเรโต้ กับพระเจ้าจูโน' " โคน่าปล่อยมือจากลำคอตัวเอง ที่ชายหนุ่มเล่าก็มีส่วนจริงอยู่บ้าง…โคเปีย ชื่อพ่อเธอแปลว่า สีส้ม…และชื่อ ปูเรโต้ ก็แปลว่าสีส้ม…แต่เธอก็ไม่พูดอะไร ได้แต่นั่งนิ่ง พ่อไม่ได้เล่าประวัติให้เธอฟังมากนัก แต่ในน้อยเรื่องนั้น ก็เคยเล่าว่าตัวโคเปียเคยไปเมืองแฮร์….

"เล่ากันว่า ปูเรโต้เป็นช่างเหล็ก ตีแขนเหล็กไปถวายให้พระราชาจูโนผู้ปราดเปรื่องแต่ไร้ท่อนแขน ช่างเหล็กบอกพระเจ้าจูโนว่าการใส่แขนเหล็กนั้นลำบากมาก ต้องเสียบท่อนแขน เข้าในเนื้อ และกระดูก ต้องกรีดแขนให้ใหญ่พอกับการใส่เข้าไป พระเจ้าจูโนก็ตกลง

"ระหว่างใส่แขนซ้ายนั้นเป็นไปอย่างปกติ แม้ว่าจะทรงเจ็บปวดเจียนขาดใจแต่พระองค์ก็อดทนได้ แต่พอถึงตอนใส่แขนขวา….

"ปูเรโต้เกิดลิงโลดในใจ ทำให้ชะล่าใจกรีดมีดพลาด เฉือนเอาเนื้อแขนของพระองค์ไป พระโลหิตไหลโทรมออกมาไม่มีหยุด สร้างความทรมานให้แก่พระเจ้าจูโนยิ่งนัก

"พระองค์จึงกริ้วมาก ตรัสประหารชีวิตของปูเรโต้ทั้งที่ยังใส่แขนขวาไม่เสร็จ ปูเรโต้ทูลขอชีวิตแต่ก็ไม่เป็นผล เขาจึงออกอุบายขอยืดเวลาทำใจสัก 1 วัน

"พระเจ้าจูโนจึงอนุญาตเพราะคิดว่าคงไม่มีเล่ห์กล จึงให้ปูเรโต้สามารถยืดเวลาตายไปถึงเที่ยงของวันรุ่งขึ้น ปูเรโต้ใช้เวลาก่อนถูกขึ้นตะแลงแกรงไปหาแม่มดดำผู้หนึ่งของเมืองแฮร์ ขอให้ตนได้เจรจากับพระราชินีแห่งปราสาทผีผู้มีชื่อเสียงว่า สามารถบันดาลทุกสิ่งให้เป็นจริงได้ตามต้องการได้ สุดท้าย…เขาก็ได้เจรจากับพระราชินีแห่งปราสาทผี แม่มดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ปูเรโต้ได้อ้อนวอนขอให้พระราชินีช่วยตนให้พ้นจากความตาย พระราชินีทรงตกลงแต่มีข้อแม้ว่า…" เทรเวนก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนพูดด้วยเสียงแหบแห้งกว่าที่ควรเป็นว่า

"หลังจากนี้ชีวิตที่เขาดำรงอยู่เป็นกำไร… ฉะนั้นชีวิตที่เหลือหลังจากนี้ของเขา เขาซื้อชีวิตครึ่งชีวิตด้วยความสุขที่เหลือทั้งหมด ฉะนั้นหลังจากปูเรโต้หนีพ้นจากเมืองแฮร์ เขาจะไม่พบกับความสุขอีกไปชั่วชีวิต ไม่ว่าคนที่อยู่ข้างเขาจะไม่ประสบความสุข ทุกคนจะหนีห่างเขา…เขาจะโดดเดี่ยวจนกว่าเขาจะตาย…"

…เทรเวนเงียบกริบ…


…โคน่านิ่งไป…

"โกหก" โคน่าพูดขึ้น นี่มันไม่ใช่คำพูดที่เธออยากพูดเสียหน่อย!!!

"โคเปียถูกเรียกขานในนาม ปูเรโต้คนครึ่งชีวิต จะเชื่อหรือไม่เป็นเรื่องของเธอ!" เทรเวนทรงตัวลุกขึ้นยืน

"พ่อฉัน….นายรู้ได้ยังไง?"

