HeaVy – HardRocK มันส์โคตรรุ่นป๋า
- 1 -
x

1) ฐานบินอุดรธานียุค 60's

 

หลังสงครามอินโดจีนสิ้นสุดลงเพราะฝรั่งเศสแพ้ลุงโฮ(จิมินทร์)ที่เดียนเบียนฟู(สิบสองจุไท) ฝรั่งเศสถอยออกขณะที่รัฐบาลอเมริกันส่งทหารมาสกัดการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ตามทฤษฎี “ โดมิโน ” คือ ถ้าตัวโดมิโนตัวหนึ่งล้มลงไป ตัวถัดไปจะต้องล้มตาม เริ่มจากรัสเซียมาจีนขยายเข้าเวียดนามเหนือ อีกหน่อยจะไปกันทั้งเวียดนามใต้ กัมพูชาและลาว รวมถึงอาจจะพังพาบมาถึงไทยด้วย

 

จุดเริ่มต้นของสงครามเวียดนามนี่ล่ะทำให้อิทธิพลเพลงมันส์ๆ ของฝรั่งเข้ามาเผยแพร่ในเมืองไทย มาพร้อมกับพลทหารอเมริกันหรือ GIs ตอนนั้นที่อื่นเป็นยังไงไม่รู้ แต่ที่จังหวัดอุดรธานีดนตรีประเภทนี้เฟื่องฟูสุดขีดปลายยุค 60's ต่อ 70's เพลงทำนองแปลกหูมันเข้าถึงใจวิญญาณของวัยรุ่น คือ ถ้าไม่มีสงครามเวียดนาม “ ป๋า ” คงไม่รู้จักเพลงแนวนี้

 

เพลงสากลที่สถานีวิทยุเปิด ฟังตั้งแต่ออกพ้นประตูบ้านไปจนถึงโรงอาหารโรงเรียนสมัยเป็นเด็กประถมก็ได้ยิน Oh ! Oh ! bernardine ของปู่ Pat Boone หรือไม่ก็ Hit the road…Jack you don't come back Come on , Come on , Come on, Come on ของปู่ Ray Charles โดยเฉพาะท่อนฮุคเด็กๆ จำได้ขึ้นใจทุกคน แต่สมัยนั้นจำว่าเด็กๆ ร้อง “ ดำมอ ดำม๊อ ดำม้อ ดำมอ ” ! ส่วนปู่ Elvis ไม่ต้องพูดถึงเขาดังจริงๆ แฟนเพลงรุ่นใหญ่ชอบ

 

ตอนเป็นวัยรุ่นวิทยุเปิดให้ฟังไม่ขาดก็เพลงของ The Beatles วงนี้ดังเป็นดาวค้างฟ้าหาใครเทียบไม่ได้ เป็นขวัญใจวัยรุ่น เพราะสร้างดนตรีแปลกใหม่ ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน เนื้อหาโดนใจวัยรุ่นทั้งกามารมณ์ ฟั่นเฟือน ยาเสพติด และปัญหารอบตัว จะเอาแนวไหนเทียบกับปัจจุบัน บอกได้ว่าวงนี้มีทั้งนั้น แหกปากเหมือนพวก Hard Core สมัยนี้ก็มี Riff เจ๊งๆ ก็มี Rock ‘N' Roll ดนตรี 12 ห้องก็มี เพลงเต้นเร้อ ? เต้นมันเกือบทุกเพลงอยู่แล้ว ต้องไปหามาฟังเพื่อเป็นพื้นฐานในการสร้างบรรยากาศในเพลงของเรา

 

จำไว้ “ สี่เต่าทอง ” เป็นสมาชิกกลุ่มหนึ่งของวิวัฒนาการร็อกปัจจุบัน ถ้าเป็นสาวก HeaVy-HardRock ต้องคาราวะ ไม่คาราวะได้ไง พวกนี้เป็นนักปฏิวัติแนวดนตรีโลกของแท้ ทำเอาสังคมโลกปั่นป่วนไปหมด เป็นผู้นำทั้งแฟชั่นทรงผมกับเสื้อผ้า ผู้ใหญ่เห็นแล้วส่ายหัวดิก อยากให้มันไปเกิดใหม่ ลูกๆ จะได้มีสมาธิอ่านหนังสือหนังหาเสียที !

