|
เสียงประตูเคลื่อนออกดังขึ้น ร่างอ้วนใหญ่ของมอริสก้าวเข้ามาภายในห้องสีขาวเล็กๆนั่น เขามีสีหน้าตกตะลึงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ข้าวของถูกรื้อค้นเกลื่อนกลาด
.
สีหน้าที่เคยเรียบเฉยไม่อินังต่อสิ่งรอบข้างเริ่มขุ่นมัวอย่างขัดเคือง นายกเทศมนตรีแห่งเมืองเมเปิลก้าวเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทีนิ่งสงบ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเกรี้ยวกราด
เมื่อนายยกเทศมนตรีเดินมาถึงกลางห้องสีขาวเล็กๆ เขาก็สอดส่ายตามองไปทั่วทั้งห้องช้าๆด้วยความเยือกเย็น สายตาผิดกับนิสัยที่เป็นอยู่
สายตาของเขามองวนเวียนไปมาทั่วห้องก่อนจะหยิบซิกก้าขึ้นมาสูบอย่างใจเย็น
ควันถูกพ้นฉุยออกจากปากของมอริสซึ่งยังปั้นสีหน้าเคร่งเครียด เพียงชั่วพริบตาเดียว ลูกตะกั่วจากไม้เท้าไม้เคลือบมันอันสวยก็แล่นเข้ามายังตู้โชว์ซึ่งคน 2 คนแอบอยู่ กระจกแตกกระเด็นลงเกลื่อนบนพื้น ลูกกระสุนเฉือนขอบไม้ที่ถูกแกะสลักเป็นลายสวยงามเสียแหว่ง นัดที่ หนึ่ง
สอง
และสาม ตามกันมาติดๆ
โคน่ายกมือตนขึ้นปิดหู เทรเวนกัดฟันแน่น เขายกแขนเหล็กขึ้นมองดู สงสัยแขนเหล็กในตำนานจะได้ใช้เร็วก่อนที่คิด
มอริสยกไม้เท้าของตนขึ้น ควันลอยฉุยจากไม้เท้า เขาโยนซิกก้าลงพื้นแล้วดับมันด้วยปลายเท้า ก่อนจะจับปลายหนวดเรียบแปร้สีดำเงาให้เข้าที่
"โคน่าที่รัก" เขาพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยนดุจที่เคยพูดทุกครั้ง คำว่า 'โคน่าที่รัก' ราวกับกลั่นออกมาจากจิตใจจริงๆ เสียงแม้ไม่ดังนัก แต่ก็ดังครอบคลุมไปทั้งห้อง
"
." โคน่าซึ่งถูกล็อคด้วยแขนของเทรเวนนั่งนิ่ง สีหน้าของมอริสเมื่อตะกี้
ไม่เหมือนกับ ที่เธอเคยเห็น ไม่ว่าเมื่อสักครู่นี้ หรือ
ชั่วชีวิตของเธอที่ผ่านมา แต่น้ำเสียงของเขา ยังเหมือนเดิม
เธอสับสนเหลือเกิน
เทรเวนขมวดคิ้วอย่างสนเท่ห์ เขาประเมินผู้ชายคนนี้ต่ำไป
มอริสยังคนยืนนิ่งอยู่กลางห้อง มือถือไม้เท้า
ไม่ใช่ถืออย่างไม้เท้า แต่ถืออย่างอาวุธ!