"ฉันออกเดินทางมาหลายปีแล้ว ไปทั่วทุกทิศ แม้เมืองแฮร์ฉันก็เคยไปมาแล้ว"

"ฉันไม่เชื่อเรื่องเวทมนต์หรอก! มันไม่มี"

"เพราะเธอยังไม่เคยเห็น" เทรเวนพูดเรียบๆ

"งั้นนายก็แสดงให้ดูหน่อยสิ!" โคน่าท้า ชายหนุ่มหลับตา

"ฉันทำไม่ได้…" เขากระซิบ

"เห็นไหมล่ะ!" เทรเวนอ้าปากจะเถียง แต่โคน่าโบกมือ

"โธ่เอ๊ย! เราเถียงกันมามากพอแล้ว นายก็จะฆ่าฉันมามากพอแล้ว เราแยกกันดีกว่า…ท่าทางดวงเราจะไม่สมพงษ์กันเสียเลย ฉันซวยแล้วซวยอีก ฉันไม่โทษนายถ้านายจะรู้สึกอย่างเดียวกัน ฉันไม่ใช่คนชอบสังคมเสียด้วย ฉันเป็นนักประดิษฐ์ นักประดิษฐ์ส่วนใหญ่ชอบอยู่คนเดียว ฉันให้แขนเหล็กนาย อย่างน้อยมันก็จะทำเราไม่ต้องยุ่งกันอีก แต่ฉันจะบอกคุณมอริสแน่ว่านายเป็นคนทำเรื่อง หน้าตาเป็นยังไงฉันจะบอกให้หมด" โคน่ากระพริบตา กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เธอเชื่อคำพูดของผู้ชายคนนี้เสียแล้ว เชื่อว่าพ่อของเธอคือ ปูเรโต้ที่เขาเล่า พ่อของเธอช่างน่าสงสารอะไรอย่างนี้ เธอยอมรับว่าเธอไม่มีความสุขที่มั่นคงนักเวลาที่อยู่กับพ่อ พ่อไม่ค่อยเอาใจใส่เธอเท่าที่ควร แต่…หลังจากพ่อตาย เธอก็รู้ว่า ตอนที่พ่อยังอยู่นั้นแหละคือความสุขที่แท้จริง…

"ฉันก็ไม่เคยห้ามเธอ…" เทรเวนบอก "ฉันบอกว่าเธอออกไปไม่ได้ ไม่ใช่ห้ามเธอไม่ให้ออกไป ถ้าเธอออกไปได้ก็ไปเถอะ ฉันไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไร แต่ถ้าถามความเห็นฉัน ฉันขอตอบว่า เธออยู่กับฉันจะปลอดภัยกว่า"

"อยู่กับผู้ชายวิกลจริตที่บีบคอฉันเมื่อกี้น่ะรึ?" คนผมสีน้ำมันจักรยักไหล่

"สัญชาติญาณของฉันบอกว่า ให้จัดการกับคนที่มาทำลับๆล่อๆข้างหัวนอนได้ทันทีโดยไม่ต้องสนใจว่าเป็นใคร"

เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยราวกับบ่นพึมพำ โคน่าส่ายหน้าช้าๆคล้ายต้องการให้หัวว่างเปล่า

"แ ต่ ฉั น ก็ ไ ม่ คิ ด จ ะ อ ยู่ กั บ น า ย " เธอหลับตา พูดช้าๆเน้นทีละคำ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปแทบในทันที

"แต่ฉันจะจับตัวเธอให้ได้แน่ตราบใดที่คิดจะเปิดโปงฉันอยู่!" เทรเวนตะโกนไล่หลังมา โคน่าไม่สนใจ เธอยังเดินต่อไปตามทางของตน

"ฉันให้เธอล่วงหน้าไปจนกว่าฉันจะใส่แขน แล้วอย่าหาว่าไม่เตือน" โคน่ารีบหลบเข้าหามุมโต๊ะหนึ่งทันที แม้ว่าเธอทำใบหน้านิ่งสงบแต่ก็รู้ว่าเธอเหลือเวลาไม่มากนัก ทันทีที่เทรเวนใส่แขน เธออาจอยู่(อย่างไม่ดีนัก)หรืออาจตายก็เป็นได้

