HeaVy – HardRocK มันส์โคตรรุ่นป๋า
- 4 -
x

เพลงกระทบกระแทกสงครามก็มีอีกอย่างเพลง “Run In Through the jungle” ความหมายโดยรวมเนื้อเพลงก็ออกมาประมาณว่า ปืนลั่นไปทั่วทุกหนแห่งราว 200 ล้านกระบอก เราควรจะวิ่งผ่านมันไป พื้นดินเต็มไปด้วยควันล่องลอย ซึ่งน่ากลัวไม่ต่างกับที่เราหลุดเข้าไปในป่าดงดิบ เกิดความหวาดระแวงปีศาจที่จะออกมาทำร้าย ต้องเผ่นจนป่ากระเจิง

วงนี้จับกลุ่มเล่นดนตรีกันมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก ความจริง John Fogerty เป็นมือเปียโนที่ดีมาก เขาชอบเล่นเปียโนโดยมีเพื่อนเด็กร่วมฟังฝีมือเขาเล่นอย่างถูกอกถูกใจ โตมาหน่อยอายุราว 14 ปีก็ทำวงขึ้นมา จนตอนหลังพี่ชายมาร่วมเล่นด้วยกัน สมัยเรียนมัธยมปลายก็ถือเป็นวงดนตรีที่มีชื่อเสียงอยู่บ้าง และตั้งวงเป็นเรื่องเป็นราวชื่อวง The Blue Velvets วงนี้เขาอัดเทปบันทึกเสียงไว้ด้วยนะ ส่วนเวทีการแสดงยังอยู่ในย่านซานฟรานซิสโกนั่นเอง แนวเพลงมีพื้นฐานมาจากเพลงบลูส์ซึ่งก็ดูเป็นเรื่องปรกติของคนแถวนี้

อนาคตของวง The Blue Velvets เปลี่ยนไปหลังจาก John Fogerty พ้นสภาพทหารเกณฑ์ พวกเขารวมวงกันใหม่พร้อมกับใช้ชื่อ Creedence Clearwater Revival ราวต้นปี 1968 คำแรกเป็นชื่อของเพื่อนซึ่งแปลว่า “ ความเชื่อถือ ” คำที่สองได้มาจากตอนไปเที่ยวชมโรงเบียร์ และมีความหมายว่า “ น้ำสะอาดบริสุทธิ์ ” ส่วนคำหลังนั้นแปลว่า “ ตื่นเต้น กระตือรือร้น ” เมื่อเอาคำ 3 คำมารวมกันก็มีความหมายดี นั่นก็น่าจะเป็นคำตอบหนึ่งว่าทำไมวงนี้มีชื่อเสียงเหลือหลาย แต่ในหนังมหกรรมคอนเสิร์ต Wood Stock ทำไมไม่โชว์ให้เห็นสักแว้บ.. ! ก็เพราะนั่นเพิ่งจะเป็นวงดนตรีหน้าใหม่มีผลงานแสดงในนาม C.C.R. ไม่กี่เพลง ความจริงในปี 1969 เขาได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำประเภทซิงเกิ้ลมา 2 แผ่นจาก “Pround Mary” กับ “Bad Moon Rising” และได้แผ่นอัลบั้มทองคำ 2 แผ่นอีกด้วย คือ ชุด “Creedence Clearwater Revival” กับ “Bayou Country”

Stu Cook มือกีต้าร์ เบสและเปียโน แต่ในวงได้รับหน้าที่เป็นมือเบสบอกว่า พวกเขา 4 คนต่างมีความแตกต่าง และผลงานเพลงคือสมาชิกคนที่ 5 ของวง ซึ่งนั่นหมายถึงเพลงจะบ่งบอกบุคคลิกใหม่หรือเป็นสมาชิกคนใหม่ของวงนั่นเอง

แวะมาเรื่องแง่มุมดนตรีหน่อยเพราะสำคัญทีเดียว พื้นฐานของการร้องและท่วงทำนองของเพลงบลูส์มีพื้นฐานมาจาก Pentatonic Scale หรือรู้กันดีว่ามี โครงสร้างคอร์ดวน 12 ห้อง ( twelve-bar chord progression) นี่ไม่ต้องเจาะไปถึงรากเหง้าที่อยู่ในแอฟริกานะ คนอเมริกันเล่นแนวบลูส์มาก่อน ลองฟังเพลงของ Freddie King ดูก็ได้ ฟังดีและไม่ยากเกินไป อย่าไปแตะ B.B. King เลย เอาไว้ฟังเฉยๆ ดีกว่า ส่วนที่อังกฤษวงบุกเบิกก็คือ John Mayall & the Bluesbreakers อีตา John Mayall แกดังมานานแล้วทุกวันนี้ยังออกเพลงมาขายได้เรื่อยๆ แกคล้ายกับเป็น “ ร่มโพธิและร่มไทร ” ของมือกีตาร์ในอังกฤษที่ต้องไปคารวะ Eric Clapton ก็เคยมาเล่นด้วยในฐานะมือกีตาร์โซโล

