[ HOME ] [ สารบัญ ]

The Iron arm : ตามหาแขนเหล็ก Part. 10


มอริสพยุงตัวเองขึ้นช้าๆ ใช้มือข้างหนึ่งปาดคราบเลือดที่ริมฝีปาก ดวงตาคู่เล็กหยีจ้องมองไปยังร่างคนแขนเหล็กซึ่งนอนแผ่ราบอยู่บนพื้น ก่อนผินไปอีกด้านมองเข้าไปในเงามืด ทิศทางที่มาของท่อนเหล็ก…

"พระเจ้า แกยอมให้มันต่อยฉันได้ยังไงกัน?"

ร่างหนึ่งในเงามืดขยับตัว…เสียงสวบสาบของเสื้อผ้าดังขึ้น ร่างในเงามือก้าวออกมาจากเงามืด แต่ก็ยังไม่หลุดพ้นจากเงามืด ไม่แม้จะก้าวผ่านธรณีประตูเข้ามา

แสงของโคมไฟสะท้อนวูบวาบ แสงสว่างกินเนื้อที่เข้าไปในเงามืดเล็กน้อย แต่ก็พอที่จะมองเห็นร่างในเงามืดได้รำไร

คนคนนั้นตัวผอมสูง เป็นผู้ชาย…ขายาวเกินไปไม่สมกับตัว แต่อาการยืนอย่างสงบของเขาลบคำสบประมาทคำนั้นไปได้อย่างดี ขาที่ว่ายาวหนักหนาก้าวออกมาจากเงามืด

"ขอประทานโทษขอรับ….กระผมเสียใจที่เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น" น้ำเสียงนุ่มๆ ไม่ดังไม่เบาเกินไป

"เฮอะ!" มอริสปัดเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนฝุ่นของตัวเอง "ทำไมแกไม่ออกมาก่อนที่ฉันยังไม่ถูกต่อย!!! หา เทรันโต้!"

"ก็…ท่านสั่งว่า…ถ้ายังไม่เรียก….."

" หุ บ ป า ก แ ก ซ ะ อ ย่ า บั ง อ า จ ม า แ ก้ ตั ว " เทรันโต้นิ่งเงียบ ดวงตาสีดำเกิดประกายลุกโชน แว่บหนึ่งมันกลายเป็น…สีแดง…
…ซึ่งสิ่งนั้นไม่ได้รอดพ้นสายตาของมอริสไปได้เลย…

"แก โ ม โ ห รึไง?" คำว่า 'โมโห' ราวกับเป็นคำสบประมาทเทรันโต้ เขาหลบสายตาเจ้านายก่อนดันกระจกแว่นข้างเดียวให้เลื่อนติดดั้งจมูก

"ผมไม่เข้าใจ…" มอริสยิ้มด้วยมุมปาก

"อ้อ…ลืมไปว่าแกเป็นหุ่นยนต์" สายตาเหลือบมองร่างเทรเวน "ไม่อย่างนั้นคงขว้างเหล็กใส่มันเสียจนกระเด็นไปไกลขนาดนั้นไม่ได้หรอก…มันตายไหม?" ประโยคหลังหันกลับมาถามเทรันโต้
พ่อบ้านถอดแว่นตาออกจากดั้งช้าๆ แล้วใส่ลงในกระเป๋าเครื่องแบบพ่อบ้านของตนเอง

"ไม่ครับ…" สายไฟภายใต้หนังเทียมของหุ่นยนต์ ปูดขึ้นถี่ยิบรอบดวงตาทั้งสอง "มันยังไม่ตาย…" สายไฟยังคงปูดบวมเป็นสันอยู่ ดวงตากลายเป็นสีแดงทีละน้อย มอริสจ้องมองภาพนั้นจากข้างหลังเงียบๆ

"แกกำลัง ห งุ ด ห งิ ด ใช่ไหมล่ะ? ห งุ ด ห งิ ด ที่คนธรรมดารอดจากจัดการของแก"