โคน่ารีบค้นตามกองสิ่งประดิษฐ์ที่สุมอยู่ หาของที่จะมาเป็นเครื่องมือในการหนีออกนอกประตูอย่างรวดเร็ว

สมาธิของโคน่าถูกเพ่งไปที่กองสิ่งประดิษฐ์ เธอทั้งค้น จับ และดัดแปลงดูว่าสามารถนำมาใช้ได้หรือไม่ เหงื่อของโคน่าไหลซึมมาตามใบหน้าและซอกคอ เธอรู้สึกปวดหนึบที่บริเวณท่อนแขน เพราะใช้กล้ามเนื้อมากเกินไปแน่ถึงได้เป็นอย่างนี้

เธอหวนคิดถึงมอริส ถ้าเทรเวนพูดถูกก็เท่ากับมอริสเป็นคนร้าย แต่ถ้าเทรเวนโกหก….เธอก็กำลังอยู่กับตัวโรคจิตอันตรายแห่งยุคทีเดียว

โธ่เอ๊ย! โคน่ากุมศรีษะ เธอจะทำยังไงดี เธอน่าจะออกมานอกบ้านเสียบ้าง อย่างน้อยจะได้ทันคน ไม่น่าเอาแต่คลุกอยู่ในห้องเลยจริงๆน้า

…แต่นี่ไม่ใช่เวลามาคิดถึงความหลังอันน่ารำลึกหรอกนะโคน่า… หญิงสาวตะโกนในใจร้องบอกตัวเอง ที่ตอนนี้เธอควรจะทำคือ หาทางค้นหาความจริงต่างหากว่าใครเป็นคนพูดความจริงกันแน่! ตอนนี้ทั้งห้องสีขาวเงียบสนิท ได้ยินแม้เสียงสวบสาบของเสื้อผ้าและเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดของขาโต๊ะ แต่เสียงพวกนั้น ไม่นานนักก็ถูกกลบด้วยเสียงค้นของ

ดวงตาสีดำสนิทจำจ้องไปที่กองของเบื้องหน้า มือเล็กๆทั้งสองข้างหยิบของขึ้นมามองอย่างพินิจพิเคราะห์ บางชิ้นถูกโยนทิ้งไป บางชิ้นถูกวางไว้ข้างๆตัว เหงื่อเม็ดน้อยที่หลั่งออกจากรูขุมขน ไหลย้อยลงมารวมกันเหมือนแม่น้ำที่รวมกันเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เวลาผ่านไปเรื่อยๆ อากาศในห้องสีขาวก็ดูเหมือนจะร้อนขึ้นเรื่อยๆด้วย! หยดน้ำเม็ดเขื่องที่เกิดขึ้นบนใบหน้าค่อยๆหยาดย้อยลงไปตามลำคอ นักประดิษฐ์ยกแขนขึ้นปาดมันอย่างรวดเร็ว โคน่าเลียริมฝีปาก พร้อมกับหันไปทางกองของที่เธอเลือกไว้ มันคงพอที่จะช่วยเหลือเธอในการสะเดาะประตูได้บ้าง

หญิงสาวพยุงตัวเองลุกขึ้นยืนแล้วค่อยอ้าวงแขนเล็กๆออก พร้อมกอบโกยสิ่งประดิษฐ์ ซึ่งบางชิ้นถูกโคน่าแยกชิ้นส่วนเสียจนเป็นเพียงเศษสวะซึ่งนำมาใช้ต่างไขควงได้เท่านั้น

โคน่าสาวเท้าไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง คางของเธอแทบเกยอยู่เหนือเศษวัสดุเหล่านั้น เธออาศัยเวลานานทีเดียวกว่าจะห้าวมาถึงประตู นักประดิษฐ์ไม่รอช้า เธอวางมันลงและเริ่มคุ้ยของขึ้นมางัดแงะทันที

มือเล็กๆหยิบได้ถ้วยสุญญากาศรูปร่างแปลกประหลาด แทนที่มันจะมีเกรียวที่ฝา แต่กลับมีเกรียวที่ถ้วยแทน อย่างไรก็ตามแต่ มันสามารถนำมาเป็นประแจได้อย่างดี นักประดิษฐ์สอดแผ่นเหล็กแบนยาวงอไปมาได้แผ่นหนึ่งเข้าไปในซอกประตู บิดมันไปมาเพื่อแกะล็อคชั้นแรกออก เสียงกริ๊ก* ดังขึ้นเบาๆ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้นักสะเดาะมือสมัครเล่นใจชื้นได้เป็นกอง

