ไก่ชน2002    ภูมิปัญญาการเลี้ยงไก่ชน  มองวิถีชีวิตคนผ่านการเลี้ยงไก่

ค้นหา:

วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2547

คุณเข้าเยี่ยมชมคนที่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เว็บไซท์ที่น่าสนใจ
ไก่ชนพม่า
ซุ้ม ป.โชคชั
ตรีเพชรฟาร์มไก่ชน
ไก่ชนชลดา
ไก่ชนสยาม

ซุ้มขุนแผน
ผู้ใหญ่แสน
บ้านไก่ชน

ไก่ชน.คอม
thai.net/สุ่มไก่ 
บ้านไก่ไทย
ไก่ชนไทย
geocities/สุ่มไก่
thaicockfight.com
kaichon.com 
ไก่ป่าก๋อย

ซุ้มอ่างแก้ว
เสียงไก่ชน
ประดู่.คอม

ซุ้มวัฒนาไก่ชน
กรมปศุสัตว์
บุญเลี้ยงไก่ชน
เว็ปนครใหญ่ฟาร์ม

                              
  ปล่อยเลี้ยงแบบธรรมชาติ (ไก่คุณสมหวัง)

       

สมุนไพรกับไก่ชน

 

       3.8.1 การบำรุงเลี้ยงและให้อาหารไก่ชน

         ก่อนที่เราจะนำไก่ออกชนได้ จะต้องบำรุงไก่ให้มีความสมบูรณ์แข็งแรงเหมือนกับ       นักมวยที่ต้องฟิตซ้อมร่างกายเป็นอย่างดีก่อนวันชกจริง ดังนั้นการเลี้ยงไก่ชนจึงต้องให้        ความสำคัญเกี่ยวกับการบำรุงด้วยอาหารและยาบำรุงกำลัง ซึ่งจากการออกเก็บข้อมูลภาคสนามพบว่าชาวบ้านในอำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่นมีสูตรการจัดอาหารบำรุงกำลังหลายสูตรด้วยกัน ตามรายละเอียด ดังนี้

   3.8.1.1 ข้าวเปลือก ต้องคัดเอาเฉพาะเมล็ดที่ดีด้วยการนำข้าวเปลือกไปแช่น้ำเมล็ดที่สมบูรณ์จะมีน้ำหนักมากจะจมน้ำ  ส่วนเมล็ดลีบจะลอยน้ำแล้วช้อนเอาเมล็ดข้าวเปลือกที่ลีบออกที่อยู่ผิวน้ำออก แล้วนำเมล็ดข้าวที่เหลือมาขัดด้วยใบตะไคร้ให้มันและให้หอมติดเมล็ด เพื่อขจัดความสากของข้าวเมล็ดข้าวเปลือก ช่วยให้ไก่ชนกลืนข้าวเปลือกได้ง่าย เมล็ดข้าวเปลือกที่ดี คือ เมล็ดข้าวผา เนื่องจากเมล็ดข้าวชนิดนี้จะคดทำให้ไก่ชนกลืนง่าย ไม่    ติดคอหรือสำลัก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดโรคคออักเสบตามมาได้ ปัจจุบันเมล็ดข้าวผาหายากเพราะคนไม่นิยมปลูก

       3.8.1.2 ไข่ไก่  กะเทาะเปลือกแล้วกรองเอาแต่ไข่แดง ให้ไก่กินประมาณ 3 วันต่อฟอง ไข่ที่จะนำมาให้ไก่ชนกินนี้ ไม่ควรต้ม นอกจากบางตัวที่กลืนยากให้ต้มและปั้นเป็นก้อนให้กิน

       3.8.1.3 หอยขม ใช้ป้อนให้ไก่กินแต่ต้องคัดเลือกเอาขนาดที่ไม่โตเกินไป  เพื่อไม่ให้ติดคอไก่  ทุบหรือบดละเอียดผสมอาหารให้ไก่ชนกินก็ได้

       3.8.1.4 เนื้อวัวหรือเนื้อควาย นำมาปิ้งหรือย่างกลางสุกกลางดิบแล้วหั่นเป็นชิ้นให้กิน  หรือนำมาแช่น้ำผึ้งก่อนแล้วให้ไก่กินก็ได้

       3.8.1.5 เนื้อปลาช่อน นำมาปิ้งหรือย่างกลางสุกกลางดิบแล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นให้กิน

       3.8.1.6 หญ้าหรือผัก หญ้าที่จะนำมาให้ไก่ชนกินควรจะเป็นหญ้าแห้วหมู  หญ้าขนและผักควรเป็นผักกาดหั่นเป็นชิ้นให้กิน เพื่อเป็นการเสริมวิตามิน