 

เพลงวงอื่นๆ ที่สถานีวิทยุชอบเปิดสมัยนั้นก็มีวง The Rolling Stone, Monkee, The Shocking Blue, C.C.R แต่ก็แปลกนะที่ไม่ค่อยเปิดเพลงของ The Yardbirds สักเท่าไหร่ ช่วงฤดูร้อนปี 1968 วง The Yardbirds ของ Eric Clapton กับ Jimmy Page แตก Jimmy ไปรับ Job ทำเพลงให้ Donovan อัลบั้ม “Hurby Gurdy Man” ช่วงนี้เองเป็นจุดกำเนิดประวัติศาสตร์ Led Zeppelin ในเวลาต่อมา เพราะทำให้ได้รู้จักกับ John Paul Jones นักเรียบเรียงเสียงประสาน และได้ชวนกันตั้งวง แล้วมาได้ John Bonham กับนักร้องเสียงแสบแก้วหูอย่าง Robert Plant มาร่วมสังฆกรรมด้วย

 

ที่บ้านจะได้ยินประจำก็เพลง “Gloria” ของปู่ Van Morrison เพลง “You Really Got Me” ของ Kinks ไม่ก็เพลง “No Time” ของ The Guess who และแน่นอน เพลงของ C.C.R. ก็อยู่ในจำพวกนั้นด้วย เพลงพวกนี้เข้ามาในสายเลือดแบบไวรัสจู่โจมไม่ทันปกป้องตัว เพราะ Dr.No พี่ชายของป๋าแกแกะเพลงเล่นกีตาร์ และซ้อมเล่นมันทั้งวัน ไม่อยากฟังก็ต้องฟังเพราะเครื่องเล่นแผ่นเสียงมันมีอยู่แค่เครื่องเดียว เทปคลาสเซ็ตนะหรือ ? ไม่มีหรอก ไม่ใช่ไม่มีเงิน แต่ญี่ปุ่นมันยังคิดไม่ออกต่างหาก

 

อ้อ ! ก่อนจะมาถึงเพลงพวกนี้จำได้พี่แกชอบแหกปากร้อง “Sky….Pilot” (ออกเสียงคล้ายๆ สกาย....ไพเล็ท) เพลง “Sky Pilot” ของวง The Animals เพลงนี้ความจริงน่าจะเป็นเพลงประจำชาติของพวกนักบินอเมริกัน แต่สถานวิทยุในแคมป์ไม่ค่อยเปิด เพราะเนื้อหาไปกระเทือนใจพวก “ ไอ้มดแดง ” ทำนองเพลงดีเยี่ยม ปลุกเร้า แต่ก็เศร้าในเนื้อหา เฮียต้อย “ เศรษฐา ศิระฉายา ” วง The Imposible ขึ้นประกวดดนตรีจัดโดยสมาคมดนตรีฯที่สวนลุมพินี กรุงเทพฯ แกร้องเพลงนี้เยี่ยมมาก

 

เพลงขึ้นด้วยเสียงร้องล้วนๆ “He blesses the boys as they stand in line They smell of gun grease and their bayonets they shin He's there to help them all that he can To make them fell wanted, he's a good holy man จากนั้นเสียงร้องและดนตรีไปด้วยกัน …… Sky….pilot, Sky….pilot How high can you fly You'll never (never) (never) reach the sky”…. เนื้อหาเพลงต่อไปลึกซึ้งและกินใจ แต่นักบินฟังแล้วห่อเหี่ยวมากกว่า บางช่วงของเพลงทำเหมือนเสียงเครื่องบินเร่งเครื่องก่อนปล่อยออกจากรันเวย์ จากนั้นเสียงจะแผ่วลงคล้ายเครื่องบินพุ่งไปไกลลิบ เพลงนี้โซโลกีต้าร์ไม่เคยตกกาลสมัย ต่างจากวงอื่นๆ ในรุ่นเดียวกันลองไปหาฟังดูก็แล้วกัน

