ปีที่ 2 ฉบับที่ 811 ประจำวันเสาร์ที่ 2 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542

หน้า 1

งงดร.เจิม ตื้บนักข่าว
เปิดสายถล่มคนข่าวพิมพ์ไทย
ท้ารบทุกเวที

พิมพ์ไทยท้ารบ ดร.เจิม เป็นงง เอาไปด่าในรายการเผาบ้านเผาเมือง เผยถ้ายังติดใจเจอกันเวทีไหนก็ได้ ไม่เคยกลัวคำถามแบบเด็กๆ ด้าน "ตือ-ไพบูลย์ เดินสายเฝ้าพระสังฆราช กราบพระธรรมปิฎก รมต.ศึกษายืนยัน พระปยุตทำถูกพระธรรมวินัย เผยถ้ากระทรวงออกกฎหมาย จะต้องมีสังฆาพิจารณ์ก่อน ด้านพระธรรมปิฎก ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้อง กม.หัวดำ คุมพระ ชี้ถ้ามีกฎหมายใหม่ออกมาต้องสอดคล้องกับพระธรรมวินัย และหลักไตรสิกขา

ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดบวรนิเวศวิหารว่า เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ตึกสว.ธรรมนิเทศ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายวิชัย ตันศิริ รมช. ศึกษาธิการ นายพนม พงษ์ไพบูลย์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา พร้อมด้วยข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เดินทางไปเข้าเฝ้า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ ครบรอบ 86 พรรษา ในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ 

"ตือ" เฝ้าพระสังฆราช
สมเด็จพระสังฆราช ได้ประทานพร แก่ผู้ที่เข้าเฝ้า โดยยกพุทธภาษิตที่พระพุทธองค์ ตรัสอวยพรไว้ว่า จงยินดีในความไม่ประมาท และยินดีในความมีสติปัญญา ควบคุมจิตใจ ในการกระทำการพูด การคิด ให้เป็นกายสุจริต วจีสุจริตและมโนสุจริต ให้ประกอบด้วยทั้งสามสุจริต ในการทำ การพูด การคิด ทั้งปวง โดยให้มีการสำรวม ข่มใจอยู่ตลอดเวลา ปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า ให้ประสบความดีความเจริญตลอดไป 

นอกจากนี้ สภากาชาดไทย ได้เปิดรับบริจาคโลหิต รวมทั้ง รพ.จุฬาลงกรณ์ ได้จัดหน่วยแพทย์มาให้การรักษาพยาบาล ตรวจสุขภาพให้กับประชาชนฟรี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ที่ตึก สว.ธรรมนิเทศด้วย

ห้ามพระใบ้หวย
นายสมศักดิ์เปิดเผยภายหลังการเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชว่า ตามที่กรมการศาสนาจะนำประกาศคณะสงฆ์ พ.ศ.2498 ที่ห้ามพระสงฆ์ ใบ้หวย และทำพิธีเชิงไสยศาสตร์ หากมีพระรูปใดฝ่าฝืน ให้พระผู้ปกครองสามารถจับสึกได้ทันที เนื่องจากประกาศคณะสงฆ์ดังกล่าว ไม่มีผลบังคับใช้ในปัจจุบัน เพราะมีมาตั้งแต่พ.ศ.2498 แต่ใน พ.ศ.2505 ได้มี พ.ร.บ.คณะสงฆ์ขึ้นมาใหม่ ซึ่งไม่ได้กำหนดเรื่องพระใบ้หวย ไว้ตามประกาศเดิม ดังนั้น จึงได้สั่งให้ นายไพบูลย์ เสียงก้อง นำประกาศคณะสงฆ์ พ.ศ.2498 เข้าพิจารณา ในที่ประชุม มหาเถรสมาคม (มส.) โดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้ประกาศออกมาเป็นกฎมส. ที่สามารถบังคับใช้ได้ในปัจจุบัน

ให้เลิกมอมเมาประชาชน
"การที่เร่งในเรื่องนี้ เพราะต้องการลงโทษพระสงฆ์ที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบของมส. โดยเฉพาะพระที่ชอบใบ้หวย และทำพิธีทางไสยศาสตร์ ซึ่งขณะนี้ มีแพร่หลายอยู่ทั่วประเทศ เพราะ การกระทำดังกล่าวถือว่า ขัดต่อหลักธรรมะ หรือหลักพระศาสนา และยังเป็การมอมเมาประชาชน ให้อยู่ในความลุ่มหลงในโชคลาภ ความเชื่อโดยคิดที่จะช่วยเหลือตัวเอง" รมว.ศึกษาธิการกล่าว

ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่วัดญานเวศกวัน นายสมศักดิ์ และนายไพบูลย์ เสียงก้อง ได้เดินทางไปกราบนมัสการ พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) เจ้าอาวาสวัดญานเวศกวัน โดยนาย สมศักดิ์ กล่าวว่า ตนและคณะได้เดินทางมาเพื่อให้กำลังใจ และสอบถามเกี่ยวกับกรณีที่พระธรรมปิฎก ถูกโจมตีว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการออก พ.ร.บ.คณะสงฆ์ และ พ.ร.บ.อุปถัมภ์ และคุ้มครองพระพุทธศาสนา

รวมทั้งคำกล่าวหาว่า พระธรรมปิฎกอยู่เบื้องหลังการล้มล้างพระพุทธศาสนา โดยกระทรวงศึกษาธิการ มั่นใจในแนวทางการชี้แนะของพระธรรมปิฎกต่อสังคม ซึ่งเป็นแนวทาง ที่ตรงกับหลักของพระศาสนา และพระพุทธองค์ อยู่ในครรลองของพระธรรมวินัย

พระธรรมปิฎกไม่เกี่ยวกม.สงฆ์
ทั้งนี้ ตนได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว พบว่า ท่านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องตามที่ถูกกล่าวหา พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ ดังกล่าว เป็นความคิด ของคณะกรรมาธิการการศาสนา ตนยอมรับเรื่องดังกล่าว ยังได้เกี่ยวพันกับกระทรวงศึกษาฯ แต่เรื่องที่ให้ฆราวาสปกครองพระ กระทรวงศึกษาฯ ตระหนักดีว่า จะต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งจะต้องมีการกระทำสังฆาพิจารณ์ เพื่อให้ พ.ร.บ.ออกมาในทิศทางเดียวกัน

ด้านพระธรรมปิฎกกล่าวว่า การออกพ.ร.บ.คณะสงฆ์จริงๆ แล้ว ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้น เพราะมีการเคลื่อนไหวมาประมาณ 20-30 ปี ซึ่งราชการและพระเอง ก็อยากให้มีการ แก้ไข ปรับปรุงให้ทันกับเหตุการณ์ ที่สำคัญเนื้อหาของกฎหมาย ที่บังคับใช้ไปแล้ว หรือปฏิบัติไปแล้ว อาจเห็นข้อบกพร่อง จึงมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง พ.ร.บ.ดังกล่าว แต่ก็ไม่สำเร็จสักที อาตมาจึงไม่ได้สนใจ

กม.ใหม่ต้องไตรสิกขา
พระธรรมปิฎกกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม หากมีการร่าง พ.ร.บ.ขึ้นใหม่ จะต้องจับสาระที่สำคัญเกี่ยวกับชีวิตของพระสงฆ์ เรื่องการบวชเรียน ไตรสิกขา หากกฎหมายคณะสงฆ์ ยังจับตรงนี้ไม่ได้ แม้จะมีกฎหมายออกมากี่ฉบับก็ไม่มีประโยชน์ เพราะไม่ตรงกับจุด แต่ไปยุ่งอยู่ที่เปลือก

"เวลานี้ การปกคองคณะสงฆ์แตกออกเป็นเสี่ยงๆ หากเรารู้เป้าหมายร่วม ก็สามารถประสานได้ เช่น การปกครอง การเผยแพร่ และสาธารณูปการ ซึ่งไม่รู้ว่า วัตถุประสงค์ที่แท้จริง ต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน ดังนั้น ต้องเน้นสิกขาให้กับพระ เพื่อพัฒนาคุณภาพของประชาชน หากฟื้นไม่ได้ การที่มีกฎหมายต่างๆ ออกมา ก็จะไขว้เขว เพราะไปเน้นที่รูปแบบ และอำนาจ ทำให้เศรษฐกิจหรืออะไรก็ตาม ไปไม่รอด หากเราไม่สามารถพัฒนาคุณภาพของคน" เจ้าอาวาสวัดญานเวศกวันกล่าว

