ปีที่ 2 ฉบับที่ 813 ประจำวันจันทร์ที่ 4 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542

วิวาทะ

จอดป้ายพิมพ์ไทย ลืมได้เลยเรื่องป้ายสี มีแต่ป้ายสัตย์ (ไม่ใช่สัตว์)

ระยะนี้ดู "เสี่ยเถียน" ออกจะมั่นใจต่อบทบาทการปกป้องพระพุทธศาสนา เอาเสียมากๆ ได้น้ำดีอะไรมาอีกล่ะคราวนี้

ผมไม่อยากจะพูดถึงคนพรรค์นี้สักเท่าไหร่ เพราะเซ็งขี้หน้าที่บังอาจจ้วงจาบองค์ประมุขสงฆ์ เป็นอันว่าเรามาคุยถึงเรื่องธรรมะล้วนๆ และพระพุทธศาสนาโดยรวมกันดีกว่า โดยเฉพาะบทบาทของพุทธบริษัท 4 

ความเห็นเกี่ยวกับความหลุดพ้นในพระพุทธศาสนา นิพพานจะมีสภาพเป็นอะไรกันแน่ ไม่ใช่คำถามที่เพิ่งหยิบยกมาทุ่มเถียงกัน หากแต่มีการพูดถึง จนกลายเป็นความเห็น แตกแยก ออกเป็นสอง ระหว่าง อัตตา กับ อนัตตา

พระสงฆ์ท่านก็รู้ถึงความเห็นที่แย้งกันอยู่ในที แต่ด้วยความเป็นพุทธจักร ที่มีพระธรรมวินัย เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว แม้จะมีความเห็นไม่ตรงกัน ก็ไม่มีพระรูปใด นำมาเป็นประเด็น ถกเถียงกัน เหมือนกับความขัดแย้งทางราชอาณาจักร

แต่ช่วงนี้มีพระภิกษุสงฆ์หลายรูป กำลังมีข้อวัตรปฏิบัติ เฉกเช่น พฤติกรรมฝ่ายราชอาณาจักร และมองว่าการยึดถือพฤติกรรมวางเฉยเรียบง่าย อย่างพุทธจักรเก่าล้าสมัยไปเสียแล้ว 

ความเชื่อเกี่ยวกับพระนิพพานจึงถูกหยิบยกมาเป็นประเด็น จนหลายฝ่ายมองว่า เป็นเรื่องของวิชาการที่มีเหตุผลในการรับความเชื่อต่างกัน

โดยส่วนตัวผมยังคงขบคิดถึงกรณีที่ว่า หากนิพพานเป็นสัพเพธรรมมาอนัตตา รวมอยู่กับธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไม่เว้นแม้แต่ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นิพพานรวมอยู่ในนั้น ด้วย ผมเชื่อว่ามีชาวพุทธจำนวนไม่น้อย จะสับสนกับคำสอนในพระพุทธศาสนา

การตีความหมายเอานิพพานเป็นอนัตตา ไม่มีตัวตน ไม่เที่ยงไปแล้ว

พระนิพพาน จะเป้นบรมสุขได้อย่างไรกันล่ะเพ่ !

ในเมื่อเหมาเอาพระนิพพานเป็นธรรมทั้งหลายทั้งปวง จากประโยคข้างต้นเพียงประโยคเดียวจากพระไตรปิฎก รวบหัวรวบหางฟันธงลงไปเลยว่า นิพพานต้องมีสภาพเป็นอนัตตา ทันทีทันใด

หากคิดเห็นอย่างนี้ ท่านต้องทำลายความเห็นที่ว่า นิพพานเป็นโลกุตตรธรรม มันจะยุ่งกันไปใหญ่

ผมอ่านหนังสือพุทธธรรม ของพระธรรมปิฎก ที่ว่า ปลากับเต่าทุ่มเถียงกัน ถึงเรื่องแผ่นดิน และเรื่องน้ำ

พระที่ไม่เคยรู้แจ้งเห็นจริง หรือยังไม่เชื่อมั่นในเรื่องนรกสวรรค์ หรือพรหมโลก ยมโลก เราเรียกพระเหล่านี้ว่า "สมมติสงฆ์" ส่วนพระที่รู้เห็นถึงเขตชั้นพรมแดนข้างต้นแล้ว เรียกว่า "พระอรหันต์"

ลองไปอ่านหนังสือพุทธธรรมดูเถิดครับ ปลามันจะมารู้เรื่องดีกว่าเต่าไปได้อย่างไร แค่เต่าพูดถึงเรื่องแผ่นดิน ปลาก็ตะเพิดใส่หน้าเต่าว่า เป็นผู้ ป้ายสี โกหก ตอแหล