"มันไม่ทำให้ผม Error ง่ายๆหรอกครับ…" เทรันโต้กล่าว "มันจะไม่รอดกลับไปแน่ถ้าท่านให้โอกาสผม…'เก็บ' มันอีกครั้ง" มอริสเลิกคิ้วข้างหนึ่งของตนขึ้น

"อย่าใจร้อนนัก ฉันยังไม่ได้ทุนคืนจากมันเลย…แต่อย่ากังวลไป ฉันไม่คิดเก็บมันไว้หลังจากรู้อะไรดีๆหรอก"

@@@@@@@

เทรเวนลืมตาขึ้นเพราะเท้าข้างหนึ่งเหยียบบนบาดแผลบนไหปลาร้าของเขา

"โอ๊ย!" อา…กลับมาที่เดิมแล้วหรือนี่?

"ตื่นแล้วครับ" เสียงคุ้นๆ เทรเวนมองผ่านม่านที่ไหลซึมาจากหน้าผาก เขาเช็ดเลือดออกจากดวงตาด้วยหัวไหล่อีกข้าง มอริสยืนค้ำหัวเขาอยู่ส่วนคนเหยียบ…อ้อ พ่อบ้านเทรันโต้นี่เอง

"อรุณสวัสดิ์…อีกครั้ง คิดว่าเมื่อสักครู่คุณคงทักทายผมไปแล้ว คุณ…อา…ชื่ออะไรน่ะครับ?"

"……"

"ถ้าไม่บอกก็ไม่เป็นไร แต่คงไม่รังเกียจถ้าผมจะเรียกคุณว่า โดมินิก "

"……ค…คุณถือไพ่เป็น…ต่อนี่" มอริสหัวเราะ ฟังดูเหมือนเสียงถุงน้ำที่กระเพื่อม

"งั้นดีแล้ว…คุณ โดมินิก ผมอยากจะขอ….." มือข้างหนึ่งของมอริสล้วงเข้าไปในกระเป๋าของเทรเวน จนกระทั้งเขาพบของสิ่งหนึ่งในกระเป๋า ใบหน้าของมอริสยิ้ม ก่อนจะชักมือช้าๆ ตามออกมา เพชรสีขาวถูกดึงออกมาจากกระเป๋าของเทรเวน

….แสงของมันยังคงเป็นสีขาวเจิดจรัสแม้มัวไปบ้าง แต่สีขาวนั้น…ก็สร้างความยินดีใจให้กับมอริสมากมายนัก…

…หมอกขาว อัญมณีในตำนานได้กลับมาอยู่ในมือของเขาอีกครั้ง…

"ขอล่ะนะ หมอกขาวเม็ดนี้ ผมขอคืนล่ะนะครับ"

"….."

"…คุณ…." มอริสเก็บเพชรเม็ดนั้นลงกระเป๋า เขาตบกระเป๋า 2-3 เพื่อสร้างความอุ่นใจ

"สวัสดีครับ…คุณโดมินิก"

"เทรัน…โต้"

"ฝีมือของผมเอง คุณหัวแข็งไม่เลวเลยนะครับ"

"ฝีมือนาย…." รุนแรงแบบนี้!…. เทรเวนเบือนหน้าไปอีกทางหนึ่ง… "ไม่ใช่…คน!"

"ครับ" รอยยิ้มเฉพาะริมฝีปากฉีกออก "ผมเป็นหุ่นยนต์ครับ"

"…คิดไว้แล้ว…"

"คุณก็ไม่ธรรมดานะครับ" เทรันโต้ถอดเสื้อสูทสีดำออกด้วยอาการสงบ "ไม่ใช่เก่งเกินธรรมดา…แต่เก่งเกินคนธรรมดา…กระโหลกของคุณทำจากอะไรกัน? ถึงได้ไม่แหลก?" เทรเวนหัวเราะให้กับคำชมนั่น…แต่มันช่างแหบแห้งเหลือเกิน เขาพลาดขนาดนี้เชียว…อา…เขาลงทุนซื้อความโลดโผนเสี่ยงอันตรายด้วยราคาแพงลิบลิ่ว …