แซวผู้กล่าวหาได้ระบายโทสะ
พระธรรมปิฎกยังกล่าวถึงกรณีที่มีผู้กล่าวหาว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการออก พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ ด้วยว่า ท่านที่มากล่าวหาอาตมา รู้สึกเห็นใจว่า อาจเกิดความกระทบกระทั่งทางจิตใจ ทำให้ไม่สบายใจ ดังนั้น หากให้ระบายออกมาบ้างก็ดี แต่การระบายควรมีการควบคุมตนเองให้อยู่ในธรรมะ ไม่ละเมิดความสุจริต และย้ำอยู่เสมอว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจาก 2 ประเด็นคือ พระธรรมวินัยว่า อย่างไร เป็นอย่างไร และบุคคลหรือองค์กรกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทำผิดพระธรรมวินัยหรือไม่ ทั้งนี้ พระธรรมวินัยเป็นของชัดเจน และมีหลักอยู่แล้ว หากประชาชนมั่นคงในศาสนา ก็จะรู้ว่า อะไรเป็นเกณฑ์ตัดสิน พระธรรมวินัย แต่ปัญหาที่วุ่นวายเกิดจาก 2 ข้อดังกล่าว ที่ไม่มีความชัดเจน เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น คณะสงฆ์ มีหน้าที่จะต้องชี้แจงทันทีว่า พระธรรมวินัยคืออะไร จากนั้น จึงค่อยดำเนินการสอบสวนตัวบุคคลว่า ทำผิดหรือไม่

หนุนเลิกใบ้หวย
ส่วนกรณีพระใบ้หวย เป็นการทำให้คนอ่อนแอ ไม่มีความขยันหมั่นเพียรเพราะไปเชื่อโชคลางภายนอก ทำให้เป็นปัญหาอย่างมาก ทั้งนี้ พ.ร.บ.คณะสงค์ 2505 ไม่ได้ยกเลิกคำสั่ง ประกาศคณะสงฆ์ 2498 ที่ห้ามในเรื่องของพระใบ้หวย ในแง่ของกฎหมาย หากประกาศคณะสงฆ์ 2498 ถูกยกเลิกจริง มส.ก็จะต้องออกคำสั่งใหม่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพราะก็เคยมีมาแล้ว แต่หากดำเนินการควบคุมเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องการให้ศึกษาควบคู่กันไปด้วย เนื่องจากพระมีหน้าที่สอนคนให้พึ่งตนเอง ไม่หวังผลจากการดลบันดาล แต่ให้มุ่งที่การกระทำ และความเพียรเป็นสำคัญ

ปัจจุบัน พระไม่มีความรู้สั่งสอนประชาชน บางองค์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า พระใบ้หวยอยู่ในหลักของพุทธศาสนาหรือไม่ พระไม่มีความสามารถสอนประชาชนตามหลักการ ของพระพุทธ ศาสนา ในส่วนของประชาชน เมื่อพระไม่ให้การศึกษา ก็เคว้งคว้าง หวังได้โชคลาภทางลัด ทำให้สังคม อ่อนแอ หากพระมีการศึกษาจะทำให้ประชาชนมีกำลังเข้มแข็ง มีสติปัญญา ไม่ใช่มุ่งไปที่การบูชายัญ หรืออะไรจะสำเร็จก็มุ่งไปที่เทพเจ้า

ผอ.ทบ.ไม่ยุ่ง ดร.เบญจ์
ภายหลังเข้าเฝ้าสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงเรื่องที่ชมรมพุทธศาสน์ ๓ เหล่าทัพ เข้าไปจำหน่ายหนังสือของ ดร.เบญจ์ บาระกุล ในวัดพระธรรมกาย ซึ่งขณะนี้ ดร.เบญจ์ ถูกตรวจสอบโดยกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากมีการเขียน บทความกล่าวหาพระธรรมปิฏก ให้เสื่อมเสียชื่อเสียง โดย พล.อ.สุรยุทธ์ เปิดเผยว่า ยังไม่ทราบเรื่องและเรื่องนี้ไม่ขึ้นกับทางทหารบก จึงไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ คงต้องเป็น หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะเข้าไปตรวจสอบ ถ้าผิดกฏหมายก็เป็นหน้าที่ของตำรวจต้องดำเนินการตามความผิดนั้นๆ ทั้งนี้ ในส่วนของทหารหากจะลงโทษ หรือต้องออกจาก ตำแหน่งต้องดูความผิดว่าเป็นระดับใด