"โคน่า
ฉันรู้ว่าหนูอยู่ในนี้ ออกมาเถอะ เสียใจที่ฉันทำเสียงดังอาจทำให้หนูตกใจ แต่ฉันไม่มีเจตนาอย่างนั้นหรอกนะ" เทรเวนค่อยๆคลายมือออกจากปากของนักประดิษฐ์ช้าๆ
"ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป
" เทรเวนสั่ง หญิงสาวรู้สึกเหมือนประวัติศาสตร์กลับมาซ้ำรอยอีกครั้ง เทรเวนยึดไหล่ให้เธอทรงตัวขึ้น เขาชี้นิ้วออกไปข้างหน้าเป็นสัญญาณให้เธอเดินออกไป
ร่างของนักประดิษฐ์สาวเท้าเดินหน้าช้าๆ จนกระทั้งพ้นตู้ซึ่งจะกำบังตัวเธอ
มอริสมองเธอด้วยสายตาตกใจเล็กน้อย แต่ไม่นานสายตาของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นเช่นที่เดิม
อย่างที่เคยมองเธอทุกๆครั้ง
"โอ้! โคน่าน้อย" เขาอุทานด้วยความด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ "ฉันเสียใจจริงๆที่รัก ฉันไม่รู้ว่าเธออยู่หลังตู้นั้น ฉันยิงตรงนั้นเพื่อเพียงดับสัญญาณกันขโมยเท่านั้นเอง"
"ค่ะ
" โคน่าพูดขึ้นเพื่อบอกว่าตนรับรู้
"มันจะระเบิดทันทีถ้ามีคนเข้ามาอยู่ในห้องนี้เกิน 3 ชั่วโมง ฉันถึงต้องรีบทำลายทิ้งซะ! เพราะไม่รู้ว่าเธอเข้ามานานเท่าไรแล้ว คงทำให้เธอตกใจ"
"ค่ะ
" ใจของเธอเต้นระรัว ขาจะพับลงกับพื้นเสียให้ได้
"หนูเข้าเข้ามาที่นี้ทำไม?" มอริสกวาดสายตาไปทั่วห้องที่มีของวางระเกะระกะ "ฉันเตือนหนูแล้วว่าอย่าเข้ามา" มอริสก้มลงหยิบแก้วใบหนึ่งซึ่งกองอยู่กับพื้นขึ้นมามองดู "แก้วคริสตัลจากเมืองซูริกต์ ในตู้ A04
" เขารำพึงขณะพลิกแก้วดูไปมา โคน่ากุมมือไว้ที่หน้าตัก เริ่มต้นการไขว้นิ้วไปมาเพื่อระงับอาการทางประสาท
เธอยอมเดินออกมาเพราะเห็นว่าเทรเวนน่ากลัว
แต่เมื่อเธอมายืนอยู่ตรงนี้ก็เห็นว่ามอริสน่ากลัวกว่าหลายเท่า
หนีเสือปะจระเข้แท้ๆ ความเรียบง่ายที่เคยเป็นเพื่อนเธอมาชั่วชีวิตหายไปไหนเสียนี่!
"หนูค้นมันออกมาหรือ?" นักประดิษฐ์ส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะอ้าปากแก้ตัวด้วยเสียงแผ่วเบา ซึ่งแม้แต่ตัวเธอเองก็แทบไม่ได้ยิน
มอริสจับจ้องมองดูอากัปกิริยาของนักประดิษฐ์ตลอดเวลา สายตาของเขามองขวางราวกับนักสืบมองเด็กติดยาซอมซ่อที่เขาหยุดถามทาง
"แล้วใครกันเป็นคนทำ?" คำถามต่อไปถูกยิงออกมาอย่างกระชันชิด โคน่าหน้าซีด เหลือบมองไปข้างหลัง เธอควรจะตอบหรือ? คำตอบคือ ไม่ควรเลยแม้แต่นิดเดียว เทรเวนอาจเล่นงานเธอจากด้านหลังได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าไม่ตอบมอริสก็อาจจะ
"
." โคน่าอ้าปากขึ้น ใจจริงเธอยังนึกคำตอบไม่ได้ แต่ว่าการเงียบ อาจทำให้ทุกอย่างแย่กว่าเดิม "หนู
"
โคน่าแหงนหน้ามองมอริส ซึ่งบัดนี้สายตาของเขาไม่ได้มองอยู่ที่เธออีกแล้ว มันมองข้ามเธอไป มองไปยังเบื้องหลังของเธอ
"โดมินิก!" มอริสพึมพำ โคน่าหันตามสายตาของนายกเทศมนตรีอย่างรวดเร็ว
เทรเวนยืนอยู่ตรงนั้น เบื้องหลังของเธอ
"สวัสดีครับ คุณมอริส" เขาทักทายนายกเทศมนตรีด้วยรอยยิ้ม ท่าทางของเขาสง่างามสร้างความน่าเชื่อถือให้กับทุกคนที่เห็น
ร่างสูงในโค้ทดำก้าวออกมาข้างหน้าเล็กน้อยก่อนพูดต่อ
"ตอนนี้กี่โมงแล้วล่ะครับ อืม
คงสัก 6 โมง ผมคงต้องกล่าวอรุณสวัสดิ์กับคุณใช่ไหมครับ?" เทรเวนต่อเดิมคำทักทายของเขาด้วยการหัวเราะน้อยๆ อารมณ์ช่างผิดเพี้ยนกับมอริสซึ่งมองชายหนุ่มเชม็งด้วยความรู้สึกเคลือบแคลงและ
หวาดหวั่น
"คุณมาที่นี้ได้ยังไง?"
