|
|||
เว็บไซท์ที่น่าสนใจ |
![]() ปล่อยเลี้ยงแบบธรรมชาติ (ไก่คุณสมหวัง)
การเลี้ยงไก่ชนนอกจากจะบำรุงด้วยอาหารและสมุนไพรแล้ว จะต้องจัดให้ไก่ได้ออกกำลังกายและต้องอาบน้ำไก่ พร้อมทั้งนำไก่ออกผึ่งแดดเพื่อให้ไก่ได้รับวิตามินและลดน้ำหนักให้ไก่อีกด้วย การเลี้ยงไก่ชนเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ต้องพิถีพิถันทุกขั้นตอน ไม่เช่นนั้นแทนที่ไก่จะมีกำลังไก่อาจจะเฉาได้ จากการสังเกตแบบมีส่วนร่วมและไม่มีส่วนร่วมกับครอบครัวนายสงกรานต์ อภัยชา ผู้เลี้ยงไก่และมือน้ำที่ฟาร์มยูงทอง ถนนเลี่ยงเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น การอาบน้ำให้ไก่ชนมีวิธีการดังนี้ คือ 1. ต้องเตรียมสมุนไพรต่างๆ เช่น ขมิ้นผง ปูนที่ใช้กินกับหมากบอระเพ็ด กระชาย ตะไคร้สด ใบเป้า ใบหนาด มะกรูด หัวไพลฯลฯ ใช้กาต้มน้ำ มาต้มให้เดือดจนได้กลิ่นหอมจากไอของสมุนไพร 2. การอาบน้ำไก่ชนหรือที่เรียกว่า กราดน้ำ ทำได้โดย ผสมน้ำยาสมุนไพรกับน้ำเย็นเพื่อให้เป็นน้ำอุ่นใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำยาสมุนไพรที่กำลังอุ่นๆบีบใส่ปากไก่ 2 3 อึก แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้า เช็ดตัว เช็ดไปตามเส้นขนทุกเส้น ยกเว้นปีกและหาง แล้วเช็ดให้หมาด การอาบน้ำไก่ต้องอาบในช่วงเวลา 6.00 9.00 น.ในวันที่มีแดดเท่านั้น 3. ป้อนยาบำรุงกำลังแล้วนำไก่ไปผึ่งแดด 4. เมื่อสังเกตเห็นไก่เริ่มอ้าปากหอบให้นำไก่เข้าร่มแล้วเอาขนไก่ล้วงพันเสลดออกจนหมด ขังสุ่มไว่ในร่มเพื่อให้ไก่หายหอบลงจึงให้น้ำให้อาหาร หลังจากนั้นป้อนอาหารเสริม คือ กล้วยน้ำว้าชิ้นเล็กๆเท่าหัวแม่มือ 2 ชิ้นแล้วจึงให้พักผ่อน 5. เมื่อได้เวลา 15.00 น.ให้อาบน้ำไก่ด้วยน้ำเย็นธรรมดาและผึ่งแดดรอบบ่ายอีกครั้งแล้วสังเกตดูว่าเมื่อเห็นไก่หอบให้นำไก่เข้าร่ม เอาขนไก่ล้วงคอ พันเสลดออกจนหมด จนกระทั่งถึงเวลา 16.30 น. ให้ข้าวเปลือกและอาหารเสริม จนกระทั่งถึงเวลา 19.00 น.จึงนำไก่เข้าที่นอน การอาบน้ำไก่มีประโยชน์หลายอย่าง กล่าวคือ อย่างแรกเป็นการทำให้ไก่สะอาด ปราศจากพยาธิภายนอกต่างๆรบกวน ประการที่สองเป็นการอาบสมุนไพรที่ช่วยในการสมานบาดแผลที่งภายนอกและภายใน ประการที่สามให้ผิวหนังหนา แดงและมีความทนทานต่อความเจ็บปวดได้ดี และสุดท้ายเพื่อให้ไก่ได้รับวิตามินจากแสงแดด เป็นการลดน้ำหนักให้เหมาะสมกับสรีระและฝึกการหายใจเมื่อเคยตากแดดให้หอบแล้วเวลาชนจะชนได้นานไไ ม่มีอาการหอบ 3.8.4 ยาสมุนไพรสำหรับต้มน้ำอาบ การต้มน้ำสมุนไพรให้ไก่ชนอาบนี้ จะช่วยให้ไก่หนังหนา ทนทาน กล้ามเนื้อรัด เลือดฝาดสมบูรณ์ดี นอกจากนี้หลังจากที่นำไก่ไปซ้อม ไก่ชนมักจะรับบาดเจ็บ มีรอยฟกช้ำ สมุนไพรจะช่วยสมานแผลและรักษารอยฟกช้ำได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ไก่มีสภาพร่างกายที่แข็งแรง