…โอย…หัวเขา เจ็บแทบระเบิด รู้สึกเหมือนเอาหัวไปวางแท่นรางรถไฟ

"นั้นน่ะสิ…" เทรเวนยิ้ม "ทู่ซี้จริงๆ" เทรันโต้ไม่ยิ้มแล้ว ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเขาต่อ พ่อบ้านหันไปหาเจ้านาย

"จะให้ผมจัดการเลยไหมครับ ท่านมอริส" มอริสกำลังพิจารณาเพชรในมือ เขาจ้องมันราวกับเป็นอาหาร นายกเทศมนตรีเก็บเพชรลงกระเป๋าเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากลูกน้อง

"ยัง…" เขาเดินกลับเข้ามา "ยังมีเรื่องที่ฉันอยากรู้"

"……!"

คอเสื้อของเทรเวนถูกดึงกระชากขึ้น ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บแผลขึ้นมา เลือดที่หน้าเริ่มไหลย้อยอีกครั้ง…เขาจะต้อง…เช็ดมันอีกแล้วหรือนี่…

"คุณหาเพชรเม็ดนี้เจอได้ยังไง?"

…หึๆ…

"ค…คุณจะรู้ไป…ทำไม?"

…เรื่องอะไรจะบอกล่ะ?….โอ้! อูรีตี้ เจ็บแผลชะมัด เขาไม่ได้เจ็บแผลมานานเท่าไรแล้วนี่…รู้สึกว่าครั้งสุดท้ายก็ตั้งแต่แขนขวาขาดไป…ว้า…หลายปีแล้วนี่นา…

"ผมจะได้รู้ว่า…ใครรู้เรื่องนี้บ้างนะสิ? คุณคงไม่ได้โพทะนาไปทั่วหรอกนะ"

…เรื่องโง่ๆแบบนั้นใครจะทำ…

"ไม่หรอก…ผมไม่…ได้ทำ"

ผมของเขาถูกจิก!

"ผมถามว่า ไ ด้ ม า อ ย่ า ง ไ ร ไม่ใช่ โ พ ท ะ น า ห รื อ เ ป ล่ า ?"

"….ถามรัวแบบนี้…ผมก็…ขาดทุน…แย่…"

"ยังจะห่วงอีกรึ? คุณจะตายอยู่แล้วนะ" เทรเวนได้ยิ้มน้อยๆ เขากระพริบตาถี่ๆไล่เลือดให้พ้นดวงตา จะได้เห็นหน้าคนตรงหน้าให้ชัดๆ มอริส นายกเทศมนตรีแห่งเมเปิล... มือข้างหนึ่งยังจับส่วนผมของเขาอยู่ ดวงตาคู่นั้นจ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ภาพที่เขาเห็นกลับไม่ใช่ภาพตรงหน้า ภาพที่เขาเห็น คือตอนที่ผู้ชายคนนี้…ใช้ไม้เท้าฟาดโคน่า

…โคน่า…นั้นสิ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? อ้อ…ยังนอนหลับปุ๋ยอยู่…

เทรเวนเลิกคิ้วน้อยๆ

"กำไร…มันคือ…ชีวิต…" มอริสมองผู้ที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเหยียดหยาม

"คุณมันงกจนวาระสุดท้ายจริงๆสิพับผ่า"

"ฮ่าๆ…"

"อย่าหาเรื่องออกนอกเรื่องไปหน่อยเลย ตอบมาดีๆ คุณจะได้ตายสบายถ้าไม่โกหก…"

"เอา…อย่างนั้นก็ได้…จะให้ผมเล่าแบบสังเขป…หรือ…เต็มเรื่องล่ะ….?"

"เต็มเรื่อง! ผมไม่ชอบอะไรที่ตัดตอน"

"งั้น…เรามาแลกกันดีกว่า…"

"ฮะฮ้า! ฉวยโอกาสไม่ใช่เล่น จะตายอยู่แล้ว จะอยากรู้เรื่องอะไรอีก?"