 

วง The Animals ถือเป็นวงระดับตำนานติด 1 ใน 3 ของอังกฤษ(วงรุ่นหนุ่ม)ช่วงต้นยุค 60's คือ The Rolling Stone, The Yardbirds และ The Animals คนไทยส่วนใหญ่รู้จักเขาในฐานะเจ้าของเพลง “House of The Rising Sun” และเข้าใจว่าเป็นวงประเภทคันทรี่ ถ้าใครรู้จักเพลง “Inside, Looking Out” ฉบับ Grandfunk Railroad ลองมาฟัง “Inside Looking Out” ฉบับ The Animals ดู ต้นฉบับร้องและเล่นดุเดือดเลือดพล่านเหมือนกันเพียงแต่ Sound แตกต่างกันเท่านั้น ปล่อยเพลงนี้ออกมาราวต้นปี 1966

 

เพลงที่สถานีวิทยุในแคมป์เปิดบ่อยกว่าเพลงชาติก็คือ เพลง “Gosh Rider In The Sky” เพลงบรรเลงกีต้าร์ของวง The Venture เพลงนี้มีเนื้อร้องก็มีเป็นของ Johnny Cash เสียงร้องทุ้มใหญ่ แต่ถ้าเสียงคมเป็นของ Frankie Laine ของ Cash ฟังเพราะกว่า พวกนักบินชอบเพลงนี้เพราะพวกเขามีฝูงบินชื่อ Gosh Rider ด้วย สัญลักษณ์เป็นรูปหัวกะโหลกไขว้ มันก็คือปีศาจเวหาดีๆ นี่เอง !

 

สหรัฐอเมริกามาตั้งฐานทัพในเมืองไทยเต็มตัวเมื่อปลายๆ ปี 2510 ฐานบินอุดรฯเป็นแหล่งชุมนุมทหารอเมริกันใหญ่พอๆ กับฐานบินโคราช ส่วนฐานบินที่อื่นๆ มี ฐานบินตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ฐานบินอู่ตะเภา จังหวัดชลบุรี และฐานบินอุบลราชธานี นี่ไม่นับรวมสนามบินดอนเมือง จังหวัดอุดรธานีกลายเป็นศูนย์กลางของนักรบรับจ้างไปโดยปริยายเพราะเขาจ่ายเงินเดือนกันที่นั่น พวกไปรบในลาวก็ต้องบินมารับเงินที่จังหวัดอุดรฯ ไปเวียดนามก็มาเที่ยวกันที่นี่เพราะคึกคักดี ทำให้สถานบันเทิงเริงรมย์เฟื่องยิ่งกว่าดอกเห็ด โสเภณี ยาเสพย์ติด ไม่ต้องพูดถึง ฝรั่งบอกว่าไปอยู่ฐานทัพอเมริกันที่ไหนก็ไม่สนุกเท่าอยู่ที่ฐานบินอุดรฯ สนามบินกับตัวเมืองอยู่เกือบติดกัน และที่อุดรฯมีค่ายรามสูร ( Ramason) อยู่ด้วย ค่ายนี้สำคัญมากเพราะเป็นศูนย์ควบคุมและสั่งการโดยตรงจากสหรัฐอเมริกา ติดต่อตรงกับทำเนียบขาวในวอชิงตัน ดี.ซี. ที่ค่ายมีเสาเรดาร์มหึมา ปักเรียงถี่ๆ เป็นรูปทรงกลม เขาว่าเข็มหนึ่งเล่มตกบนพื้นซีเมนต์ในตึกจงหนานไห่กลางกรุงปักกิ่ง เสียงจะดัง “ เปรื่อง ” ที่หูฟังของคนเฝ้าฟัง เว่อร์..ไปรึเปล่าเนี่ย !

 

 

Next

Home