เปิดใจแค่หมั่นไส้
ด้านผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทย ที่ถูกดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง กล่าวหาในรายการเพื่อบ้านเพื่อเมือง เมื่อวานนี้ ได้กล่าวว่า ที่ตนไปพูดในรายการเสวนาดังกล่าวนั้น เป็นเพราะรู้สึกว่า การจัด รายการไม่มีความเป็นกลาง มุ่งโจมตีฝ่ายตรงข้าม คือ พระเถระผู้ใหญ่ และวัดพระธรรมกายมากเกินไป อีกทั้งมีการตั้งประเด็นว่า "ใครทำลายศาสนา" แต่บรรดาวิทยากร ไม่สามารถสรุปผลออกมาได้ว่า ใครกันแน่เป็นผู้ทำลาย

สรุปประเด็นให้กลับไม่พอใจ
"ผมในฐานะสื่อมวลชนคนหนึ่ง ที่ทำข่าวมา 10 กว่าปี เห็นลีลาของวิทยากรที่พยายามพูดวกไปวนมาจนน่าเวียนหัว ก็เลยพูดสรุปประเด็นแทนให้ โดยได้กล่าวว่า เวทีที่จัดให้ ฆราวาส มานั่งด่าพระนั่นแหละ เป็นผู้ทำลายศาสนา ซึ่งผมเชื่อมั่นว่า ที่กล่าวไปนั้นเป็นเรื่องถูกต้อง เพราะเรื่องของพระ เราควรให้พระตัดสินกันเอง แต่นี่ฆราวาสกลับ พยายาม เข้าไป แทรกแซงวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ ทุกอย่างมีกระบวนการแก้ไขอยู่แล้ว ทำไมอดใจรอกันไม่ได้ จะกระอักเลือดตายกันหรืออย่างไร"

ผู้สื่อข่าวคนเดิมกล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องที่ดร.เจิมศักดิ์ออกรายการโจมตีตนนั้น ตนไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไร เพราะเป็นปกติวิสัยที่ดร.เจิมศักดิ์ จะด่าคนอื่น ถ้าใครดูรายการ ตามหาแก่นธรรม จะเห็นประเด็นสร้างสรรค์ของดร.เจิมศักดิ์อยู่เสมอ ใครพูดไม่ถูกใจในประเด็นที่ ดร.เจิมศักดิ์ตั้ง เขาก็จะตั้งคำถามสวนกลับมา จนคนพูดสะดุด อย่างตน ก็ถูกถามว่า ความเป็นกลางของคุณคืออะไร ผมขี้เกียจอธิบาย ดร.เจิมศักดิ์ก็หาว่า ผมเล่นลิ้น ซึ่งผมก็ตอกกลับ ไปว่า เล่นลิ้นไม่เก่งเท่าอาจารย์หรอก เรื่องก็น่าจะจบกันไป

ดร.เจิมติดใจพร้อมเจอทุกเวที
แต่นี่ดร.เจิมศักดิ์ กลับเอาเรื่องเพียงเล็กน้อย ไปด่าตนออกอากาศ เหมือนกับต้องการเอาเรื่อง ขนาดไปไล่ถามนักข่าวในสภาว่า ผมคือใคร มาจากไหน ใครอยู่เบื้องหลัง ให้มาพูด แสดงว่า ดร.เจิมศักดิ์ยังติดใจ ถ้า ดร.เจิมศักดิ์ ข้องใจ อยากจะโต้วาทีกับผม จะเป็นเวทีไหนก็ได้ ขอให้บอกมาเลย ผมไม่กลัว ดร.เจิมศักดิ์ จะเล่นลิ้นแบบเก่า เพราะจับทาง ได้นานแล้ว เป็นเกมแบบเด็กๆ เขาเล่มกันเท่านั้นเอง


[หน้าหลัก][หน้า1][เจาะคน][สหัสวรรษ][วิวาทะ]