ปีที่ 2 ฉบับที่ 819 ประจำวันอาทิตย์ที่ 10 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 |
"จำนงค์ สวมประคำ" ซี 10 รัฐสภาเตือนไม่ควรร่างกฎหมายอุปถัมภ์และคุ้มครอง พระพุทธศาสนาออกมา มีแค่ พ.ร.บ.สงฆ์ ก็น่าจะพอแล้ว แฉ พ.ร.บ.คุ้มครอง
ก่อให้เกิดความ
ซ้ำซ้อนระหว่างกฎหมายบ้านเมืองกับคณะสงฆ์ เช่น คณะกรรมการระดับชาติ จะซ้ำซ้อนกับมหาเถรสมาคม ถ้าเกิดข้อพิพาทขึ้นมา ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบดูแล
และเป็นสาเหตุที่
ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นกฎหมายหัวดำคุมพระ วิเคราะห์กฎหมายใหม่มีสมมติฐานมองพระสงฆ์ว่า ชั่วร้าย จึงร่างกฎหมายแบบนี้ออกมา
นายจำนงค์ สวมประคำ รองเลขาธิการวุฒิสภา เปิดเผยว่า เรื่อง พ.ร.บ.สงฆ์ฉบับใหม่ และ พ.ร.บ.คุ้มครอง และอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่นั้น
มีประเด็น
หลายเรื่องที่ยังเป็นปัญหาอยู่ โดยเฉพาะประเด็นที่ นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสสร. ที่เคยวิเคราะห์ออกมา 20 กว่าข้อ
ในเรื่องอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ
อุปถัมภ์และ คุ้มครอง
พระพุทธศาสนา ที่มีการตั้งขึ้นมาซ้ำซ้อนกัน
ดังเราจะเห็นได้ว่า คณะกรรมการระดับชาติฯ ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน โดยตำแหน่ง จะมีอำนาจหน้าที่ซ้อนกับมหาเถรสมาคม
ส่วนกรรมการระดับ
จังหวัดก็จะมีอำนาจซ้ำซ้อนกับเจ้าคณะจังหวัด จึงอยากถามเหมือนกันว่า เมื่อเวลามีข้อพิพาทขึ้นมา ใครกันแน่ที่จะมีอำนาจดูแล ซึ่งในเรื่องนี้ เป็นตัวชี้ ให้เห็นว่า
ฆราวาส จะมี
บทบาทเข้ามาปกครองพระสงฆ์
ส่วนเรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการการจัดการทรัพย์สิน ตาม พ.ร.บ.ฉบับใหม่ ก็จะซ้ำซ้อนกับกรมการศาสนา ที่มีกองดูแลศาสนสมบัติกลางอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม
เราจะต้องให้
ความเป็นธรรมกับผู้ร่างกฎหมายด้วย โดยมองว่า การตั้งคณะกรรมการจัดการทรัพย์สินขึ้นมา อาจจะดีต่อพระศาสนาก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคนที่เข้ามาทำหน้าที่ เช่น
หาก คณะกรรมการได้มา อาจจะนำเงินเข้าไปบูรณะซ่อมแซมศาสนสถาน หรือแม้แต่อาจจะสร้างวัดขึ้นมาเองก็ได้
นายจำนงค์กล่าวต่อไปว่า ข้อเสียของกฎหมายสงฆ์ใหม่ก็คือ การไม่ถามความเห็นจากพระก่อน เพราะพระคือผู้เสียหายโดยตรง การที่อยู่ ๆ ก็มีการร่างกฎหมายออกมาเลย โดยไม่สนใจว่า พระจะเห็นด้วยหรือไม่ จะสร้างปัญหาภายหลัง หรืออย่างน้อยก็ควรจะผ่านความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมก่อน
อีกประเด็นหนึ่ง ที่น่าจะพิจารณาก็คือ อย่างคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่เป็นโดยตำแหน่ง เช่น อาจจะมาจากปลัดกระทรวงมหาดไทย ข้าราชการประจำอีกหลายท่าน ถ้าคนเหล่านั้น ไม่ใช่คนพุทธ จะเป็นปัญหาหรือไม่ ก่อนหน้านี้ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ก็เคยเป็นคริตส์ หรืออย่างประธานกรรมาธิการศาสนาฯ ก็เป็นอิสลาม เวลาประชุมเรื่องของพุทธศาสนา ก็อึดอัด
"จริงๆ แล้ว ผมเห็นว่า ไม่ควรมี พ.ร.บ.อุปถัมภ์ออกมา มีแค่ พ.ร.บ.สงฆ์ ก็พอแล้ว แม้จะมีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญว่า รัฐจะต้องให้ความอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา แต่ไม่ใช่หมายความว่า ต้องมีร่างกฎหมายออกมารองรับ และถ้าเราจะคุ้มครองศาสนากันจริง ก็ควรจะออกพ.ร.บ.มาคุ้มครองอิสลาม และคริสต์ด้วย
จะเลือกปฏิบัติเฉพาะ ศาสนา
