ปีที่ 2 ฉบับที่ 607 ประจำวันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 4 ปีเถาะ
หน้า 1
ตาม "พุทธทาส" นิพพานไม่สูญ เป็นธรรมที่มีเขตแดน เตือนคนตู่เหมาอนัตตา |
พุทธทาสชี้ชัด "นิพพาน" หมายถึงธรรมหรือเครื่องมือ หรือเขตแดน พึงมีอะไรที่ควรมี หรือการหลุดพ้นจากสภาพอันใดอันหนึ่ง อาทิ ทุกข์ทั้งปวง กิเลสทั้งปวง สังขารทั้งปวง แต่มิได้หมายถึงความสูญเปล่า ว่างเปล่าหรือไม่มีอะไรเลย ดังนั้นพวกที่ตีความนิพพานไม่มีสภาวะ หรือสูญสิ้นไป ไม่มีอะไรเลย เป็นการตู่พุทธศาสนา
ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องพระนิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา ความมีตัวตน มีภาวะนิพพาน ขอบเขตดินแห่งพระนิพพาน หรือไม่นั้น เป็นปัญหาที่ถกเถียงกันมาช้านานแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก แม้แต่หมู่สงฆ์ พระเถรานุเถระ ก็มีความเห็นว่า ไม่ควรนำมาพูด ในที่โล่งแจ้ง หากจะถกเถียงกัน ก็ไม่มีวันจบสิ้น อีกทั้งหลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระไตรปิฎก ก็มิได้ระบุไว้ว่า เป็นอัตตา หรืออนัตตา กันแน่ ดังนั้น พระภิกษุผู้ปฏิบัติตามพระศาสดา จะต้องลงมือปฏิบัติตามคำสอน ของพระองค์ จึงจะเป็นผู้รู้จริง เห็นแจ้งในพระนิพพาน
จึงเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์ หากจะมาถกเถียงกันเรื่องพระนิพพาน หากถามว่า ทำไม "มนุษย์" เกิดมาทำไม คำตอบที่ตรงที่สุด ตามหลักของพุทธศาสนา ก็คือ เกิดจากความไม่รู้ หรือ "อวิชชา" นั่นเอง
หนังสือผลงานหลายเล่ม ทั้งฝ่ายฆราวาส และพระภิกษุสงฆ์ ที่จัดพิมพ์ขึ้นมานั้น ปรากฏว่า มีความเห็นแบ่งเป็นสองฝ่าย ทั้งอัตตา และอนัตตา แต่หากพิจารณาให้ลึกๆ แล้ว จะพบว่า ความหมายระหว่างอัตตาและอนัตตา เป็นธรรมที่เกื้อหนุนกัน และหลายเล่ม มีการ แปลความไป เพื่อให้เข้ากับความคิดของตนเองก็มาก อย่างไรก็ตามผลงานหนังสือหลายเล่ม ของพระเกจิอาจารย์หลายรูป ต่างพูดถึง สภาวะพระนิพพาน มีอยู่จริง อย่างไรก็ดีเรื่องพระนิพพานละเอียดอ่อนมาก ผู้ที่ศึกษาจนเข้าใจพระนิพพานด้วยการเรียนปริยัติได้ ต้องมีความเพียงสูง
บางครั้ง ผลงานหลายอย่างของพระเกจิกลับถูกสังคม หรือปัจเจกบุคคลบางกลุ่ม บางคณะ ตีความผิดเพี้ยนไปก็มาก ยกตัวอย่างหนังสือของ ร.ต.อ. อนันท์ เสนาขันธ์ ผู้ล่วงลับ ก็เข้าใจผิดในหลักคำสอนของพระพุทธทาสภิกขุ วัดสวนโมกข์ฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถึงกลับออกหนังสือต่อต้าน พระพุทธทาสภิกขุ ว่าเป็นคำสอนของพวกเดียรถีย์ นับว่า เป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์