สมบูรณ์ การเสาะหาสมุนไพรมาต้มน้ำให้ไก่อาบนี้ จะมีสูตรเลือกใช้เฉพาะตัว ตัวยาอาจจะแตกต่างกันออกไป ส่วนมากผู้เลี้ยงไก่ชนมักจะปิดเป็นความลับ ป้องกันการลอกเลียนแบบและถือเป็นเคล็ดลับส่วนตัว ตัวอย่างตำรับยาสมุนไพรที่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยผ่านเอกสารที่เกี่ยวข้องและจากการสัมภาษณ์ผู้เลี้ยงไก่ชนในพื้นยที่อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น พอจะสรุปได้ ดังนี้ 3.8.4.1 ภูมิปัญญาในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น จากการสัมภาษณ์ประชากรกลุ่มเป้าหมาย พบว่าภูมิปัญญาในการนยำสมุนไพรมาต้มน้ำกราด(อาบ)ให้ไก่มีดังนี้ ตำรับที่ 1 ของนายสำเรียน เทพไกรวัลย์ ชาวบ้านหว้า อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น จะใช้สมุนไพร 7 ชนิด คือ หัวไพล ขมิ้นอ้อย ขมิ้นชัน ตะไคร้สด ใบส้มป่อย หัวแห้วหมู ใบพลับพลึง นำสมุนไพรดังกล่าวมาต้มรวมกันอาบน้ำให้ไก่ทุกวันตอนเช้า ส่วนตอนเย็นอาบด้วยน้ำธรรมดา ตำรับที่ 2 ของนายภมร พุทธสอน ชาวบ้านหนองกุง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ใช้สมุนไพร 5 ชนิด คือ ใบมะขาม ใบส้มป่อย ไม้ฤาษีผสม ขมิ้นแดง ขมิ้นอ้อย นำมาต้มรวมกันแล้วใช้อาบน้ำให้ไก่ชน เช้า เย็น ตำรับที่ 3 ของนายจึ่ม แก้วคง ใช้สมุนไพร 2 ชนิด คือ ใบตะไคร้ กับใบมะม่วง นำมาต้มรวมกันอาบน้ำให้ไก่ เช้า เย็น ตำรับที่ 4 ของนายสงกรานต์ อภัยชา ใช้สมุนไพร 2 ชนิด คือ ใบตะไคร้ กับใบหนาด นำมาต้มรวมกันอาบน้ำให้ไก่ เช้า เย็น ตำรับที่ 5 ของนายสถิตย์ หลวงนันท์ ใช้สมุนไพร ชนิด คือ ใบหนาด ใบเปล้า ว่านไพล ลูกมะกรูดผ่าครึ่ง นำมาต้มรวมกัน อาบน้ำให้ไก่ เช้า-เย็น ตำรับที่ 6 ของนายทองดี ไชยกำเนิด ใช้สุมนไพร 6 ชนิด คือ หัวข่า ว่านไพล ขมิ้นขาว ขมิ้นขึ้น ใบหนาด ใบเปล้า นำมาต้มรวมกัน อาบน้ำให้ไก่ เช้า-เย็น 3.8.4.2 ภูมิปัญญาภาคกลาง ภูมิปัญญาภาคกลางที่ผู้วิจัยได้สืบค้นมาจาก นิตยสารเซียนไก่ชน มีดังนี้ ตำรับที่ 1 ของ พ.ต.พิทักษ์ บัวเปรม ใช้สมุนไพร 6 ชนิด คือ หัวไพล ตะไคร้ ใบมะขามแขก ใบส้มป่อย ใบมะขามและเกลือ นำมาต้มรวมกันแล้วอาบน้ำให้ไก่ชน เช้า เย็น ตำรับที่ 2 ใช้กระดูกไก่ทั้งสอง (ไก่ขาวและไก่ดำ) คมเฉียงพร้า ไม้ค้อนตีหมา ขมิ้นอ้อย ขมิ้นฤาษีผสม บอระเพ็ดและหัวไพล นำมาต้มรวมกันแล้วอาบให้ไก่ชน เช้า เย็น ตำรับที่ 3 ของนายประดิษฐ์ เชื้อสิงห์ ใช้สมุนไพร 5 ชนิด คือ ตะไคร้ ใบส้มป่อย หัวไพล ใบมะกรูด ใบมะนาว นำมาต้มรวมกันแล้วอาบน้ำให้ไก่เช้า เย็น จากกาสำรวจภาคสนาม พบว่า สมุนไพรที่ผู้เลี้ยงไก่ชนนิยมนำมาต้มเป็นน้ำอาบให้ไก่ชนนั้น จะเป็นสมุนไพรที่หาได้ในท้องถิ่น คุณสมบัติทั่วไปมักจะมีรสเปรี้ยว มีน้ำมันหอมระเหย มีฤทธิ์ในการสมานแผลและแก้ฟกช้ำได้ 3.8.5 การประคบกระเบื้องและสมุนไพร