       3.8.1.7 สมุนไพร เช่น บอระเพ็ด กระชาย ตะไคร้ หั่นเป็นชิ้นเล็กๆให้ไก่กินทุกวันเป็นพืชสมุนไพรที่บำรุงกำลัง

         เมื่อให้อาหารไก่ชนแล้ว ต้องคอยสังเกตดูว่ามูลของไก่ชนมีลักษณะเป็นอย่างไร ถ้าพบว่า มูลไก่ชนยังเหลวหรือเป็นก้อนแสดงว่าไก่ชนยังมีสุขภาพไม่ดี ยังไม่พร้อมที่จะออกชน ต้องรอจนกว่ามูลไก่จะเป็นก้อนกลมสีเขียวมียอดขาวถึงจะเริ่มใช้ได้ ให้เลี้ยงต่อไปอีก 15 วัน ก็พร้อมที่จะออกชนได้  การใช้สมุนไพรของชาวบ้านนี้เป็นการประหยัด  หาสมุนไพรที่มีในท้องถิ่นมาใช้  สมุนไพรบางชนิดเป็นพืชผักที่ชาวบ้านกินได้ในสวนครัว  เช่น  ข่า  ตระไคร้  กระชาย  ขิง  มะกรูดฯลฯ  บางอย่างเกิดเองตามธรรมชาติ  เช่น  บอระเพ็ด  ส้มป่อย  หนาด  เป้า  มะขาม  ไผ่  ฝรั่งบ้านฯลฯ  สิ่งเหล่านี้ย่อมสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตการเลี้ยงไก่ชนของชาวบ้านเป็นแบบพึ่งพาธรรมชาติ  ขณะเดียวกันก็เป็นลูกโซ่ในระบบนิเวศอย่างสมดุลเพราะพืชต่างๆที่ชาวบ้านปลูกนั้นชาวบ้านนำมาบริโภคได้และขณะเดียวกันนำมาเป็นยาและอาหารไก่ชนก็ได้  ส่วนไก่นั้นนอกจากเป็นอาหารของชาวบ้านแล้วยังกลายเป็นสินค้าทั้งในลักษณะไก่เนื้อและไก่ชน  นอกจากนี้มูลของไก่ก็สามารถนำมาเป็นปุ๋ยให้กับพืชได้ทุกชนิดโดยไม่มีสารเคมีตกค้างที่เป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค  ดังนั้นการใช้สมุนไพรจึงนับว่าเป็นภูมิปัญญาที่บริหารการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัด  มากด้วยคุณค่าแต่เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมไปในตัว

          3.8.2  ยาบำรุงไก่ชน

ยาบำรุงไก่ชนนี้มีมากมายหลายตำรับ ซึ่งผู้เลี้ยงไก่ชนได้คิดค้นและนิยมใช้สืบต่อกันมานาน ซึ่งผู้วิจัยได้รวบรวมภูมิปัญญาเกี่ยวกับยาที่ใช้บำรุงไก่ชน  ของผู้เลี้ยงไก่ชนในพื้นที่อำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่น  และภูมิปัญญาภาคกลาง ดังรายละเอียดต่อไปนี้

3.8.2.1  ภูมิปัญญาในพื้นที่อำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่น

ตำรับที่ 1 เป็นของนายสถิตย์  หลวงนันท์  อยู่บ้านโนนทัน  อำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่นนำงูเห่ามาลอกหนังย่างไฟทั้งตัว เมื่อย่างแล้วให้ตัดหัวออก นำมาโขลกให้ละเอียดนำไปตากให้แห้ง จากนั้นเอาบอระเพ็ด หัวหญ้าแห้วหมู ขมิ้นขึ้น อย่างละ 1 ส่วน มาโขลกให้ละเอียด นำไปตากให้แห้ง แล้วนำมาโขลกรวมกับเนื้องูเห่าที่ตากไว้ให้ละเอียด ผสมน้ำผึ้งแล้วปั้นเป็นลูกกลอน ตากแดดให้แห้งเก็บไว้ให้กิน ครั้งละ 1 เม็ด วันละครั้ง ตอนเช้า (ถ้าเป็นฤดูหนาวให้ใช้งูเห่าแต่ถ้าเป็นฤดูร้อนให้ใช้งูสิงแทน)