จะถือโทษโกรธปลาให้เมื่อตุ้มไปทำไมล่ะครับ

แต่ถ้าไม่ชี้แจ้งเพื่อสัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบจะเกิดขึ้นได้ วันๆ ก็เอาแต่จับผิดผู้อื่นเป็นอารมณ์ สำคัญแต่ภูมิธรรมของตัวถ่ายเดียว ยกตนข่มผู้อื่น

ไร้สาระ ไม่เป็นเรื่องที่ประเทืองปัญญา

ที่สำคัญพระไตรปิฎก ไม่ได้ระบุไว้ด้วยว่า การจ้องจับผิดผู้อื่น ทั้งที่กิจของหมู่คณะตนพึงจะยึดถือปฏิบัติ เพื่อความหลุดพ้นยังไม่แล้ว จะเสนอหน้าไปข้องเกี่ยวชี้นำ แทรกแซงกิจการ ของผู้อื่น เขาให้ขายหน้าไปทำไม

รู้ทุกเรื่อง เก่งทุกเรื่อง สึกหาลาเพศมานั่งก่งก๊งทำไมล่ะเพ่

ทุมมังกุ กว่ากันเยอะเลยตัวเอง

ป้ายสี บิดเบือน คำยอดฮิต มีหลายคนกล่าวหา "พิมพ์ไทย" อย่างนั้น แม้แต่นายหัวนวย ณ ภูเขาทอง ส.ส.ประชาธิปัตย์ ก็ยังอดชี้หน้านักข่าวพิมพ์ไทยไม่ได้ เพราะนักข่าวหัวเห็ด คนนั้น เขาพูดแบบตรงไปตรงมาว่า นักการเมืองไล่พระออกจากป่า และก็นักการเมืองเนี่ยแหละ มักจะอยู่เบื้องหลังการตัดไม้ทำลายป่า

บิดเบือนครับ พิมพ์ไทย บิดเบือน ก็คำพูดที่เป็นจริงใดเล่า จะหวานหูไม่รู้หาย แต่การพูดของพวกฝนตกขี้หมูไหล สร้างภาพเพื่อความอยู่รอดของหมู่คณะพรรคพวกตัวเองต่างหาก มันช่างหวานหยดย้อยเสียนี่กระไร

"ปากหวานก้นเปรี้ยว" (พวกนี้ไม่บิดเบือน ใช่ไหมขอรับ เพียงแต่พูดไม่หมดเท่านั้น)

พิมพ์ไทย ถูกกล่าวหาว่าบิดเบือน เชื่อถือไม่ได้ ผมจำได้ว่า อำนวย สุวรรณคีรี เคยให้สัมภาษณ์มาก่อนหน้านี้ 4-5 เดือน และว่าเราเป็นสื่อที่ไม่สามารถชี้นำสังคมได้ คงไม่ต้องไป สนใจ

ป้ายสี บิดเบือน คำยอดฮิตที่หลายคนกำลังพุ่งเป้ามาที่หนังสือพิมพ์ไทย สักวันเวลาจักเป็นเครื่องพิสูจน์ ให้สังคมได้รับรู้ว่า ใครกันแแน่ที่มุสาวาท กินคำโต แหกตาประชาชน

จะดีจะชั่วอย่างไร ผมว่าคนพิมพ์ไทยทุกคน ก็ไม่เคยคิดอัปรีย์ ปลดพระสังฆราชฯ ออกจากตำแหน่งประมุขสงฆ์ เพื่อยุติปัญหาธรรมกาย

นิ้วเป็นฝีเม็ดเล็กๆ เม็ดเดียว คิดอัปรีย์ตัดนิ้วทิ้งเชียวหรือ

ผมจำไม่ได้แล้วว่า คนๆ นั้นเป็นใคร เอาหัวอะไรมาคิดแทนหัวสมอง ชี้หน้าด่าผู้อื่น ทุมมังกุ ตัวเองนั้นแหละ รากเหง้าเขาเรียกว่า มหาทุมมังกุ ทีเดียวล่ะพ่อคุณรุน (แม้ไม่มี) ช่อง!

ประกาศเพื่อทราบ ที่นี่พิมพ์ไทย เรื่อง "ป้ายสี" เราไม่ชอบ เพราะเราได้ฝังรากลึก ปักหลักไปแล้วว่า ที่นี่พิมพ์ไทย มีแแต่ "ป้ายสัตย์" ไม่ใช่สัตว์ !

โซตัส


[หน้าหลัก][หน้า1][วิวาทะ]