ปีที่ 2 ฉบับที่ 605 ประจำวันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 4 ปีเถาะ
วิวาทะ
พระนิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา กันแน่..? |
ความคิดที่ว่า "ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์" ที่บรรพชนเรามักจะพูดเตือนสติลูกหลานอยู่เสมอ กาลกลับมาจวบจนปัจจุบันนี้ ชาวพุทธส่วนใหญ่ กลับมองว่าภาษิตข้างต้น เก่าล้าสมัยไปเสียแล้ว
แต่บางครั้ง พฤติกรรมหรือความรู้สึกดังกล่าว ก็เปรียบเสมือนดาบสองคมให้ทั้งคุณและโทษ
กล่าวคือการปกป้องพระพุทธศาสนา กระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจเพียงใด หากบริสุทธิ์ใจแล้ว มีอวิชชาเพียงใด เข้าใจแก่นแท้ของ พุทธศาสนาหรือไม่..?
นี่คือคำถามที่ไม่ได้ต้องการเอาชนะคะคานกับฝ่ายใดทั้งสิ้น
และไม่ได้มีวัตถุประสงค์ หรือความมุ่งมาดปรารถนา ช่วยเหลือวัดพระธรรมกาย หรือพระในวัด เพราะเรื่องสำคัญเช่นนี้ ต้องอาศัยภูมิปัญญา ของพระเถรานุเถระมหาเถรสมาคม เป็นผู้ตัดสินผิดถูก
การปกป้องพุทธศาสนา เป็นหน้าที่ของพุทธบริษัทจริงอยู่ แต่หากพุทธบริษัท ขาดคุณสมบัติที่ประสงค์แล้ว ก็เป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวเป็นยิ่ง
โดยเฉพาะพวกนิยมของนอก เสพอายเมรัยต่างน้ำ บวชเรียนมาก็มากโข เปลืองข้าวสุก เห็นกันจะจะ เวรกรรมที่คนจำพวกนี้ เคยสำเนียก ในสันดานกระมล กำลังไล่ล่าบุรุษน้ำเมาผู้นี้ ชนิดหายใจรดต้นคอทีเดียว
ศึกษาพระธรรมมาแต่ตีนเท่าฝาหอย แต่ไม่เคยซาบซึ้งในรสพระธรรม ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชั้นสูง ดำรงชีพด้วยสัมมาอาชีวะ เยี่ยงสุจริตชน พึงปฏิบัติ หากพฤติกรรมดังโป้ปดมดเท็จแล้ว บุรุษน้ำเมาย่อมไม่หลงระเริงในเดรัจฉานวิชชา
และแล้วกฎแห่งกรรมก็ไล่ล่า ตามบุรุษน้ำเมาผู้นี้ อย่างที่เราๆ ท่านๆ เห็นกันอยู่ สมองเริ่มเลอะเลือน เห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็น ดอกบัว ลืมสิ้นข้ออรรถข้อธรรม
สู้ไม่ได้ก็พาลดึงพระสงฆ์องค์เจ้ามาแปดเปื้อน โดยหลงลืมไปว่า พฤติกรรมต่ำทรามเช่นนี้ เป็นชนวนทำให้หมู่สงฆ์แตกแยก "สังฆเภท" เป็นกรรมหนัก "อนัตตริยกรรม" ทีเดียวหล่ะ
ศึกษาร่ำเรียนพระไตรปิฎกมาก็มาก หัวจะผุเข้าโรงตายวันตายพรุ่ง ยังไม่ซาบซึ้งถึงแก่นแท้ของพระพุทธธรรม
หากเชื่อในกฎแห่งกรรมจริง คงไม่ปฏิบัติตนเยี่ยงซาตานในคราบนักบุญเป็นแน่
คิดจะเป็นคนคงแก่เรียน ต้องมีข้อวัตรที่เสมอต้นเสมอปลาย มือถือสาก ปากถือแก้วเมรัยกระดกต่างน้ำ อย่าเสนอหน้า ชั่วชีวิตเกิดมา เพื่อด่าสัตว์โลกหรือไงครับ พ่อนักปรัชญาสมองใส
ผมย้ำว่า กฎแห่งกรรมมีจริง
ด่าพระด่าสงฆ์เยี่ยงสามัญชน... วิเศษวิโสมาจากไหนกันว่ะ..?
อย่างไรพระคุณท่านหลายรูป ที่บุรุษน้ำเมา ผู้พกพาอวิชชาเป็นอาวุธทางปัญญา ก่นด่าสั่งสอนไว้หลายรูป พระท่านก็ยังถือศีลมากกว่านาย เป็นไหนๆ
ที่แน่ๆ ศีล 5 เนี่ยหล่ะ พระท่านไม่ฉันเหล้า จะมีก็พวกสมีเท่านั้น สุดท้ายก็ถูกสังคมสงฆ์กดดันให้สึก มีตัวอย่างให้เห็นดาษดื่น
เวรกรรมมีจริง... เกิดมาเพื่อเป็นนักด่า พอถูกชาวบ้านด่าบ้าง ก็ตบะแตกลุแก่โทสะ ตัณหา ราคะ สนุกมือสนุกปากมาเกือบปัจฉิมชีวิตแล้ว ก็รับบรรยากาศทุกข์ร้อน ที่ใส่สีตีไข่ ก่นด่าพระสงฆ์ ชาวบ้านชาวช่องไปบ้างละกัน
อย่าสำคัญว่าตนเอกอุ เก่งกว่าใครมากล้นด้วยบารมีจอมปลอม แล้วใครจะไม่กล้าเตะ หมดเวลาแหกตาชาวพุทธแล้ว
คนเราจะเป็นพ่อพิมพ์แม่พิมพ์คน ต้องมีจริยวัตรที่งดงาม เสมอต้นเสมอปลาย พิจารณาตนให้สะอาดทั้ง มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม เสียก่อน แล้วค่อยยกตนเป็นพ่อพิมพ์ทางพุทธศาสนา มิเช่นนั้นบุรุษน้ำเมา ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก แม่ปูสอนลูกปู.....
โซตัส