"ไม่ใช่…ธุระของคุณเว้นแต่ว่า…คุณจะกลัวแม้กระทั้ง…" เทรเวนหยุดหอบหายใจ "เล่า…เรื่องให้คนใกล้ตายฟัง…"

"ผมไม่เคยกลัว!"

"งั้น…ก็ดี คุณ…เริ่มก่อน ยังไงซะ…ผม…ก็หนีไปไหน….ไม่ได้อยู่แล้วนี่…"

"คุณนี่ฉวยโอกาสได้เก่งมากนะ…คุณโดมินิก" มอริสหัวเราะ "แต่ไม่มีวันซะหรอก!!!…ถ้าคุณไม่เปิดปากเล่า ก็มาประลองกันว่าใครจะทู่ซี้กว่า…"

"…..เห็นที…ผมจะแพ้จริงๆ…ต้องการรู้อะไรล่ะ?…คุณ…มอริส" ดวงตาคู่เล็กของมอริสหยีจนแทบจะเป็นเส้นเดียว เทรเวนไม่อยากเดาเลย

"งั้นดี! คุณรู้ได้ยังไงว่าผมมีหมอกขาว?" ชายหนุ่มรู้สึกว่าสมองซีกขวาเต้นตุบๆ เหมือนขนมปังที่กำลังพองขึ้นเพราะผงฟูที่มาเกินไป

"….ผม…เห็นป้าย…บอกว่าหมอกขาว…"

"อ้อ!"

"…รอยของมัน…เป็นสี่เหลี่ยมของ…กล่องทองคำ…แบบเดียวที่คุณให้ผมหา…แล้วคุณได้…หมอกขาว…มายังไง…?"

"ซื้อมาจากพ่อค้าเพชรงี่เง่าที่ไม่รู้ค่าคนหนึ่ง…คุณเป็นใครกันแน่? ถูกท่อนเหล็กปาใส่แรงขนาดนั้น…ยังไม่สะทกสะท้านอีก?"

"…ก็ผม…เจ็บลุกไม่ขึ้น…อยู่นี่ไง"

"อย่ามาเสแสร้ง!" เสียงตวาดจากริมฝีปากมอริส ใบหน้าทั้งสองใกล้กันจนคนแขนเหล็กรู้สึกได้ถึงอารมณ์อันเดือดดาลของคนตรงหน้า…

มอริสปล่อยมือจากศรีษะเขา ชายร่างอ้วนลุกขึ้นจุดซิกก้า ก่อนอัดมันเข้าปอดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว แล้วก้มลงมาหาจำเลยของเขาอีกครั้ง!

" บ อ ก ค ว า ม จ ริ ง ม า…" ดวงตาสีเข้มของชายในโค้ทดำเปื้อนหลับลงอย่างอ่อนล้าสักครู่

"ผมไม่รู้…ว่าทำไม…ผมถึงได้…ไม่เป็นอะไร…คุณรู้ตำนาน…มาจากไหน?…" มอริสอัดซิกก้าเข้าปอดก่อนที่จะถูกดับด้วยการจี้ลงบนพื้นทั้งที่เพิ่งถูกจุดไม่ถึงนาที พลางบุ้ยใบ้ไปทางโคน่าที่นอนนิ่งบนพื้น

"พ่อของโคน่า กับตำราที่เชื่อได้อีก 2-3 เล่ม…คุณมาจากไหน? มาเพื่อขโมยแขนเหล็กอย่างเดียวรึ? เมื่อก่อนคุณเป็นอะไร?"

"….มาจาก…รอคแซนทาวน์…ก่อนมาที่นี่ เป็นคนรับจ้าง…เอนกประสงค์…"

"ชื่อจริงคุณล่ะ?"