"เข้ามาได้ยังไง? ก็เดินเข้าสิครับ ไม่เห็นแปลก อ้อ
ปีนด้วยนะ ถ้าคุณอยากรู้ทั้งหมดล่ะก็
" เทรเวนโคลงศรีษะ ทำท่าเป็นครุ่นคิดก่อนจะตอบ สายตาของมอริสจ้องเขม็งมาที่ชายหนุ่มด้วยสายตาที่ใช้มองศัตรู
"คุณ
" เขาขบฟัน ก่อนจะหันมามองโคน่า "เธอพาเขาเข้ามาหรือ? โคน่า" มอริสหันมาพูดกับเธอแทนที่จะสนทนากับเทรเวน มันไม่ได้ทำให้เธอลำบากใจน้อยลงเลย หญิงสาวอ้าปากจะตอบ แต่
ชายหนุ่มขัดขึ้นก่อน
"เธอมากับผม
แน่นอน ผมบังคับพาเธอมาเองแหละ ไม่มีอะไรต้องแปลกใจเลย"
"ผมรู้แล้ว ว่าเธอต้องมากับคุณแน่ๆ" มอริสหันกลับมาพูดกับคนในโค้ทดำ "เพราะทางที่เธอมายังไงๆก็มาโผล่ที่นี้ไม่ได้อยู่แล้ว" ชายผมสีน้ำมันจักรยิ้มด้วยมุมปากข้างหนึ่งท่าทางยียวน
"หมายความว่า
คุณเดาออกตั้งแต่แรกแล้วงั้นสิ คุณเก่งจริงๆ ผมชมจากใจ หลอกผมเสียอยู่หมัดเลย"
"ผมก็ต้องชมคุณจากใจจริงๆ คุณโดมินิก ท่าทางภูมิฐานของคุณ และชื่อเสียงของคนแขนไม้ของคุณ ทำให้ผมชะล่าใจไปมาก คิดว่าคุณไม่ใช่ขโมย"
"แน่นอน! ปกติผมไม่ใช่อยู่แล้วล่ะ
" เทรเวนหัวเราะหึๆในคอ เขาก้มหน้าซุกเสื้อโค้ท พลางยกมือล้วงกระเป๋า
"แต่มันแล้วแต่ความพอใจ เผอิญที่นี่ มันมีของที่ผมต้องการเสียด้วยสิ อ้าว
อย่าเพิ่งทำหน้าอย่างนั้นสิครับ ผมไม่ได้เปิดโปงแผนของผมฟรีๆหรอกนะ มันต้องแลกกับเรื่องของคุณด้วย" เทรเวนพูดเสียงเรียบ พลางชี้ปลายนิ้วมายังตัวมอริส ชายร่างอ้วนยิ้มด้วยมุมปากอย่างรู้ทัน เขายกมือลูบหนวดเล็กน้อยก่อนจะกระชับไม้เท้าในมือ เบนร่างเล็กน้อยจากโคน่าเพื่อให้มองเห็นเทรเวนได้ถนัด
"แลกเปลี่ยนรึ?" มอริสทวนคำของชายผมสีน้ำมันจักรเบาๆ ก่อนที่จะยกไม้เท้าในมือขึ้นแล้วฟาดไปยังท้องของโคน่าอย่างเร็วและแรง
.หญิงสาวกระเด็นไปเกือบ 3 เมตรก่อนร่างจะล้มลงกระแทกพื้น
แน่นิ่งไป
เทรเวนก้าวขาออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่
ไม่ทัน เขาอยู่ไกลเกินไป
ร่างผมแดงนอนแผ่นิ่งไปกับพื้นเสียแล้ว
ชายหนุ่มมองร่างที่เพิ่งล้มไป สลับกับมองหน้าที่ไว้หนวดเรียบแปร้
มอริส
มอริส ร้ายกาจกับผู้หญิงที่นับถือเขาได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
มอริสดูเหมือนจะมองเทรเวนออก เขาแสยะยิ้มเล็กน้อย ก่อนยกมือขึ้นจัดหนวดเบาๆ
"ที่ผมฟาดไป ผมไม่รู้ผลที่จะตามมาหรอกนะ
"
"!!!"
