ไก่ชน2002    ภูมิปัญญาการเลี้ยงไก่ชน  มองวิถีชีวิตคนผ่านการเลี้ยงไก่

ค้นหา:

วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2547

คุณเข้าเยี่ยมชมคนที่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เว็บไซท์ที่น่าสนใจ
ไก่ชนพม่า
ซุ้ม ป.โชคชั
ตรีเพชรฟาร์มไก่ชน
ไก่ชนชลดา
ไก่ชนสยาม

ซุ้มขุนแผน
ผู้ใหญ่แสน
บ้านไก่ชน

ไก่ชน.คอม
thai.net/สุ่มไก่ 
บ้านไก่ไทย
ไก่ชนไทย
geocities/สุ่มไก่
thaicockfight.com
kaichon.com 
ไก่ป่าก๋อย

ซุ้มอ่างแก้ว
เสียงไก่ชน
ประดู่.คอม

ซุ้มวัฒนาไก่ชน
กรมปศุสัตว์
บุญเลี้ยงไก่ชน
เว็ปนครใหญ่ฟาร์ม

                              
  ปล่อยเลี้ยงแบบธรรมชาติ (ไก่คุณสมหวัง)

        เงินเดิมพัน

  เมื่อเปรียบคู่ชนได้แล้วทั้งสองฝ่ายจะตกลงเงินเดิมพันกัน มักถามกันว่า“ตีเท่าไหร่”  หมายถึง จะเดิมพันข้างละเท่าไร  เงินเดิมพันทั้งสองฝ่ายต้องเท่ากันแล้วแต่ละฝ่ายจะนำไปให้กรรมการกลางเก็บไว้  ที่สนามตลาดนัด ก.ไก่นี้  ได้กำหนดวงเงินเดิมพันไม่ต่ำกว่าข้างละ  1,100  บาท  และวงเงินเดิมพันที่จะได้ “ค่าหน้าไก่” หมายถึง  เงินที่ทางสนามจ่ายให้มือน้ำของฝ่ายชนะโดยคิดเป็นเงินร้อยละ 10  จากวงเงินเดิมพันฝ่ายนั้น  จะต้องมีเดิมพันอย่างน้อย  3,300  บาทขึ้นไป  เงินเดิมพันมักเรียกกันว่า  “เล่นใน”  ซึ่งเป็นเงินที่กรรมการและเจ้าของไก่ทั้งสองฝ่ายได้รับรู้ร่วมกัน  อย่างในวันนี้  เราเล่นในข้างละ  5,500  บาท  เมื่อรวมเดิมพันทั้งสองข้างนำไปวางกับกรรมการกลางจะเป็นเงิน  11,000  บาท  และทางสนามจะหักค่าธรรมเนียมเข้าสนาม ( ถือเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบริการ สถานที่ร้อยละ10  ของวงเงินเดิมพันทั้งหมด  ดังนั้นทางสนามจะได้ค่าธรรมเนียมจากไก่คู่นี้  1,000  บาท (คิดจาก ร้อยละ10  ของ  10,000)  และค่าหน้าไก่ให้มือน้ำเป็นเงิน  500  บาท (คิดจาก ร้อยละ 10  ของ  5,000)  และไก่ฝ่ายชนะจะรับเงินไป  10,000 บาท  การที่วงเงินเดิมพันเป็นตัวเลขที่คนทั่วไปไม่เข้าใจ  เช่น  1,100  2,200  3,300  หรือ  5,500  เป็นตัวเลขที่เจ้าของไก่เผื่อให้ทางสนามหักไป ร้อยละ  10 เอาไว้แล้ว  เช่น 1,100  ทางสนามหักไป ร้อยละ10    คือ  100  บาท  เจ้าของไก่ฝ่ายชนะรับ  1,000  บาท   ถ้าเป็น  2,200  ทางสนามหักไป ร้อยละ 10  คือ 200  บาท  เจ้าของไก่ฝ่ายชนะรับ  2,000  บาท  เป็นต้น