"ฮะๆ…ในที่สุด…คุณก็วก…กลับมาเรื่องนี้…จนได้…"

"ถ้าคุณไม่พูดก็ไม่มีประโยชน์…" มอริสหันไปหาเทรันโต้ "เทรันโต้…"

"ครับ…"

"เก็บ…คุณโดมินิกเสีย อ้อ…แล้วถอดแขนเหล็กออกมาด้วยนะ…" มอริสถอยออกไป "ส่วนโคน่า…ฉันจะจัดการเอง" ดวงตาของเทรเวนเบิกโพล่งขึ้นโดยเจ้าตัวไม่ทันรู้ตัว

"คุณจะทำอะไรกับเธอ!?" ร่างโทรมด้วยเลือดชันขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่ก็ถูกเทรันโต้เหยียบซ้ำลงไป…น้ำเมือกใสที่ไม่อาจบอกได้แน่ว่าเป็นอะไรไหลทะลักออกจากปากของชายหนุ่ม ก่อนแขนขวาของพ่อบ้านจะเปลี่ยนจากมือธรรมดาไปเป็นปืนกลกระบอกหนึ่ง มันยกขึ้นจ่อใบหน้าของเทรเวนห่างไม่เกิน 4 นิ้ว ริมฝีปากของเทรรันโต้ไม่ยิ้มแล้ว ดวงตาที่ไม่เคยยิ้มก็ยังไม่ยิ้มอยู่เหมือนเดิม

"คุณหลบกระสุนปืน 1 นัดได้ คุณรอดจากท่อนเหล็กได้…แต่คุณไม่รอดแน่ครับถ้าคุณถูกอัดด้วยปืนกล…."

มอริสเหมือนเพิ่งใคร่ครวญหาคำตอบมาให้เทรเวนถูก เขาลูบหนวดเบาๆ ก่อนลูบรอยจ้ำเพราะหมัดบนใบหน้า

"เธอจะเป็นผู้กล้าที่ช่วยผมต่อสู้กับศัตรูของผมด้วยความกล้าหาญ…และ…" มอริสลูบปลายคางของตนอย่างครุ่นคิด "….จะจากไปอย่างสงบเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว…"

"…!.."

"ผมจะให้ช่างปั้นจำลองของเธอเอาไว้ในศาลากลางของเรา…"

มอริสหุบปากลงเพียงเท่านั้น เขามองร่างที่นอนแผ่หราอยู่บนพื้น โลหิตเกรอะกรังยังปรากฏให้เห็นบนหน้าผากสีคล้ำ ดวงตาสีท้องฟ้าคืนเดือนมืดจ้องมองมาที่เขาอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนจะแปรเป็นค่อยๆอ่อนลงเรื่อยๆ

ชายหนุ่มผมสีน้ำมันจักรหลับตาลงช้าๆ ก่อนลืมขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว! ก่อนมอริสจะผินหน้ายกขาไปทางใด!

ก่อนปืนกลกระบอกนั้นจะเริงระบำสาดกระสุนใส่เขาด้วย!

"คุณมอริส!!!" เขารวบรวมพละกำลังทั้งหมดเปล่งเสียงออกไป ร้องเรียกชื่อมอริส ร่างอ้วนหันกลับมา…

"มีอะ…" ก่อนจะจบประโยค! มีดเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้าหาร่างของเทรันโต้ แล้วก็ปักเข้าทะลวงข้อศอกผ่านเสื้อสีขาวแบบพ่อบ้านอย่างแม่นยำ!!!

ร่างของเทรันโต้งอลงโดยอัตโนมัติ ปืนกลเบนปากกระบอกออกจากใบหน้าของเทรเวน

…ใครกันเป็นคนปาดมีดใส่ข้อศอกของหุ่นยนต์อย่างเขา!…

…คนคนนั้นจะต้องกะเกณฑ์อย่างแม่นยำ…

…เพราะผู้ที่จะรู้ว่าหุ่นยนต์จะมีจุดอ่อนเมื่อยกแขนตั้งฉากมีเพียง 2 ประเภท…

…หนึ่ง หุ่นยนต์! สอง คนสร้างหุ่นยนต์!…

…มันคนนั้นจึงจะจงใจปาดมีดใส่ข้อศอกเพื่อตัดสายไฟบังคับการปลายแขนทั้งหมด!…

เทรเวนไม่รอให้โอกาสนี้ผ่านเลยไป เขากระโดดลุกขึ้นจากพื้น ทั้งเลือดยังคงเต็มตัว เลือดบางหยาดยังกระเซ็นใส่บุคคลที่อยู่ตรงหน้า เทรันโต้พยายามสกัดเชลย แต่จะมีประโยชน์อะไรเมื่อเขายังเป็นด้วนข้างเดียว