"แน่นอน โคน่าน้อย อาจตายหรือหมดสติ แรงฟาดของผมอาจมีผลต่ออวัยวะภายในของเธอก็ได้ แต่ผมก็ภาวนาว่าอย่าให้มีผลกระทบกระเทือนภายใน อย่างน้อยผมก็ไม่อยากรุนแรงกับเธอขนาดนั้น เพราะมันไม่ดีใช่ไหมล่ะ? ถ้าจะมีใครมาตายในศาลากลางแบบนี้ ผู้คนคงสงสัยผมแน่ ถึงแม้คนที่ตายจะไม่ใช่คนที่ใครอินังก็เถอะ" นายกเทศมนตรีเหลือบมองร่างซึ่งนอนนิ่งอยู่
"น่าสงสาร โคน่าน้อย
อันที่จริงเธอก็เป็นเด็กดีมากทีเดียว แต่น่าเสียดาย เธอมายุ่งกับเรื่องที่ไม่ควรยุ่งมากไปหน่อย ไม่อย่างนั้น เธอคงยังอยู่ในห้องของเธอเงียบๆเหมือนเดิม" มอริสผินหน้ากลับมา
"มาพูดเรื่องของเราต่อดีกว่า บอกไว้ก่อนนะ ผมไม่เคยเจรจาธุรกิจขาดทุน"
เทรเวนคุมอารมณ์ตัวเองอยู่แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะแสดงท่าทางอย่างออกนอกหน้า สู้เงียบจะดีกว่า
คนผมสีน้ำมันจักรยืนนิ่ง มือทั้งสองล้วงกระเป๋า รอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก
"งั้นหรือครับ? แย่หน่อยนะ เพราะผมไม่เคยเจรจาอะไรแล้วไม่ได้กำไร"
"เอาเถอะ เราอาจเจรจากันได้ถ้าผลประโยชน์ของเราตรงข้ามกัน"
"
.."
"คุณรู้อะไรเกี่ยวกับผมบ้าง?"
"
หึ เล่นถามเริ่มก่อนอย่างนี้ผมก็ขาดทุนแย่สิ"
"อย่ายืดเยื้อเลย คุณน่าจะเป็นนักธุรกิจที่เก่งทีเดียว แต่เสียอย่างเดียว ไม่รู้จักบริหารเวลา" มอริสแกว่งปืนไม้เท้า "เอาเถอะผมไม่มีเวลามากนัก งั้นผมจะยอมขาดทุนก่อนแล้วกัน มาฟังข้อมูลของผมดีกว่า ผมรู้ว่าคุณเข้ามาในนี้เพื่อขโมยของที่นี่! ผมรู้ว่าเป็นอะไร มันคือแขนเหล็ก" สีหน้าของนายกเทศมนตรีเงียบขรึมขึ้น คิ้วหนาของเขาแทบเบียดหัวเข้ามาชนกัน ดวงตาหรี่เล็กจนเกือบเป็นเส้นเดียว
"แล้วไงต่อ?"