  นอกจากนี้ยังมีเงินที่คนชมคนเชียร์หรือแม้แต่เจ้าของไก่ก็ร่วมวงด้วย  คือ  เงิน  “เล่นนอก”  หมายถึง  เงินที่คนถือหางฝ่ายใดก็เล่นฝ่ายนั้นเป็นการตกลงกันเองในหมู่ผู้ชมผู้เล่นไม่ผ่านกรรมการกลาง  ดังนั้นเงินส่วนนี้จึงไม่มีการหักรายได้เข้าสนาม  แต่มีอัตราเสี่ยงต่อการโกงหรือที่เรียกว่า  “เบี้ยว”  หรือ  “ชักดาบ” คือ ไม่จ่ายเงินตามที่ตกลงกันไว้  เงินวงนอกนี้เป็นวงเงินมากกว่าเงินวงในหลายเท่า  เพราะเงินวงในส่วนมากจะให้เจ้าของไก่เป็นคนวางเงินก่อนจากนั้นจึงเป็นคนติดตาม  แต่เงินวงนอกเล่นได้ทุกคนอย่างเช่นคู่ “ไอ้จิ้งหรีด” นี้ เล่นใน  5,500  บาท  แต่วงนอกที่เล่นกันที่ตามตัวเงินได้คร่าวๆไม่ต่ำกว่า 50,000  บาท  การเล่นนั้นมีทั้งการต่อ  ผู้ต่อจะแสดงการต่อด้วยการคว่ำฝ่ามือ หมายถึง  เล่นฝ่ายที่เห็นว่าได้เปรียบ  และจะต้องมีการรอง  ผู้รองจะแสดงการรองด้วยหงายฝ่ามือ  หมายถึงเล่นฝ่ายที่กำลังเสียเปรียบ  เช่น ฝ่ายเขาคว่ำมือร้องขึ้นว่า “ ห้าสี่ให้สี่ร้อย”  หมายถึง  เขาต่อเรา  เขาเล่นตัวที่ได้เปรียบลงทุน  บาท  ถ้าฝ่ายเขาชนะ  เขารับ  บาท  แต่หากฝ่ายเราชนะเขาต้องจ่าย  บาท  และเขาให้เรารอง  400  บาท  ดังนั้นถ้าเราชนะเรารับ  500  บาทถ้าแพ้จ่ายแค่  400  บาทเป็นต้น   หากต่อแล้วแต่หาคนรองไม่ได้จะเรียกว่า  “ต่อไม่ติด”  และหากจะรองแต่ไม่มีใครต่อ  เรียกว่า  “รองไม่ติด”  และยังมีการเล่นที่ถือหางฝ่ายหนึ่งแต่ไปเล่นอีกฝ่ายหนึ่ง  เรียกว่า “บัง”  หรือ “ออกตัว”  ถ้าเล่นฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เนื่องจากไม่มีใครเล่นด้วย  เรียกว่า  “บังไม่มิด”  หรือ  “ออกตัวไม่ทัน”  หรือ”แต่งตัวไม่ทัน”  นอกจากนี้ยังมีการเล่นเสมอ หมายถึง  ถือหางข้างใดก็เล่นฝ่ายนั้นในวงเงินเท่าๆกัน  และเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกอาการที่จะแพ้จะเล่น “หลอดไม่หลอด”  หมายถึง  เล่นฝ่ายที่ตกเป็นรองมากๆจะแพ้หรือไม่แพ้ภายในอันนั้น  เป็นต้น

เงินเดิมพันสามารถบอกอะไรได้หลายอย่าง  หากเป็นเงินวงในสูงแสดงว่าเป็นไก่เก่งจะสามารถดึงดูดคนในสนามได้มาก  และอาจเป็นไก่ที่เดินทางมาจากต่างถิ่นที่เรียกว่า  “ไก่จร” จึงวางเงินวงในมาก  เพราะวงนอกมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมาจากต่างถิ่นไม่รู้จักใครมาก่อนย่อมเสี่ยงต่อการถูกโกง  ดังนั้นจึงเล่นวงในมาก  ส่วนเงินวงนอกสามารถบอกสถานการณ์ของไก่ได้เป็นอย่างดีเพราะราคาต่อรองรองนั้นแปรผันไปตามการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างสองฝ่าย  การชนไก่คู่หนึ่ง  อันๆละ  20  นาที  มีทั้งเป็นต่อและเป็นรอง  ท่ามกลางการส่งเสียงร้องต่อรองของคนจำนวนมากภายในสนามจนจับใจความได้ยาก  มีอุปกรณ์ช่วยจำ คือ สมุดบันทึกและปากกา  การใช้ภาษามือจึงมีความจำเป็น  การต่อ  การรอง  ต่อเท่าไร  รองเท่าไรจะถูกถอดรหัสเปลี่ยนจากภาษาพูดเป็นกริยาภาษาพร้อมๆกับการจดบันทึกข้อมูลลงในสมุดพกเล็กๆที่ทางสนามแจกให้  บรรยากาศที่มีเสียงเฮ  สนุก  ตื่นเต้นและเร้าใจ  มีการพูดคุย  กระเซ้าเหย้าแย่ที่เป็นกันเองแบบสนุกสนาน  ต่างคน  ต่างอาชีพและต่างกันด้วยสภาพอื่นทางสังคม  แต่ที่นี่ทุกคนได้กระทำกิจกรรมเดียวกัน  มาพบปะกันสนามไก่ชนจึงเปรียบเวทีชาวบ้านที่ทำให้ผู้คนได้มีโอกาสมาพบปะกันโดยไม่มีการจัดตั้ง  ไม่มีการโฆษณา  ส่วนไก่ชนนั้นเป็นเหมือนสื่อพื้นบ้านที่ทุกคนในที่นี่ยอมรับ  แต่มีน้อยคนจากสังคมภายนอกจะเข้าใจ  หลายคนที่กวาดสายตามองอย่างผิวเผินแล้วสรุปว่า “เป็นบ่อนการพนัน”  นั่นก็อาจมีส่วนถูกอยู่บ้าง  แต่ผู้วิจัยก็คิดว่าถูกแต่ถูกแค่หนึ่งในสิบส่วนของความจริงทั้งหมดเท่านั้น

 อ่านต่อ
 ย้อนกลับ

กลับหน้าหลัก
กลับหน้าบทความวิชาการ

 

                                                           
ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด
19/03/2547 22:55:22