ปีที่ 2 ฉบับที่ 811 ประจำวันเสาร์ที่ 2 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542

สหัสวรรษที่ 3

การได้มาซึ่งความยุติธรรม คนทั้งโลกก็ต้องสู้ด้วยชีวิต

ผมเพิ่งจะมาเข้าใจว่า ทำไมคนกลุ่มหนึ่งถึงสนใจการเมืองเป็นชีวิต เพราะการเมืองเท่านั้น ที่เป็นแหล่งกำเนิดของอำนาจรัฐอำนาจสูงสุด ในประเทศที่สามารถบันดาลได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งอำนาจวาสนา บารมี สามารถพลิกชีวิตคนธรรมดาให้กลายเป็นมหาเศรษฐี กลายเป็นผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ กลายเป็นมนุษย์เหนือมนุษย์

มิน่าเล่า หลายคนจึงยอมทิ้งทุกอย่างในชีวิต เพื่อให้มีอำนาจทางการเมือง เพราะบางคนแม้จะมีพฤติกรรมจริง เลวทรามต่ำช้าอย่างไร แต่อำนาจทางการเมืองก็สามารถบันดาลให้กลายเป็นคนดีไปที่ไหน ก็มีแต่คนยกย่องสรรเสริญกราบไหว้โค้งคำนับ

ยุคใดก็ตามที่ผู้มีอำนาจเป็นผู้มีความเป็นโจรในหัวใจ เป็นผู้กว้างขวางเป็นอันธพาล เป็นมาเฟียที่ปกครองแผ่นดินด้วยอำนาจมืด กลุ่มบุคคลเหล่านั้นก็จะใช้อำนาจรัฐ ใช้อาวุธของรัฐ ใช้ทรัพย์สินของรัฐเพื่อปกป้องอาณาจักรของตัวเอง ฐานอำนาจของตัวเอง

ที่ผมพูดนี่ ผมไม่ได้หมายถึงประเทศไทยหรอกนะครับ ไม่กล้าหรอก

แต่ที่ผมกำลังจะเล่านี้ เป็นเรื่องจิตวิญญาณของการต่อสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมของโลก ผมดูแล้วไม่ว่าประเทศไทยก็เหมือนกัน การที่ต้องลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจรัฐ เพราะต้องการความยุติธรรม ทั้งที่ขบวนการอันยิงใหญ่และกลไกของรัฐ อันมีอำนาจมากมายมหาศาล

แต่วีรบุรุษของโลก ก็เกิดในทุกประเทศ บรรดานักต่อสู้ที่ไม่ยอมเป็นปลาตายว่ายตามน้ำ ไหลไปตามกระแส ยอมเป็นปลาว่ายทวนน้ำที่โดดเดี่ยว หัวเดียวกระเทียมลีบ สู้ท่ามกลางกระแสไหลบ่าของความชั่วร้าย กำลังท่วมประเทศ

ที่พูดนี้ ก็มิได้ตั้งใจจะยกย่องชาวพิมพ์ไทยที่ว่ายทวนกระแส ทวนวงการว่ายทวนอำนาจรัฐ สู้ยิบตาทั้งที่อะไรที่มีอำนาจสุดในรัฐ ก็อยู่ฝั่งตรงข้ามทั้งสิ้น เพราะเดี่ยวจะหาว่าชื่นชมกันเอง แต่ผมกำลังเล่าว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองไทยตอนนี้ เหมือนกับภาพยนตร์จากทีเอ็นที ที่ผมดูจากทีวีเมื่อคืนวานซืนก่อน ดูเสร็จนอนไม่หลับเลย เพราะเหมือนจริงๆ

วิญญาณต่อสู้ของสื่อมวลชนคนเดียว สู้กับอำนาจรัฐทั้งหมดตั้งแต่ประธานาธิบดีลงมา กระบวนการศาล ลูกขุน กองทัพทั้งกองทัพ นักวิชาการ แม้กระทั้งประชาที่ถูกปลุกปั่นให้มาแสดงม็อบโหดเหี้ยมทั้งประเทศ ไล่ล่าทำร้าย ปิดข่าว สร้างข่าวเท็จ ปลุกระดมทั้งประเทศทั้งๆ ที่สื่อมวลนนั้น กำลังทำหน้าที่ปกป้องนายทหารบริสุทธิ์คนหนึ่ง ที่ทำความดีมาตลอดชีวิต แต่ถูกใส่ร้ายจากเพือ่ร่วมอาชีพ

หนังเรื่องนั้นชื่อ "The life of Emile Zola (1973)" เป็นภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ชีวิตจริงของนักหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส ที่ดังระดับโลก คือ เอมิลโซล่า เป็นเรื่องจริงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ผมนั่งดูโดยบังเอิญ เพราะภาพยนตร์สร้างดีเยี่ยมน่าสนใจ ยิ่งดูยิ่งตื่นเต้นน่าติดตาม ตอนที่เริ่มดูประมาณเที่ยงคืนวันพุธนี้เอง

ดูแล้วนึกถึงเรื่องราวของวัดพระธรรมกายที่ถูกใส่ร้าย กลั่นแกล้ง ภาพที่ถูกสร้างไปทั่วประเทศ กลายเป็นผู้ร้าย กลายเป็นพระไม่ดี เป็นวัดที่มอมเมากลายเป็นอาชญากรในสายตาของคนทั้งประเทศ ไปพูดกับใครทุกคนก็ไม่เชื่อ เพราะสมองถูกล้างด้วยข่าวข้างเดียวมาหนึ่งปีเต็ม 