"ผมก็ไม่รู้ไงล่ะว่าคุณจะทรยศ แต่อย่างว่า
ผมก็มาทันเวลา คุณถูกจับแน่!!!"
"ข้อมูลของคุณมีเท่านี้รึ?" คนแขนเหล็กยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ถึงเวลาของเขาบ้างแล้วสินะ!
"ใช่!" ซิกก้าถูกจุดขึ้น และสอดเข้าไปในริมฝีปากที่ขมุบขมิบด้วยความหงุดหงิด
"ผมมาเพื่อขโมยแขนเหล็ก
มัน
ถูกต้อง สอง
โคน่า โอรีอา ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ผมหวังว่าเธอจะสุขสงบต่อไป แย่จังนะ เธอถูกหลอกใช้ แล้วยังต้องมาถูกประทุษร้ายอย่างนี้อีก
"
ซิกก้าถูกอัดเข้าปอดทีหนึ่งก่อนจะถูกกัดเสียแหลก ด้วยปากใต้หนวดสีดำ
"คุณโกหก! โคน่ารู้จักกับคุณมานานแล้ว ก่อนที่จะเจอผมเสียอีก"
"อาฮ้า อูรีตี้ที่เคารพ คุณเป็นคนพลังจิตหรือนี่!?" มืออวบอ้วนคีบซิกก้า ก่อนชี้นิ้วมายังชายในโค้ทดำ
"อย่ามาเฉไฉออกนอกเรื่อง คุณโดมินิก
หรือที่แท้คุณอาจจะชื่ออะไรก็ช่างเถอะ คนที่เพิ่งเจอกันและหลอกใช้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะต้องออกอาการเป็นห่วงเป็นใยจนกระทั้งต้องโผล่มาขวางตอนที่ผมกำลังจะสำคัญผิดว่าเธอเป็นคนร้ายหรอก!" เทรเวนชักมือออกจากกระเป๋า เขาถูกอ่านออกได้ไวถึงขนาดนี้เชียวหรือนี่? นัยน์ตาของชายหนุ่มเบิกกว้างกระทันหัน มอริสมองภาพตรงหน้าด้วยใบหน้านิ่งเฉย
"มันเป็นจุดไคลแม็กซึ่งคุณน่าจะหลบอยู่เฉยๆ รอให้ผมยิงเธอ แล้วค่อยออกมายังจะปลอดภัยเสียมากกว่า" หางคิ้วของคนผมสีน้ำมันจักรกระตุก เหงื่อเม็ดน้อยเริ่มผุดขึ้นตามไรผม
ช่างเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ
ลักยิ้มเกิดขึ้นกลางผิวคล้ำสีหม้อดินเผา
นานเหลือเกินที่เขาไม่ได้เจอกับคนแบบนี้ เฉียบขาด เด็ดขาด เหี้ยมเกรียมอะไรจะปานนั้น อย่างนี้สิถึงจะทำให้เกมส์เสี่ยงของเขาสนุกขึ้นหน่อย ท่าทางดวงชะตาของเขาจะผาดโผนขึ้นมาอีกขั้นแล้วสินะ!