หญิงสาวหยิบลวดซึ่งดึงออกมาจากขาโต๊ะมาแยงเข้ากับแผ่นเหล็กอีกด้าน สายตาไม่ละไปจากประตูแม้แต่นิดเดียว เธอแทบกลั้นหายใจในขณะทำงาน แม้รู้ว่ามันเป็นเพียงงานสะเดาะกุญแจ งานที่โจรกระจอกทั่วไปสามารถทำได้ในเวลาไม่กี่นาที การสะเดาะกุญแจแบบนี้ พ่อของเธอสอนให้เธอทำก่อนเธอรู้จักคำว่า 'ประตู' เสียอีก

แต่การสะเดาะประตูซึ่งสร้างโดยโคเปีย ต่างกับการสะเดาะทั่วไปราวกับฟ้ากับดิน ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดสะเดาะกลอนที่พ่อของเธอประดิษฐ์ขึ้น เขาผู้นั้นจะต้องเตรียมใจระวังกับอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้น แน่นอน…โคเปียเป็นจ้าวมนต์ดำทางด้านนี้ ราวกับเวทย์มนต์ในคาบเสี้ยววินาที ดวงตาหรือชีวิตอาจหลุดออกจากร่าง ด้วยเหล็กแหลมชุบสารพิษ

ขณะที่ทั้งห้องเงียบกริบ โคน่ากำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการสะเดาะและอันตรายตรงหน้า ไม่มีเสียงเทรเวนขยับตัวไปมาบนโต๊ะอีกแล้ว เหลือเพียงเสียงหายใจเข้าออกช้าๆ

อากาศในห้องเย็นวูบขึ้นทันควันและอบอ้าวไปพร้อมๆกัน ขนของนักประดิษฐ์ลุกซู่ พร้อมกับเหงื่อไหลโชกไปด้วย

ใจของนักประดิษฐ์เต้นถี่ รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ไม่ใช่มันมาจากความรู้สึก การสังหรณ์ใจของโคน่ามาจากความรู้สึกผิดปกติที่ประสาทสัมผัสเสมอ เธอรู้สึกได้ว่ารอบตัวของเธอเริ่มผิดปกติ รู้สึกกดดันได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ผมแดงของเธอเริ่มเปียกชื้น เธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง โดยประสาทสัมผัสอย่างใดอย่างหนึ่ง!

โคน่าเลียริมฝีปาก เธอละสายตาออกจากงาน วางแผ่นเหล็กและลวดบนพื้น แล้วเอามือปิดตา

…ตอนนี้ใจของเธอสั่นระรัว…
…ความใจเย็นของนักประดิษฐ์ได้หลุดลอยได้ครึ่งหนึ่งแล้ว…
…เธอหายใจเข้าออกช้าๆ พยายามควบคุมจิตใจให้เป็นปกติ เพื่อเตรียมตัวทำงานต่อ…
…หญิงสาวสูดหายใจเข้าออก…เข้าและออก…
…ร่างบางสูดหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง มันเกิดขึ้นพร้อมกับร้องลั่นของเทรเวน…

โคน่าหันขวับไปทันที เธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น! เสียงร้องอย่างเจ็บปวดนั้น! เทรเวน…เทรเวน

…เขาใส่แขนเหล็กเข้าไปแล้ว!…

เวลาของเธอสิ้นสุดเท่านี้ ขอบตาแดงร้อนผ่าว หัวไหล่กระตุกโดยอัตโนมัติ เทรเวนใส่แขนเหล็กแล้ว แม้ว่าการใส่แขนเหล็กจะเจ็บปวดเพียงใด แต่มันจะใช้การได้ราวกับเป็นแขนจริง!

คำพูดของเทรเวนไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องจริง แต่การเชื่อไว้เป็นทางออกที่ดีที่สุด โคน่ารีบถีบตัวลุกขึ้นจากท่าคุกเข่า แต่เธอก็ล้มไม่เป็นท่าเพราะขาที่ชาเกินไป หญิงสาวกระโดดลุกขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เธอรวบชายโค้ท แล้ววิ่งสุดแรง หลบเข้าไปในตู้ๆหนึ่งซึ่งถูกกองของประดิษฐ์กองบังหน้าตู้เอาไว้ เธอเข้าไปแอบในตู้พร้อมๆกับกอบสิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นมาบังตัวเองเอาไว้ หญิงสาวลงนอนราบกับพื้นตู้ มือกอดอกบังหัวใจที่เต้นรุนแรงเพราะความเหนื่อย ตั้งแต่หัวจรดเท้าร้อนราวกับตากแดดในเดือนเมษากลางทุ่งข้าวสาลี ลำคอคอแห้งผาด ริมฝีปากปิดสนิทพยายามไม่ให้ตัวเองเผลอหอบออกมา เธอหลับตา…ฟังเสียงฝีเท้าที่เริ่มเหยียบลงพื้น…

ร่างของเทรเวนเริ่มออกเดินอีกครั้ง เลือดที่เคยไหลเริ่มซึมออกมาอีกครั้งที่แขนเหล็ก ความรู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้ เขาแทบจำไม่ได้แล้วว่าเคยพบครั้งสุดท้ายเมื่อไร?

ชายหนุ่มยกแขนขวาขึ้นมองดู ความรู้สึกที่แขนขวาต่างจากที่เขาเคยรู้สึกเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา มันคือความรู้สึกว่ามีแขน! เส้นประสาทที่ตอแขนเต้นตุบๆ ราวกับสูบฉีดโลหิตลงในแขนเทียม กล้ามเนื้อที่ตอแขนคล้ายกับได้รับคำสั่งให้เข้าประจำการอีกครั้ง ช่างเป็นความรู้สึกที่น่ายินดีอะไรอย่างนี้ ถ้าไม่นับความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงทุกอณูการขยับ

เขาลองเกร็งกล้ามเนื้อแขนซ้าย….นิ้วมือกำเข้าออก อดีตคนแขนไม้หันมาทางแขนขวาบ้าง เขาลองเกร็งแขนขวาซึ่งไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก…นิ้วมือที่แขนกำ!

เทรเวนแทบกระโดดด้วยความรู้สึกลิงโลด ถ้าไม่อยู่ในห้องคับแคบอย่างนี้ เขาคงโห่ร้องดังก้องทุ่งเป็นแน่! คนผมสีน้ำมันจักรยิ้มร่า ยิ้มอย่างที่เขาไม่เคยได้ยิ้มมาก่อนในเวลาหลายปีที่ผ่านมา ยิ้มอย่างที่มีความสุขเต็มเปี่ยม เขาลองกำมือแบมืออีก 2-3 ครั้ง จากนั้นก็ลองพับนิ้วทีละนิ้ว…มันทำได้ราวเป็นของแขนจริงๆ!

อูรีตี้จงเจริญ! โคเปียก็จงเจริญ!

แม้ว่าจะมีความเจ็บแปลบปวดเสียจนชาไปทั้งแขน แต่มันก็กำไรมากกว่าที่เสียไป ชายหนุ่มยิ้มได้สักพักเขาก็หุบยิ้ม เทรเวนเลียริมฝีปากกลบเกลื่อนรอยยิ้ม เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมายิ้มร่าหรอกนะ เรื่องยุ่งยากกำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ เขารู้สึกถึงความแปลกปลอมที่กำลังย่างกรายเข้ามา

ความรู้สึกที่ไม่เคยผิดพลาดของเขาบอกว่า เรื่องนี้เป็นอันตรายอย่างแน่นอน ใช่แล้ว ทั้งเขา และลูกสาวของคนที่เขาเพิ่งสรรเสริญไปหยกๆ ด้วย