เอมิล โซล่า คือนักหนังสือพิมพ์คนดัง ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งที่ไม่อยากจะเกี่ยวข้อง เมื่อภรรยาของนายทหารที่ถูกใส่ความจากวงการทหารว่า เป็นคนขายชาติ ได้มาคุกเข่าร้องไห้ขอร้อง แต่เอมิล โซ่ล่า เป็นนักเขียนคนดังระดับประเทศ ปฏิเสธอย่างไม่ใยดี เพราะข่าวที่เคยได้รับจากการอ่านหนังสือพิมพ์ก็คือ นายทหารคนนี้เป็นคนทรยศต่อชาติ และศาลทหารได้ตัดสินเรียบร้อยและไล่ให้ภรรยานายทหารผุ้เคราะห์ร้ายออกไปจากบ้าน

และทุกแหล่งข่าวที่เขาเช็คไป ทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อย่าไปเกี่ยวข้อง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องระดับสูงในวงการทหาร และจบไปแล้ว แต่ภรรยานายทหารผู้นี้ ก็ไม่ละความพยายามที่จะต่อสู้เพื่อชีวิตของสามีผู้บริสุทธิ์ จนในที่สุดไปได้หลักฐานแน่ชัดว่า ถูกใส่ร้ายกลั่นแกล้ง

เธอก็มาคุกเข่าอ้อนวอนต่อโซล่าผู้หยิ่งทะนงอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับวางพยานหลักฐานไว้ข้างหน้าแต่เอมิล โซล่า ก็ยังไม่แยแส เพราะในสมองของเขาก็คิดว่า นายทหารผู้นี้ผิดตามกระแสของชาวปารีสยุคนั้น แต่ทันทีที่ภรรยาผู้เศร้าสร้อยลาไป พร้อมกับความผิดหวังอีกครั้ง โซล่าก็บังเอิญเหลืออ่านพยานหลักฐานหน้าแรกก็ตกใจ เพราะพิสูจน์ได้ว่า ถูกใส่ร้ายจริง

จากวันนั้น โซล่าก็เริ่มค้นคว้าหาความจริง ก็ยิ่งตกใจ แต่ไม่ว่าจะไปหาใครทุกคนก็ส่ายหน้า และเตือนไม่ให้โซล่าเข้าไปเกี่ยว เพราะทุกคนในปารีสถูกใส่สมองว่า ชายคนนี้ผิดจริงทั้งประเทศ ด้วยอำนาจสื่อ ขบวนการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ ขบวนการของนายทหารสูงสุด แม้กระทั่งประธานาธิบดีก็เห็นสอดคล้องกัน

เท่านั้นเอง เลือกนักหนังสือพิมพ์ที่ต้องต่อสู้เพื่อความบริสุทธิ์ยุติธรรมก็เต็มตัว แม้ขณะนั้นเขาจะอายุมากแล้ว แต่เขาก็ได้ตัดสินใจแล้วว่า ถึงจะเป็นอะไรก็ต้องต่อสู้ แม้จะต้องสู้กับคนทั้งชาติ สู้กับอำนาจรัฐที่สูงสุดทั้งประเทศ เขาจึงเริ่มเขียนขึ้นหน้าหนึ่ง โจมตีกระบวนการยุติธรรม โจมตีอำนาจรัฐ โจมตีขบวนการสกปรกที่เกาะกินทั้งประเทศ คุมทุกอย่างอยู่ในมือ

เท่านั้นเอง โซล่าก็กลายเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของชาติ วงการทหารสูงสุดประชุมด่วน สั่งใช้อำนาจรัฐเข้าทำลาย สร้างม็อบประชาชน ด่ากราดคอยทำร้ายขว้างปา สื่อทุกฉบับรุมเล่นงานโซล่าคนเดียว และเขาก็ถูกจับขึ้นศาล และลูกขุน ซึ่งเต็มไปด้วยพรรคพวกของผู้มีอำนาจรัฐ

หนังเรื่องนี้สร้างได้ดีมาก การต่อสู้ในศาลซึ่งโซล่ากับทนายสู้อย่างงดงามสุดชีวิต โซล่าพูดได้ลึกซึ้งกินใจแทบทุกคำ แต่สุดท้ายถูกตัดสินให้แพ้ตามที่ถูกวางระบบไว้หมด โซล่าตัดสินใจหนีไปเกาะอังกฤษ และเขียนเรื่องสู่โลกภายนอก กลายเป็นข่าวฮือฮาไปทั่วโลก โลกทั้งโลกหันมาจับาฝรั่งเศส และผู้ปกครองทั้งหมด จนอับอายทั้งประเทศ

สุดท้ายเกิดพลิกล็อค เปลี่ยนผู้บริหารประเทศชุดใหม่ สั่งสอบสวนเรื่องราวใหม่หมด ตัวการจริงฆ่าตัวตาย นายทหารใหญ่ถูกปลดทั้งกองทัพ เพราะร่ามรู้เห็นเป็นใจ ปกป้องคนผิด ผู้ถูกกล่าวหาถูกปล่อยตัว คืนยศ และฉลองอย่างยิ่งใหญ่ กลายเป็นข่าวไปทั่วโลก ชาวปารีสตาสว่าง

แต่เอมิล โซล่า ถูกวางยาเสียชีวิต เมื่อตอนจะเดินทางไปร่วมพิธีฉลองชัยชนะ

สิงห์ขาว


[หน้าหลัก][หน้า1][เจาะคน][สหัสวรรษ][วิวาทะ]