การประคบกระเบื้องจะช่วยให้เส้นสายและกล้ามเนื้อไก่คลายตัวเร็ว ผิวหนังทนความร้อนได้ดีและหนังหนาขึ้น วิธีประคบกระเบื้อง ทำได้โดย ใช้กระเบื้องดินเผาผิงบนเตาถ่านให้กระเบื้องร้อนแล้วใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเอาความร้อนจากกระเบื้องไปประคบบริเวณกล้ามเนื้อลำตัวและบริเวณใบหน้า ข้อควรระวัง คือ อย่าให้ผ้าร้อนถูกปากไก่และอย่าขยี้ปากไก่เพราะความร้อนจะทำให้ปากไก่เปราะ หลุดหรือหักง่าย ส่วนการประคบสมุนไพรจะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้ดี แก้ฟกช้ำดำเขียวในเวลาซ้อม ไก่ชนที่ถูกประคบด้วยสมุนไพรถ้ามีบาดแผลหรือรอยฟกช้ำจะหายได้เร็ว ส่วนประกอบของสมุนไพรประคบ มีดังนี้ หัวไพล ใบพลับพลึง พิมเสนตะไคร้ทั้งต้นและเกลือแกง นำส่วนประกอบทั้งหมดมาตำรวมกันจนละเอียด ห่อด้วยผ้าขาวบางแล้วนำไปนึ่งหรือเช็ดกระเบื้องให้ร้อน ประคบรอยฟกช้ำหรือบริเวณขัดยอกจะหายเร็ว(นายจึ่ม แก้วคง,สัมภาษณ์,15 มิถุนายน 2544) จะเห็นว่าการประคบนี้เป็นสูตรสมุนไพรที่ใช้กับคน ชาวบ้านมักจะพูดว่าไก่กะคือกันกับคน หมายถึง สมุนไพรที่ใช้กับไก่ก็เหมือนกับที่ใช้กับคน เป็นการรักษาด้วยวิธีชาวบ้าน ตามความเชื่อของชาวบ้านในอำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่นหากมีใครที่พลัดตกจากต้นไม้ ถูกวัวหรือควายชน ถูกตีหรือฟาดด้วยของแข็งจะทำให้เกิดการช้ำใน ก็จะนำมาย่างสมุนไพรและมีการประคบสมุนไพร คนเลี้ยงไก่ชนจึงนำวิธีนี้มารักษาไก่ชนของตัวเองด้วย จะเห็นว่าผู้เลี้ยงไก่ชนมีความรู้ความเข้าใจในการใช้สมุนไพรได้เป็นอย่างดีจนสามารถบูรณาการได้ ภูมิปัญญาการเลี้ยงไก่ชนนับเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน อาจมีส่วนหนึ่งที่มีลักษณะจำเพาะของแต่ละชุมชน ทั้งนี้เนื่องมาจากมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามการเลี้ยงไก่ชนนั้นเป็นวัฒนธรรมหนึ่งที่ต้องนำภูมิปัญญามาชาวบ้านใช้ ทุกขั้นตอนนับแต่การคัดเลือกพ่อ-แม่พันธุ์ การอนุบาลตอนเล็ก ตอนเป็นไก่กระทง การคัดเลือกไก่หนุ่มจนถึงวันออกชน บางขั้นตอนเป็นวิทยาศาสตร์ บางขั้นตอนเป็นไสยศาสตร์ แทบจะกล่าวได้ว่าคนเลียงไก่ชน เป็นทั้งเกษตรกร เป็นครูฝึก เป็นเภสัชกรเป็นแพทย์และพยาบาลอยู่ในตัวเสร็จสรรพ เพราะไก่ที่ได้น้ำเลี้ยง(การบำรุงเลี้ยง)ที่ดีแล้วย่อมมีโอกาสชนะมากกว่าแพ้ ส่วนหนึ่งก็มาจากสายพันธุ์ไก่ชนซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้เลี้ยงจะพัฒนาสายพันธุ์ของตนเองออกมาเก่งแค่ไหน ดังนั้นการเลี้ยงไก่ชนจึงเป็นพลวัต ดังจะเห็นได้จากคำกล่าวของคนเลี้ยงไก่เพื่อคนเลี้ยงไก่ให้เข้าใจวิถีไก่ชนว่า เฮาค่อม่อ เขาขึ่นนั่งตอ หมายถึง ไก่ชนไม่มีแชมป์ที่แท้จริง ดังนั้นการเลี้ยงไก่ชนจึงเป็นภูมิปัญญาที่เรียนไม่มีวันจบ นอกจากผู้เลี้ยงจะเลิกเลี้ยง หรือตายเท่านั้น |
||
|