คนแขนไม้ก้มหน้าพลางยิ้มอย่างเย้ยหยัน ชายตามองคู่เจรจาอย่างชั่งใจ
"คุณนี่ขี้โกงจัง คุณมอริส" ชายหนุ่มหัวเราะ มือข้างซ้ายล้วงเข้าไปในกระเป๋าโค้ท "ทั้งที่ผมยังพูดไม่จบแท้ๆ คุณก็ขัดมาซะได้ แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะนะ มาดูข่าวที่ผมจะแลกเปลี่ยนเรื่องต่อไปดีกว่า
" ว่าจบเทรเวนก็ชักมือออกจากกระเป๋า ในมือของเขามีอะไรติดตามออกมาเสียด้วย
เพชรขนาดเท่ากำปั้นถูกถืออยู่ในมือของชายหนุ่ม แสงของมันระยิบระยับ สีขาว
คือสีของเพชรดังกล่าว สีไม่ได้ขาวอย่างสีขาวทั่วไป เป็นสีขาวนุ่มนวล ขาวอย่างอ่อนหวาน ขาวอย่างหมอกยามเช้า ทำให้รู้สึกใจเย็นเบิกบาน
เมื่อนายกเทศมนตรีเห็นเพชรในมือของเทรเวน สีหน้าจากไร้อารมณ์เปลี่ยนแปลงไป ดวงตาแสดงออกมาทั้งความตกใจและยินดี
"จะตกใจไปทำไม? ก็เป็นคนบอกผมเองนี่ว่าให้หาเพชรเม็ดนี้มา"
"คุณพูดถึงเรื่องอะไรผมไม่เข้าใจ" เสียงหัวเราะของเทรเวนดังหลังจากได้ยินคำพูดของมอริส สายตาของเขามองไปทั่วห้องสีขาวเล็กๆ แล้วกลับมาจ้องเขม็งที่ร่างอวบอ้วนของนายกเทศมนตรี
"คุณนี่ไม่ยอมเปิดเผยความลับจนวินาทีสุดท้ายจริงๆสิ!" มอริสยังคงรักษาสีหน้าเรียบเฉย
"ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร?"
"
.."
"
.."
"งั้นผมจะบอกคุณเองว่าผมพูดเรื่องอะไร?
. ผมกำลังพูดถึง ห ม อ ก ข า ว ในมือของผมนี้ไงล่ะ!!!"
มอริสมองหน้าเทรเวนทันทีเมื่อคำว่า 'หมอกขาว' หลุดออกจากปาก ท่าทางของเขากระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด
เทรเวนยิ้มให้กับท่าทีของคนตรงหน้า
"คุณคงไม่รู้จริงๆด้วย" ชายหนุ่มตีหน้าซื่อ "หรือจะให้ผมเล่าให้ฟัง?"
"
.."
"เงียบ
แปลว่า คุณตกลงงั้นสิ? ฮะๆ เอาเถอะ ผมจะเล่าเรื่องของเพชรเม็ดนี้ให้ฟัง ชื่อของมันคือหมอกขาว เดิมมันมีอยู่กันสามอย่าง คือ เพชรขาว หมอกขาว , นิล ราตรี และ คริสตัลอำพัน จันทรา"
"เขาว่ากันว่าเมื่อไรที่ หมอกขาว ราตรี และ จันทรามาอยู่รวมกัน จะสามารถเปิดมิติเรียกเทพมังกรมายังฟากฟ้าได้ และจะสามารถขออะไรก็ได้
"
"พระเจ้า! ก
แกรู้เรื่องนี้" สีหน้าของมอริส ตอนนี้ไม่ควรจะเป็นมอริสอีกต่อไป ดวงตาเบิกโพล่งน่ากลัว เหงื่อไหลทั่วใบหน้า มือของเขาข้างหนึ่งยกชี้หน้าเทรเวน
"แน่นอน" อีกฝ่ายโต้อย่างกวนอารมณ์ "เรื่องนี้เขารู้กันทั่ว
ผมแปลกใจที่ว่า อัญมณี 1 ในสามชิ้นมาเก็บอยู่ที่คุณ มันเป็นหายนะนะครับ แค่ใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ต่อให้ปีศาจหรือจอมราชาอีกฟากโลกได้ยินแค่ข่าวลือ เขาจะต้องยกกองทัพมาถล่มที่นี่แน่ๆ"
"ฉ
ฉันถึงไม่ยอมให้ใครรู้" มอริสยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม "เพราะมีคนรู้ ฉันก็มีแต่ตายกับตาย" ทันใดนั้น มืออวบอ้วนยกปืนไม้เท้าขึ้น ตั้งปากกระบอกเล็งมาทางเทรเวน
"และแกก็ต้องตายเพราะรู้เรื่องนี้!"