คนแขนเหล็กเริ่มออกเดินอย่างแผ่วเบาไปตามพื้น สายตาสอดส่ายหาตัวโคน่า ถ้าเขาเจอเธออย่างน้อยเธอก็จะได้เป็นอันตรายน้อยลง แต่จะเป็นไปได้สักเท่าไรเชียว! ก็เขาเพิ่งขู่เธอไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเองนี่นา ชายหนุ่มหยุดเดินชั่วครู่เพื่อคิดใคร่ครวญ ความรู้สึกชาที่แขนยังคงอยู่ รวมถึงความรู้สึกเหมือนถูกเหล็กดูดกลืนด้วย ความจริงเขาควรจะรอให้แผลปิดกว่านี้เสียก่อนแล้วค่อยใช้งานแขน แต่เขาคงรอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว มีอะไรบางอย่างกำลังเข้ามาหาพวกเขา ชายหนุ่มเลยต้องรีบผิดปกติ เขาต้องมีแขนครบสองข้างเพื่อต่อกรกับใครสักคน

ชายผมสีน้ำมันจักรกอดอกนิ่งเงียบ เขาไม่ได้อยู่ในสภาวะกดดันอย่างนี้มาหลายปีแล้ว เขากำลังไตร่ตรองในใจว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะเจอตัวโคน่าได้โดยเร็วที่สุด โดยที่ไม่ต้องใช้คำพูด! เพราะว่า

หนึ่ง คือ หญิงสาวไม่เชื่อเขาหรอก ในหัวหล่อนส่วนที่เป็นเรื่องชาวบ้าน ก็มีเรื่องมอริสปาเข้าไปตั้ง 8 ส่วนแล้ว เขาไม่มีทางเรียกคะแนนเสียงกลับมาภายในเวลาอันสั้นเป็นอันขาด

สอง คือ เขาไม่มีวันพูดออกมาเป็นภาษาคนที่น่าเชื่อถือได้เลย นายเทรเวนผู้ที่สง่างามน่าเชื่อถือ ตอนนี้ หากแม้เขาอ้าปากพูดจาแต่ละครั้ง ไม่ใช่เสียงครางก็คงเป็นเสียงพูดที่สั่นเทิ่ม และคงไม่อาจหักใจพูดแต่ละครั้งได้เกิน 2 ประโยคเป็นแน่

คนแขนเหล็กกอดอกเงียบอยู่สักครู่ ความกดดันเริ่มทวีเพิ่มขึ้น ความยุ่งยากกำลังเดินเข้ามา แต่เขาจะกลัวมันทำไมในเมื่อเขาเป็นคนร้องขอให้มันมาเอง หรือว่าเขาเปลี่ยนไปกระทันหัน เริ่มเหมือน โคน่า โอรีอา ที่รังเกียจความยุ่งเหยิงน่ารำคาญทั้งปวง คนหัวรั้นอย่างนั้นไม่มีวันฟังใคร เทรเวนมีหนทางเดียว ไล่ล่านักประดิษฐ์เหมือนกับตอนที่เขาตามเอาแขนเหล็กคืน

ชายหนุ่มคลายมือที่กอดอกเอาไว้ แหงนใบหน้าตั้งตรง ใช้สายตาสอดส่ายไปทั่ว ก่อนเริ่มเดินด้วยฝีเท้าแผ่วเบา เบาลง….และไม่แม้มีเสียงหรือแรงสะเทือนให้ใครสามารถจับได้

โคน่านอนนิ่งอยู่ในตู้โชว์ ตัวของเธอขดกลมในท่านอนตะแคง สิ่งประดิษฐ์ที่ถมบนตัวเธอทำให้รู้สึกอึดอัดมาก บางชิ้นกลิ่นทินเนอร์จางๆยังคงติดอยู่

เธอนอนไปฟังเสียงไป เมื่อสักครู่เสียงฝีเท้าของเทรเวนที่หยุดไปค่อยๆมีเสียงเดินอีกครั้ง เสียงเดินที่แผ่วเบาแต่เธอก็ยังจับได้ แต่ตอนนี้ เสียงที่ว่าไม่มีแม้แรงสั่นให้รู้สึก

…หมอนั้นหาทางออกได้… …หรือว่า เกิดอะไรขึ้น?…

นักประดิษฐ์เริ่มกระสับกระส่าย ถ้าเธอจะออกไปดูสักหน่อยดีไหม? ว่ามีอะไรผิดปกติ ออกไปดูสักหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอกน่า แม้ว่าในใจจะพูดอย่างนี้แต่สมองของเธอยังคงสั่งการว่า ไม่ต้องออกไป นี่อาจเป็นกลลวง เทรเวนอาจเฝ้าดูเธอจากที่ไหนสักแห่งแล้วจ้องตะครุบตัวเธอก็ได้ ใครจะไปรู้!