คนแขนเหล็กตวัดขาฟาดเทรันโต้จนล้มกลิ้ง จากนั้นก็ถอยหลังกรูหลายก้าวออกไปตั้งหลัก

มอริสมองร่างที่ล้มกลิ้งและถอยกรูของทั้งเทรันโต้และเทรเวนด้วยอาการงงงัน ทันทีที่เขาตั้งสติได้ก็หันไปยังต้นทางของมีดที่แล่นเข้ามา ก็ปรากฏร่างหนึ่งยืนอยู่…แม้ไม่มั่นคงนัก แต่ก็ไม่ล้มอีกง่ายๆแน่!

ดวงจักษุนั้นมองไปยังร่างในโค้ทแดงซึ่งยืนอยู่ตรงหน้า ประสาทสัมผัสว่างเปล่า มีเพียงเสียงหนึ่งมากระทบโสตประสาทเท่านั้น!

"…ผมจะบอกว่า…โคน่าฟื้นแล้ว…คุณจัดการเธอไม่ได้ง่ายๆอีกแล้วล่ะ…เสียใจด้วย!"

โคน่ายืนนิ่งอยู่ต่อหน้ามอริส ต่อหน้าเทรเวน และต่อหน้า…เทรันโต้ผู้ไม่สนใจการมีตัวตนของเธอแม้แต่น้อย หุ่นยนต์ในคราบเนื้อมีเพียงเป้าหมายเดียวตามที่ได้รับคำสั่งคือ…เก็บเทรเวน!

ใครจะรู้ว่าร่างที่ยืนตรงมั่นคงของโคน่า…แท้จริงแล้วในสมองของเธอสั่นคลอนเพียงใด เหมือนกับถูกเขย่าด้วยความถี่เร็ว หญิงสาวตามเรื่องทั้งหมดแทบไม่ทัน ทุกเรื่องทำไมถึงได้เป็นไปอย่างนี้….เธออยากให้มันเป็นความฝัน…ฝันร้ายในรอบนับสิบปี…แท้จริงเธออาจฝันอยู่ก็ได้…มอริสในโลกความจริงอาจเป็นเพียงคุณลุงใจดีที่ชอบทำสวนผัก พอโคน่าตื่นขึ้น…โคน่าก็จะได้พบกับพ่อ…แล้วก็แม่…ใช่แล้ว! แม่…แม่ที่จะเดินเข้ามาปลุกเธอในห้องเหมือนเด็กหญิงคนอื่น สอนให้ทำอาหาร คอยเลือกเครื่องแต่งตัวให้… แล้วเทรเวนก็อาจเป็นชายหนุ่มที่เพิ่งย้ายมาใหม่…ที่บังเอิญ…บังเอิญไม่ถูกโฉลกกับคุณลุงที่ชอบปลูกสวนผักเท่านั้นเอง!


…แต่น่าเสียดายที่เธอต้องให้ความจริงในคติไปเป็นความฝันเสียแทน…

…และนำความฝันในคติมาเป็นความจริง!…

…โลกสีเทาของโคน่าตอนนี้กลายเป็นสีดำสนิท!…

ตอนนี้ความจริงที่เธอรับรู้พากันพันเป็นเกลียวแหลมทะลวงเข้าสู่สมอง มอริสไม่เคยทรยศพ่อเธอ…เพียงแต่โคเปีย…มีตราบาปจากการเจรจากับราชินีแห่งปราสาทผี…จะต้องระทมชั่วชีวิต…สิ้นใจอย่างอาภัพ…ผู้คนรอบกายเขาจะต้องทุกข์ระทม

แล้วเธอยังรู้ความลับของสิ่งที่มอริสทำหายไป มันคือเพชรที่เรียกว่า 'หมอกขาว' แม้ตอนนี้เขาจะได้มันคืน และไม่มีประโยชน์อะไรที่จะคิด แต่เธอก็ยังอดรำพึงไม่ได้ว่า…เธอเคยเห็นมันครั้งหนึ่ง…ผู้ชายสองคนถือมันเอาไว้…ถึงตอนที่มอริสถือมัน เพชรจะอับแสงไปมากแต่…เธอก็ยังยืนยันว่า มันคล้ายกับเม็ดที่เธอเห็นมากทีเดียว…แต่มันก็ไม่ใช่เม็ดเดียวกันอยู่ดี!