ตำหรับที่  2 เป็นของ นายทองดี  ชัยกำเนิด    อยู่ชุมชนบ้านหัวถนน  อำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่นนำปลาช่อนมาขูดเกล็ดออกให้เกลี้ยง  เอาตะไคร้หั่นละเอียด  พริกไทย  5-10  เม็ดยัดใส่ปากปลาช่อนให้เต็มแล้วนำไปย่างให้สุก โขลกจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำไปตากแดดจนกรอบ(ใช้เวลา  5 -7 วัน)   เอากระเทียม  หอมหัวแดง  อย่างละ  10  กลีบ  หั่นเป็นฝอยแล้วนำไปตากแดดให้แห้ง  จากนั้นให้นำยาทั้งหมดมาโขลกรวมกันให้ละเอียด  และใช้กลว้ยน้ำหว้าสุกกับน้ำผึ้งเดือนห้าโขลกรวมลงไปเพื่อเป็นตัวประสานตัวยาให้เข้ากันแล้วปั้นเป็นลูกกลอน  นำไปตากแดดอีกที่หนึ่งจึงเก็บไว้ให้ไก่กินเช้า-เย็น  จะทำให้ไก่มีกำลังดีมาก

ตำหรับที่ 3 เป็นของนายสำเรียน  เทพไกรวัลย์  อยู่บ้านหว้า  ตำบลบ้านหว้า  อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น  ใช้นกกระจอกที่จับได้มาถอนขนและชำแหละเอาเครื่องในออกแล้วนำมาย่างให้สุก  จากนั้นนำไปตากแดดจนกรอบ(ใช้เวลา  5-7 วัน และนำบอระเพ็ดและตะไคร้มาหั่นบางๆ  ตากแดดให้แห้งแล้วนำมาโขลกรวมกันจนละเอียดดีแล้วใช้น้ำผึ้งประสานยาเข้าด้วยกัน  ปันเป็นลูกกลอนให้ไก่กินเช้า-เย็นเป็นประจำ  ไก่จะบินดีกำลังไม่ตก  ยังเป็นการกำจัดนกกระจอกที่ชอบมาแย่งกินข้าวไก่และเป็นพาหะนำโรคต่างๆมาสู่ไก่ได้อีกทางหนึ่ง

ตำหรับที่  เป็นของนายสำเริง  ศักดิ์ศิริรัตน์  อยู่บ้านคำไฮ  ตำบลบ้านเป็ด  อำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่น  เคยเป็นผู้บริหารบ่อนคำไฮมาก่อนแต่ปัจจุบันนี้ได้ปิดกิจการไปแล้ว  นำปลาไหลมาย่างทั้งตัวให้สุกนำไปตากแดดจนแห้งกรอบดีแล้ว  นำบระเพ็ดและตะไคร้มาหั่นบางๆนำไปตากแดดให้แห้งแล้วนำมาโขลกกับปลาไหลย่างให้เข้ากัน  เมื่อเห็นว่าละเอียดดีแล้วใช้น้ำผึ้งเดือนห้ามาเป็นตัวประสาน  ปั้นเป็นลูกกลอนให้ไก่กินเช้า-เย็น  ปลาไหลนั้นหากเป็นตัวเล็กๆ อาจนำมาหั่นให้ไก่กินสดๆเลยก็ได้  จะทำให้ไก่มีกำลังดีมาก

ตำหรับที่  ปลาช่อนกับเป็นของนายณรงค์  เทศงิ้ว  เป็นพ่อค้าขายผลไม้อยู่ที่ตลาดพูนผล  ถนนศรีจันทร์  อำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่น  บ้านเดิมของนายณรงค์อยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อก่อนเคยเป็นนายสนามไก่ชนที่อุตรดิตถ์มาก่อน  มีความประทับใจกับไก่ชนพม่ามาก่อน  แม้ในปัจจุบันเลิกกิจการไปแล้วแต่ก็ยังชอบเลี้ยงไก่อยู่  จึงนำไก่สายพันธุ์พม่ามาเลี้ยงที่จังหวัดขอนแก่นอีกด้วย  แต่เลี้ยงจำนวนไม่มากเพราะเป็นการเลี้ยงด้วยใจรักควบคู่ไปกับขาย  ผลไม้ ยาบำรุงของนายณรงค์ใช้นกกระจอกกับปลาช่อนมาย่างอย่างละเท่าๆกัน  นำไปตากแดดจนกรอบแล้วนำไปโขลกกับพริกไทยกับบระเพ็ดใช้น้ำผึ้งเป็นตัวประสานเนื้อยาให้เข้ากันแล้วปั้นเป็นลูกกลอนให้ไก่กินเช้า-เย็น  จะทำให้ไก่กำลังดี  กำลังไม่ตก

3.8.2.2       ภูมิปัญญาภาคกลาง

        ภูมิปัญญาในการใช้สมุนไพรในการบำรุงไก่ชนของทางภาคกลางที่ผู้วิจัยสืบค้นข้อมูลได้จาก  ตำราของภาคกลางมีดังนี้

ตำรับที่ 1 หั่นบอระเพ็ดเป็นแผ่นบางๆ แช่น้ำผึ้งเดือนห้าไว้ แล้วให้กินทุกวัน

          ตำรับที่ 2 หัวไพล เจตมูลเพลิง ผักคราดหัวแหวน ตำให้ละเอียดนำมาผสมกับน้ำผึ้งเดือนห้า ปั้นเป็นลูกกลอนให้กิน