…ออกไปเถอะ โคน่า…หมอนั้นอาจหาทางหนีได้แล้ว…แกจะมาโง่นอนแบบไม่รู้เรื่องราวได้ยังไง…
…อย่าออกไปนะ โคน่า…หมอนั้นเดาทางได้ซะที่ไหน เขาอาจรอตะครุบตัวเธออยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้…
…ออกไปเถอะ ถ้าหมอนั้นเป็นอะไร แกก็ซวยเหมือนกันนะ โคน่า…เกิดที่หมอนั้นพูดถึงคุณมอริสเป็นจริงขึ้นมาล่ะ!…
…ถ้าหมอนั้นโกหกแกล่ะ โคน่า! คุณมอริสจะเป็นคนแลวได้หรือ? เขาเป็นเพื่อนพ่อเธอนะ…
…โง่เง่า! ถึงอย่างนั้นแกก็นอนอยู่ในนี้เสมอไปไม่ได้หรอก…
…โธ่! โคน่าๆ อย่าออกไป แกอย่าออกไปตายนะ…
…อยากตายในตู้อย่างนี้ก็ตามใจแก!!!…
… … … …

…ได้ๆ! ฉันจะดูให้แน่ใจก่อนแล้วค่อยออกไป… หญิงสาวค่อยๆขยับตัว เธอหยิบของที่อยู่บนตัวเธอออกช้าๆไม่ให้มีเสียง หญิงสาวขยับตัวเล็กน้อย มองลอดช่องว่างของสิ่งประดิษฐ์ออกไป ดวงตาสีดำของเธอมองลอดออกไป ตู้โชว์บางตู้ของร่วงลงมาเพราะเทรเวนรื้อค้น แท่นโชว์บางแท่นเอียงกระเท่เร่ ผนังห้องสีขาวไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิต เหลี่ยมของมุมห้องยังคงเป็นปกติ นักประดิษฐ์มองไปยังแท่นสีขาวที่ใหญ่ที่สุดซึ่งตั้งอยู่กลางห้อง แผ่นทองเหลืองที่เขียนเอาไว้ว่า 'หมอกขาว' ยังคงดูปกติ ทุกอย่างปกติ ข้างนอกปกติ ข้างในอบไปหน่อยแต่ก็ยังปกติ คงมีแต่ใจเธอละมั้งที่ไม่ปกติสุข

โคน่าค่อยๆลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ ภายใต้กองสิ่งของกองใหญ่ ค่อยๆจับมันลงจากหัวไหล่ ร่างเล็กๆในโค้ทแดง ค่อยๆยืดตัวขึ้น การขดอยู่ในตู้ไม่ใช่เรื่องที่สรีระมนุษย์อำนวยเลย เธอมองซ้ายขวาอย่าระมัดระวัง ก่อนค่อยๆดัดหลังที่ขดแข็ง แล้วคลานออกมาจากตู้เก็บของ ฝ่าดงขยะกองเขื่องที่วางขวางหน้า หญิงสาวใช้มือกวาดทาง ร่างเล็กๆคลานออกมาได้ในเวลาไม่นาน

โคน่านั่งนิ่งอยู่บนพื้นอยู่ในท่าคุกเข่า ข้างนอกโปร่งกว่าข้างในมาก ไม่มีวี่แววของเทรเวนเลยแม้แต่น้อย แต่กระนั้นโคน่าก็ยังระวังตัว แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความกดดันก็ค่อยๆหายไป

…เธอพยุงตัวลุกขึ้นยืน…

…ทันใดนั้นร่างของเทรเวนกระโดดลงมาจากหลังตู้ ตะครุบตัวนักระดิษฐ์เอาไว้พอดี…

แขนเหล็กของเทรเวนจับท่อนแขนของหญิงสาวเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างอุดปากของโคน่าสนิท ถึงนักประดิษฐ์พยายามดิ้นก็ดิ้นไม่หลุด ร่างในโค้ทดำกดอีกฝ่ายเสียจนทรุดฮวบ เขายกนิ้วขึ้นเป็นสัญญาณให้เงียบ

"อย่าส่งเสียงนะ มีคนมา!!!"

Part. 9 >>>