ชายหนุ่มผมสีน้ำมันจักรไม่ได้แสดงทีท่าตื่นตกใจแต่อย่างใด เขาส่งเสียงอืมม์ในลำคอ ก่อนจะยืดตัวตั้งตรง สองมือจัดเสื้อโค้ทให้เรียบร้อย แล้วริมฝีปากของเขาก็แบะออกน้อยๆ
เมื่อเห็นเศษดินชิ้นหนึ่งติดชายเสื้อ เขาปัดมันออกอย่างนิ่มนวล ก่อนชายตามองคนตรงหน้าซึ่งเล็งปืนมาทางเขาอย่างไม่ยี่หระ จากนั้นจึงค่อยกระเดาะลิ้นพูด
"คุณยิงผมไม่ถูกหรอกครับ ถ้าจะยิงด้วยปืนหน้าตาบ๊องแบ๊วที่มีกระสุนนัดเดียวแบบนั้นน่ะ!" คิ้วของมอริสขมวดทันที
"แกรู้ได้ยังไงว่ามีกระสุนนัดเดียว! อย่ามาตู่หน่อยเลย
บอกไว้ก่อนว่าฉันเพิ่งยิงไปสามนัด ยังเหลือกระสุนอีหลายนัด!" เทรเวนหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยิน
"คุณโกหกนะสิ!"
"แกกลัวต่างหาก! อย่าเลย โดมินิก ยอมรับชะตาตัวเองดีๆ ดีกว่า เว้นแต่แกจะใช้ตาทิพย์ มองทะลุกระบอกปืนได้!"
"ฮะๆ งั้นผมจะบอกให้ว่าผมรู้ได้ยังไง?" ใช่แล้ว
ใช่แล้ว
เขารู้เพราะมอริสใช้ไม้เท้าบ้านั้นฟาดโคน่า
"ปืนนั้นเก็บกระสุนได้แค่ 4 นัด! คุณเก็บไว้เพื่อจะฆ่าผม ไม่อย่างนั้น
คุณคงยิงโคน่าไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ทำให้ครึ่งๆกลางๆแบบนี้หรอก! ใช่ไหมล่ะ?"
นายกเทศมนตรีสะดุ้ง! ผู้ชายคนนี้! คนแขนไม้คนนี้ ร้ายกาจ
.
"ถึงฉันจะเหลือกระสุนแค่นัดเดียวแต่ก็ยิงแกตายอยู่ดี!" คนแขนเหล็กแสยะยิ้ม
"ก็ลองดูสิครับ!" ชายหนุ่มว่า มือขวาของเขายกขึ้นตั้งจนหลุดออกจากแขนเสื้อโค้ท แขนเหล็กถูกยกขึ้นต่อหน้าอดีตเจ้าของ
"พระเจ้า! แกได้แขนเหล็กแล้ว!"
"ก็ผมมาขโมยแขนเหล็กนี่ครับ
ต่อให้คุณยิงปืนมา ก็อย่าหวังว่าจะโดนง่ายๆเลย"
"!!!"
"ฮ
เฮอะ ไม่ลองไม่รู้หรอก" พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงปืนไม้เท้าก็ลั่นไกออกไป ลูกกระสุนวิ่งตรงไปยังร่างของชายหนุ่ม เทรเวนยกแขนเหล็กขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปัดลูกกระสุนซึ่งพุ่งมาหาให้เปลี่ยนวิถีอย่างง่ายดาย
กระสุนพุ่งเข้าหาตู้โชว์ตู้หนึ่ง เสียงกระจกแตก ร่วงลงสู่พื้น
"ฉิบ!" เสียงสบถดังออกจากริมฝีปากของมอริส ฝ่ายเทรเวนสะบัดแขนเหล็กขึ้นลง เขายิ้ม
.
"หึๆ บอกแล้ว ว่าอย่าหวังยิงผมด้วยกระสุนนัดเดียว!" เสียงเยาะเย้ยดังมาจากชายหนุ่ม ร่างสูงก้าวย่างเข้าไปหามอริสทีล่ะน้อย มือของเขาสลับจากถือเพชรด้วยมือซ้ายไปเป็นมือขวา
"อ
อย่า แก!"