ทำนองเพลง Rock ‘n' Roll มีเอกลักษณ์ คือ เร็ว และวน 12 ห้องเหมือนกัน สร้างสรรค์กันมาตั้งแต่รุ่นทวดอเมริกันยุค 50's แล้ว แนวนี้มาเด่นๆ เอาสมัยปู่ Chuck Berry ลองไปฟังเพลง “Maybellene” กับ “Johnny B. Good” ฟังท่วงทำนองและสไตล์การเล่นกีต้าร์ อย่าว่าแต่นักดนตรีแนวดุดันเลย หวานๆ เย็นๆ อย่าง Elvis Presley (ป๋าฟังเพลงยุคหลังๆ ของแก่แล้วอยากหลับ ฟ่ะ ! ) ก็อดทำเพลงแบบนี้ออกมาไม่ได้ จะว่าไปแล้ววงไหนวงนั้นมักจะมีเพลงทำนองนี้ออกมาด้วยตามยุคสมัย ท่วงทำนองนี้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเกาะอังกฤษเช่นกัน เริ่มกันที่วงดนตรี Jazz จากนั้น The Beatles ก็คว้าไปแต่งและดังไปทั่วโลกหลายเพลง

ดูๆ แล้วก็เหมือนคลื่น แต่คลื่นของ Blues กับ Rock ‘n' Roll กระทบฝั่งแล้วมีผุดขึ้นมาใหม่ไม่สาบสูญ ไม่เหมืนคลื่นอย่าง Disco พัดหาฝั่งแล้วหายไปเลย (เอ้อ ! รู้ มีรุ่นใหม่บางวงแอบเอาดิสโก้มาซุกไว้ในร่องเสียงของมัน) ยิ่ง Surf ยิ่งแล้วใหญ่มาแป๊ปเดียวก็ไป จังหวะ Watusi รุ่นเก๋ากึกมาแป๊ปเดียวก็ไปเช่นกัน

 John Mayall & the Bluesbreakers

 

วงนี้เป็นวงบุกเบิกเพลงบลูส์สไตล์อังกฤษ โดยมีรากฐานมาจาก Chicago Blues มี John Mayall เป็นหัวหน้าคณะ ปู่แกตั้งวงมาตั้งแต่ต้นยุค 60's แต่อยู่ยงคงกะพันชาตรีมาถึงทุกวันนี้ สไตล์การเล่นคงเส้นคงวาแบบบลูส์คือมีรูปแบบเพลงที่ชัดเจน ฟังปั๊ปรู้ทันทีเลย มาราวปี 1965 ได้นักกีตาร์มือดี Eric Clapton มาร่วมวงด้วย แม้จะอยู่ไม่กี่เดือนก็ทำให้กระหื่มทั่วเกาะอังกฤษ และทำให้ Clapton กลายเป็นพระเจ้าในหมู่แฟนๆ ไป อัลบั้มดังที่ว่า คือ “John Mayall's Blues Breakers with Eric Clapton” ออกในปี 1966 ส่วนอัลบั้มเดิมที่คนทั่วไปรู้จัก คือ “John Mayall Plays John Mayall” ออกเมื่อปี 1966 เช่นกัน วงการดนตรีถือว่า John Mayall เป็นปูชนีย์บุคคลคนหนึ่งเลยทีเดียว ชอบจับคนโน้นคนนี้มาเล่นด้วย ใครก็อยากเข้าไปเล่นกับแกเหมือนกัน เพราะเป็นเสาหลักเพลงบลูส์ว่างั้นเถอะ ! และดูเหมือนว่า Clapton จะติดนิสัย Mayall มา ชอบชวนคนนั้นคนนี้มาทำอัลบั้มด้วย ใครที่แก่สนใจก็ชวนมาทั้งนั้น แต่ก็เป็นคนนิสัยดีคนในวงการเคารพนับถือเช่นกัน พอๆ กับเชื่อฝีมือโซโลกีต้าร์นั่นแหละ !

The Yardbirds

เดือนตุลาคม 1963 วง The Yardbirds ได้เข้าไปเล่นประจำที่ Crawdaddy Club แทนวง The Rolling Stones สมาชิกในวงประกอบด้วย Keith Relf ร้องนำและหีบเพลงปาก, Chris Dreja กีต้าร์คอร์ด Paul Samwell-Smit กีต้าร์เบสส์ Jim McCarty กลอง และมือกีต้าร์โซโลคนใหม่ คือ Eric Clapton ซึ่งยังดูเป็นวัยรุ่นนักศึกษาศิลปะ Eric Clapton เข้ามาแทน Anthony Topham วงนี้อัดแผ่นเสียงในปีเดียวกันนี้เป็นครั้งแรก แนวเพลงยังฟังเป็นบลูส์อังกฤษสบายๆ ผสมกับเสียงเป่าหีบเพลง และตามคลอด้วยเสียงกีต้าร์โซโลบลูส์ ฟังดูก็เพลินดีแต่ก็ยังไม่ค่อยแตกต่างจากรุ่นเก่าๆ ที่เล่นกันในอเมริกาเท่าใดนัก

Eric Clapton ออกจากวงมาเพราะรู้สึกอึดอัดกับแนวทำเพลง เพราะ Paul Samwell-Smit ชอบจะทำเพลงแนวสนองความต้องการของตลาด มากกว่าที่ Eric Clapton อย่างจะทำ และหลังจากออกจากวงนี้ได้ 2 สัปดาห์วง John Mayall & The Bluesbreakers ก็อ้าแขนต้อนรับเข้าเป็นสมาชิกร่วมวง ซึ่งขณะนั้นวงของ John Mayall & The Bluesbreakers ก็ติดตลาดอยู่แล้ว

รูปปก/ตารางและบรรยาย

John Mayall & the Bluesbreakers

The Yardbirds

Cream

Bo Diddley

Buddy Holly

The Rolling Stone

Monkees

The Animals

C.C.R.

The Doors

The Kinks

The Shocking Blue

The Beatles

Bee Gees

 

Next

Home