ตำรับที่ 3 ให้กินเขียดหรือลูกหนูตัวแดงๆ ที่ยังไม่มีขน จิ้งจกหรือลูกปลา วันละ 1 ตัว เพื่อให้มีกำลังแข็งแรง ถ้าหายากอาจจะให้เนื้อสดวันละ 1 ชิ้นขนาดเท่านิ้วก้อยก็พอ

ตำรับที่ 4 นำข้าวเหนียวมาเผาจนดำแล้วนำมาตำกับพริกสุก หอยขม ใส่ปลาป่นและน้ำอ้อย ปั้นเป็นลูกกลอนให้กิน

ตำรับที่ ใช้กระชาย พริกไทย ตะไคร้ ตำรวมกันให้แหลกแล้วนำมายัดใส่ปาก     ปลาช่อนตัวใหญ่ 1 ตัว ใส่ให้เต็มท้อง แล้วนำปลาช่อนไปปิ้งให้สุก หลังจากนั้นตำหรือโขลก     ปลาช่อนทั้งตัวจนละเอียดแล้วผสมน้ำผึ้งเดือนห้า ปั้นเป็นลูกกลอนให้ไก่ชนกิน จะทำให้ไก่ชนมีกำลัง ปีกแข็งแรงและบินสูง

ตำรับที่ ใช้บอระเพ็ด กระเทียม ปลาช่อน นกกระจอก ยาดำ หัวแห้วหมู พริกไทย นำมาบดรวมกันให้ละเอียดแล้วผสมน้ำผึ้งเดือนห้าปั้นเป็นลูกกลอนให้ไก่ชนกิน   ก่อนนอนทุกวันจะทำให้ไก่ชนแข็งแรง

         ตำรับที่ กล้วยน้ำว้าแช่น้ำผึ้งเดือนห้า หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ให้ไก่ชนกินก่อนนอน

        ตำรับที่ 8 ใช้งูสิงหรือปลาช่อนตัวเล็กย่างให้สุกแล้วตากให้แห้ง นำมาบดรวมกับลูกมะกรูดแห้ง กระชาย ดีปลี มะขามเปียก แล้วนำมาผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอน ให้ไก่ชนกิน ครั้งละ 2 – 3 เม็ด เช้า – เย็น

ตำรับที่ นำปลาช่อนตัวเท่าแขนผู้ใหญ่ขอดเกล็ดย่างไฟให้สุก แล้วนำมาโขลกให้ละเอียด นำไปตากแดดให้แห้ง จากนั้นเอาพริกไทย 5 เม็ด กระเทียม 7-8 กลีบ หอมแดง 2-3 หัว หั่นละเอียด นำมาโขลกให้เข้ากัน นำไปตากรวมกับปลาช่อนที่โขลกไว้ เมื่อแห้งสนิทดี นำมาโขลกรวมกับกล้วยน้ำว้าสุก ผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอน ตากแดดให้แห้ง เก็บไว้ให้กิน ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น

ผู้เลี้ยงไก่ชนจะไม่ละเลยหรือละทิ้งสมุนไพรของไทยในการที่จะนำมาบำรุงเลี้ยงไก่ชนของตัวเองให้มีความแข็งแรงและกระปี้กระเป่าอยู่ตลอดเวลา  เพราะจิตใจของคนเลี้ยงไก่ชนนั้นหากไก่มีความสดชื่นผู้เลี้ยงก็จะสดชื่นด้วย  ถ้าไก่เป็นอะไรที่ไม่สบายแล้วผู้เลี้ยงก็ไม่สบายใจจนเป็นทุกข์แทนไก่ของตนเอง  แม้ในปัจจุบันจะมียาบำรุงแผนปัจจุบันออกมาวางขายจำหน่ายอยู่ทั่วไปในท้องตลาดก็ตาม ไม่ทำให้ความนิยมในการใช้ยาสมุนไพรลดลงแต่อย่างใดเพราะสมุนไพรนั้นราคาถูกกว่ายาแผนปัจจุบันมาก  และผู้เลี้ยงไก่ชนส่วนมากมีความเชื่อว่าสมุนไพรไม่มีผลเสียต่อร่างกายของไก่เป็นสิ่งไม่มีพิษภัย  ส่วนยาแผนปัจจุบันนั้นเป็นสารเคมีที่สามารถตกค้างในร่างกายไก่และเป็นผลเสียกับไก่ได้ภายหลัง

 อ่านต่อ
 ย้อนกลับ

กลับหน้าหลัก
กลับหน้าบทความวิชาการ

 

                                                           
ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด
19/03/2547 22:43:50