โดยผลงานหนังสือของพระพุทธทาสภิกขุ เรื่อง คู่มือมนุษย์ ฉบับย่อจากคำบรรยายอบรมผู้พิพากษา 2499 สำนักหนังสือพิมพ์ธรรมบูชา หน้า 19 นิพพาน แปลว่า ไม่มีเครื่องทิ่มแทง อีกอย่างหนึ่ง แปลว่า ความดับสนิทไม่มีเหลือ ฉะนั้น คำว่า นิพพานจึงมีความหมายใหญ่ๆ เป็น 2 ประการ คือ ดับไม่มีเชื้อเพลิงสำหรับจะเกิดมาเป็นความทุกข์อีกต่อไป นี่อย่างหนึ่ง และอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ ปราศจากความทิ่มแทง ความเผาลน ปราศจาก ความผูกพัน ร้อยรัดต่างๆ ทุกอย่างทุกประการ รวมความแล้ว ก็แสดงถึงภาวะที่ปราศจากความทุกข์โดยสิ้นเชิง
นิพพานยังมีความหมายที่มุ่งใช้ต่างๆ กัน อีกหลายอย่าง เช่นหมายถึง การดับของความทุกข์ก็มี หมายถึงการดับของกิเลสอย่างหมดสิ้นก็มี หมายถึง ธรรมหรือเครื่องมือหรือเขตแดน หรือสภาพอันใดอันหนึ่ง ที่ทุกข์ทั้งปวงกิเลสทั้งปวง สังขารทั้งปวง ดับไปหมดสิ้นก็มี นอกจากนี้ หนังสือ "ตัวกู ของกู" ของพระพุทธทาส หน้าที่ 227 มีเนื้อหาน่าสนใจดังนี้
ความดับแห่งตัวกูสิ้นเชิง ไม่มีเหลือ ที่เป็นความว่างอย่างยิ่งนั้นก็ดี ความดับแห่งตัวกู ที่ยังมีเชื้อเหลือ ซึ่งเป็นความว่างชนิดพอประมาณก็ดี ควรจะถูกมองเห็นเป็นสิ่งที่น่ากลัว หรือไม่น่ากลัวเพียงไร
ทั้งนี้มันขึ้นอยู่แก่ความเข้าใจผิด หรือความเข้าใจถูกต่อสิ่งๆ นี้เท่านั้น และควรจะจับใจความสำคัญให้ได้ว่า ว่าง ว่างนี้มีความหมาย หลายชนิด คำบาลี สุญญํ นั้นที่ถูกควรแปลว่า ว่าง แต่ที่มาแปลกันผิดว่า สูญเปล่านั้น ใช้ไม่ได้ ไม่มีประโยชน์อะไร เป็นความหมายที่ไกลกันอย่างยิ่ง หรือตรงกันข้ามทีเดียว
ที่ว่าว่าง ว่างนั้น มิได้หมายความว่า สูญเปล่าหรือ ไม่มีอะไร แต่หมายความว่า มีอยู่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ควรจะมี และใช้ประโยชน์อย่างยิ่ง ได้ทุกอย่าง หากแต่ว่า ว่างจากความรู้ว่า "ตัวกู ของกู" เท่านั้นเอง
ดังนั้นการที่แปลคำนี้ว่า สูญเปล่า หรือ การไม่มีอะไรนั้น เป็นการตู่พระพุทธศาสนา หรือถึงกับทำลายศาสนาของตนเอง โดยน้ำมือของ ผู้ที่อ้างตนเองว่า เป็นพุทธบริษัท นี้แหละ เป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง หาใช่สิ่งที่เรียกว่า ความว่าง เป็นสิ่งที่ไม่น่ากลัว
สำหรับข้อถกเถียงเรื่องพระนิพพาน พระธรรมปิฎก ได้จัดพิมพ์เอกสารหนังสือเรื่อง กรณีธรรมกาย มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า พระนิพพานเป็น อนัตตา ความไม่มีตัวตน แจกจ่ายอยู่ในช่วงเวลานี้