หมัดซ้ายลุ่นๆ พุ่งใส่หน้าของนายกเทศมนตรี
ใบหน้าของนายกเทศมนตรีหันขวางไปอีกด้านเพราะแรงต่อย เข่าทรุดฮวบ
"อันที่จริงบัญชีของผมยังมีอีกเยอะนะ
แต่
หมัดนี้ ผมทำให้โคน่า" เสียงชายหนุ่มราบเรียบ สายตาจับจ้องใบหน้าของมอริสซึ่งค่อยๆหันกลับมาหา เลือดกำดาวไหลเป็นทาง แก้มข้างที่โดนต่อยกลายเป็นสีม่วงคล้ำ!
มือของเทรเวนเก็บเพชรลงกระเป๋าเสื้อโค้ทอย่างช้าๆ แล้วจึงยกมือกระชากคอเสื้อของมอริสด้วยความเร็วผิดกัน สายตาจ้องมอริสราวกับเพลิงนรกกระสันหลอมวิญญาณผู้มายือน
"อ๊อก!"
"คุ ณ เ ป็ น ค น ฆ่ า พ่ อ ข อ ง เ ธ อ ใ ช่ ไ ห ม ? "
"เปล่า! ฉันเปล่า
โคเปียป่วยตายเอง"
"ทำไมคุณไม่ช่วยเขา"
"ม
ไม่มีประโยชน์ คนแบบนั้น!"
"เขาไม่ยอม?"
"ฉ
ฉันไม่โง่ไปเลี้ยงคนต้องคำสาปจากพระราชินีแห่งปราสาทผีหรอก! ค
ใครก็ตามที่อยู่ร่วมกับมัน
จะทุกข์ระทมชั่วชีวิต
มันเล่าให้ฉันฟังเอง"
"แล้วลูกสาวเขาล่ะ?"
"
.."
"
."
"พูด!"
"
.." มอริสก้มลงเล็กน้อย เหมือนครุ่นคิด ใบหน้าของเขาแหงนขึ้นมองหน้าเทรเวน
ก่อนเสียงที่หลุดจากริมฝีปาก
กลายเป็นตะโกนออกมาเต็มที่!
"เทรันโต้!!!!!" ทันทีที่สิ้นเสียงของมอริส ยังไม่ทันที่เทรเวนจะตั้งตัวใดๆ
ท่อนเหล็กสี่เหลี่ยมขนาด 4 ฟุต ก็พุ่งเข้ามาหาเทรเวน! ชนเข้าเต็มที่กับใบหน้าชายหนุ่ม ร่างของชายผมสีน้ำมันจักรกระเด็นไปหลายเมตรก่อนจะหยุดเพราะกระแทกกำแพง
เสียงดังอั๊ก! เมื่อกระแทกกำแพง ก่อนที่จะตามด้วยเสียงดังโครมเพราะร่างกายร่วงลงบนโต๊ะเล็กหลายตัว เลือดพุ่งออกจากทั้งปากและจมูก เกิดแผลยาวเลือดไหลนองตั้งแต่คางจนถึงไหปลาร้า ความรู้สึกเจ็บปวดตรึงตั้งแต่หัวจรดเท้า ศรีษะมึนงงนึกอะไรไม่ออก รู้สึกเพียงว่ามีอะไรมากระแทกใบหน้า
ร่างของเทรเวนคนแขนเหล็กนอนแน่นิ่งทร่ามกลางหมู่โต๊ะเล็กซึ่งล้มระเนระนาด ศีรษะผงกขึ้นอย่างโงนเงนด้วยสันชาติญาณดิบเพียงครั้งเดียว ก่อนที่จะกระแทกตึงไป!
ใครกันลงมือกับเขา! รวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
โอ้! อูรีตี้ที่เคารพ บอกทีเถอะ!
. . . . .
. . . . .
Part. 10 >>>
|