ดวงตาของมอริสวาวโรจน์ขึ้น เขาไม่ได้พูดอะไร …แต่โคน่ารู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร

…สายตาแบบนั้นเธอสามารถสรุปได้ว่า…โคน่าน้อยของเขา…เป็นแค่ตลกจอมปลอม

…ลาก่อน โคน่าน้อย…ตลอดกาล…

"ปล่อยเขา…" โคน่าพูดช้าๆ โค้ทแดงคลุมครึ่งแข้งโยกไสวน้อยๆ ราวกับพยักเพยิดเห็นด้วย มอริสมองเธอ ก่อนจะส่ายหน้า

"เราไม่ได้จับเขาอยู่…สาวน้อย"

"แต่คุณก็ไม่ให้อิสระกับเขา!" มอริสไม่เถียง เขาเพียงแต่หลบสายตาหญิงสาว ก่อนยกมือขึ้นซุกในกระเป๋า โคน่ายังไม่ลดละ!

"คุณฟาดหนูทำไม?"

"ฉันต่างหากที่ต้องถามหนูว่า…ทำไมไม่เป็นอะไร?" มอริสหรี่ตา "ยังกับไม่ใช่คน!" โคน่าเพียงแต่หัวเราะขื่นๆอย่างผู้ได้รับชัยชนะที่แสนเศร้า เธอไม่ได้หัวเราะอย่างผู้เหนือกว่ามาหลายปีแล้ว อาจเป็นเพราะมันยุ่งยากก็ได้ แต่ถึงจะได้หัวเราะอย่างเหนือกว่าเธอก็ไม่ต้องการ ที่เธอต้องการคือ…โลกสีเทาแสนสงบของเธอ…เธอต้องการมันคืน! เธอไม่ต้องการโลกสีดำ โลกสีดำที่แสนความยุ่งยากอีกต่อไป!

"ก็คุณตีโดนกระเป๋าใส่เหล็กเต็มๆ…" โคน่าพูด "หนูก็จุกจนสลบเหมือดเหมือนกัน แต่อย่างว่า…ต้องขอบคุณเหล็กที่เหลือในกระเป๋าหนู มันช่วยทุ่นแรงตีไปเยอะทีเดียว…ไม่อย่างนั้น ลำไส้หนูคงเละไปแล้ว…" โคน่านิ่งไปสักครู่ "คุณจะไม่พูดอะไรกับเรื่องนี้หน่อยหรือ?"

"ไม่มี!" โคน่าถอนใจ เธอหมดพันธะทุกอย่างซักที

"เธอรู้แล้วใช่ไหม? เรื่องทั้งหมด"

"……" โคน่าไม่ตอบ แต่กระนั้นมอริสก็พอจะรู้ เขาชักมือออกจากกระเป๋าช้าๆ

"อย่างนั้นเธอก็รอดกลับไปไม่ได้ด้วยเหมือนกัน!" มอริสเตะขาโต๊ะที่หักอยู่บนพื้นขึ้นมาถือเอาไว้อย่างรวดเร็ว ชี้ปลายตรงมายังร่างโคน่า

โคน่าล้วงมือลงไปในโค้ท

"คุณไม่มีอะไรจะพูดแต่หนูมี…คุณมอริส" เธอมีท่อนเหล็กหักกลวงกลมเรียวยาวท่อนหนึ่งกลับขึ้นมา "หนูจะไม่ตายเพราะคุณแน่…" ร่างของมอริสพุ่งเข้ามาก่อนจบคำ

Part. 11 >>>