พุทธเพียงศาสนาเดียว แต่ปล่อยให้ศาสนาอื่น มีเสรีภาพไม่ได้ จะต้องคุ้มครองเหมือนๆ กันทั้งหมด ไม่ควรเลือกปฏิบัติ" นายจำนงค์ กล่าว
ในเรื่องการร่างกฎหมายนั้น น่าจะมาจากสมมติฐานที่มองว่า พระสงฆ์ชั่วร้าย และการบวชถือเป็นความชั่วร้าย แต่ประเพณีของไทย ที่เคยปฏิบัติกันมา ชายไทยพุทธ
เมื่อเข้าเกณฑ์ จะต้องบวช การบวชเป็นความดีงาม นาคะแปลว่า ผู้ประเสริฐ แต่การร่างกฎหมายกลับเอา พระที่มีปัญหาเป็นตัวตั้งแล้ว เขียนกฎหมายออกมา ถือว่า ไม่ถูกต้อง จะเห็นได้เลยว่า คนที่มีความรู้ด้านธรรมะ จะไม่ฆ่าตัวตาย เป็นคนมีหิริโอตตัปปะ กลัวนรกกลัวบาป จะเป็นเรื่องที่ดีมากกว่า
นายจำนงค์ยังกล่าวถึงเรื่องที่ถูกหนังสือพิมพ์ โจมตีในวันที่ไปแสดงความเห็นด้านพุทธศาสนา ที่วัดสามพระยาว่า ในเรื่องดังกล่าว ตนพูดว่า ในพ.ร.บ.อุปถัมภ์ฯ มีมาตราหนึ่ง ที่ระบุว่า พระเสพเมถุน ให้พระและผู้หญิงติดคุก ซึ่งตนไม่เห็นด้วย ไม่ใช่หมายความว่า สนับสนุนให้พระมีเมียได้ ปาราชิกมี 4 ข้อ ข้อนี้ หนักที่สุด ชาวบ้านรับไม่ได้
ตนจะไปพูด
สนับสนุนให้พระมีเมียได้อย่างไร
ส่วนเรื่องกรณีวัดพระธรรมกายนั้น ตนไม่ขอวิจารณ์เพราะ ถ้าจะวิจารณ์ในเรื่องนี้ ก็ควรจะต้องไปฝึกวิชชาธรรมกายก่อน จะได้รู้ข้อดีข้อเสียว่า ผิดเพี้ยนอย่างไร จะเห็นได้ว่า หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ชาวพุทธได้แตกความเห็นออกไปหลายนิกาย ในแต่ละประเทศเหมือนกันที่ไหน ส่วนธรรมกายมีพระที่ได้ปริญญามาก อาจจะค้นคว้าไปทั่วโลก อาจจะนำความคิดเห็นของต่างประเทศมาปะปน ซึ่งเรื่องแบบนี้ จะบอกว่า ปลอมไม่ได้ ต้องบอกว่า ไม่เหมือนใครในโลกมากกว่า
สำหรับเรื่องการก่อสร้างศาสนสถานใหญ่โตนั้น เป็นเรื่องธรรมชาติ อยู่แล้วที่พระจะสร้างวัด ประเทศไทยมีทั้งโบสถ์รูปเรือ โบสถ์มุกวิจิตรพิสดาร ในเรื่องเหล่านี้
น่าจะขึ้นอยู่กับ
กำลังศรัทธามากกว่า ไม่ควรว่ากล่าวติเตียนกัน ส่วนเรื่องกล่าวกันว่า วัดพระธรรมกายขายพระแพง แต่ถ้าเรามองดูพระสมเด็จ เดี๋ยวนี้ ปล่อยกันองค์เป็น 10 ล้าน ทั้งๆ
ที่ทำจาก ข้าวสุก ทำไมไม่เรียกคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เข้ามาตรวจสอบ เพราะเป็นเรื่องของศรัทธามากกว่าพระทุกวัด ที่ขาย 100-200 บาท มีต้นทุนแค่ 10 บาท
ซึ่งพระ จะนำเงิน
ส่วนเกินไปบำรุงศาสนา ก็ไม่น่าจะผิด
อาการป่วยพระธัมมชโยดีขึ้น
นางกรียดา วิชัยธนพัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ
เปิดเผยถึงอาการป่วยของพระธัมมชโย วานนี้ (
9 ต.ค. ) ว่า คณะแพทย์แจ้งว่า อาการดีขึ้น ทุกอย่างเป็นปกติ มีเพียงอาการไอและเสียงที่ยังแหบเล็กน้อย
รับอาหารได้มากขึ้น แต่ยังให้น้ำเกลืออยู่เพื่อเสริมกำลัง
คาดว่า
จะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้
ในเร็ววันนี้
ด้านนายวิรศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิธรรมกาย กล่าวถึงเรื่องการแต่งตั้ง รักษาการเจ้าอาวาสว่า เนื่องจากพระธัมมชโยป่วยเป็นเวลาหลายวันแล้ว ไม่ใช่วันสองวัน จึงได้มีการเสนอแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของทุกวัด และการดำเนินการในวันสำคัญต่างๆ ต้องดำเนินการต่อไป ดังนั้น จึงมีความจำเป็น ที่ต้องแต่งตั้ง รักษาการ ไม่เกี่ยวกับที่กรมการศาสนา ทำหนังสือสั่งพักเจ้าอาวาส อย่างไรก็ตาม ที่กรมการศาสนาเสนอ เห็นว่าเจ้าคณะตำบล จะเป็นผู้พิจารณาได้ ไม่อยากให้ใครชี้นำ และวันนี้ (10 ต.ค.) ทางวัดจะมีงานทอดผ้าป่าวัดทั่วประเทศ โดยมีนายผ่อง เล่งอี้ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ เป็นประธานรวบรวมปัจจัย