ปีที่ 2 ฉบับที่ 827 ประจำวันจันทร์ที่ 18 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 |
กรณีวัดพระธรรมกาย กลายเป็นประเด็นฟ้องร้องกันอุตลุด ผู้ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะความเห็นที่แตกต่างกระแสสื่อมวลชน
ก็จะถูกสื่อจับขึ้นมา เล่นงาน
จนงอมพระรามทุกรายไป
ทั้งพระเจ้าไม่มีข้อยกเว้น
กรณีนี้เห็นได้ชัดเจนที่สุด
นั่นคือเจ้าคณะตำบลคลอง 1 พระครูปทุมกิจโกศล ที่วินิจฉัยไม่สั่งพักตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตามใบสั่งของรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล
ล่าสุดได้มีกลุ่มบุคคลอ้างว่า เป็นชาวบ้านจาก อ.วังน้อย จ.อยุธยา ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พระสุเมธาภรณ์ โดยระบุว่า เจ้าคณะตำบลคลอง 1
ยักยอกเงิน
ของวัดไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
อีกทั้งยังมีการแจ้งตัวเลข
จำนวนสามเณร
ในโรงเรียนพระปริยัติธรรมเกินจริง
กล่าวคือ แจ้งกับกระทรวงศึกษาว่า มีสามเณรเรียนถึง 250 รูป ทว่าในความจริงมีสามเณรเรียนจริงแค่ 85 รูป เท่านั้น เกินไปถึง 165 รูป
ผู้ร้องเรียนต่อพระสุเมธาภรณ์ระบุว่า เจ้าคณะตำบลคลอง 1 ต้องการกินเงินส่วนต่างจากกระทรวงศึกษาธิการ ตกรูปละ 5,600 บาท คูณเป็นจำนวนเงินถึง 924,000 บาท
พระสุเมธาภรณ์รับเรื่องไว้พิจารณา และจะพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อไป
ครับต้องทำเรื่องดังกล่าวให้กระจ่าง ถ้าเป็นจริงพระครูปทุมกิจโกศล ต้องอาบัติปาราชิกทันที
แต่ผมอดที่จะคิดมากไม่ได้ว่า เรื่องร้ายแรงเพียงนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่สำคัญเจ้าคณะตำบลคลอง 1 ท่านก็อายุมากแล้ว บวชเรียนมาเข้าปัจฉิมวัย
จะละโมบไปทำเรื่องลามก จกเปรต
ทำนองนี้ไปทำไม
โดยเฉพาะเงินงบปริยัติพระ ต้องสอบเจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยว่า มีข้อเท็จจริงอย่างไร ทำไมจึงปล่อยให้เรื่องบัดซบอย่างนี้เกิดขึ้น
มีการทำงาน หละหลวม อย่างไร
ที่สำคัญเจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการ มีปัญญาโง่เขลา ปล่อยให้หลวงตาแก่ๆ หลอกต้มไปได้อย่างไร
สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ต้องตรวจสอบให้ละเอียด ที่สำคัญอย่าเอาอารมณ์เหม็นขี้หน้า เจ้าคณะตำบลคลอง 1 ไปพิจารณาด้วยล่ะกัน เพราะพระครูปทุมกิจโกศล
ไม่ทำตาม ใบสั่ง ของรัฐมนตรีศึกษาธิการ ให้สั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
อย่างไรก็ตามแต่ คนเป็นรัฐมนตรีต้องพิจารณา ถึงหน้าที่บทบาท และต้องเคารพในการใช้อำนาจ เคารพในศักดิ์ศรี และความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย
จะให้ทุกคนมีแนวทางเหมือนกันหมด และสรุปลงไปว่า ไอ้แนวคิดของคนหมู่มาก มันถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ คงจะไม่ได้
ผมบอกแล้วไงว่า ใครที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย จะต้องถูกฟ้องร้อง เสียๆ หายๆ ทุกรายไป
ล่าสุดองค์กรปกป้องพระพุทธศาสนา เขาส่งรูปภาพลามก หญิง-ชาย สมสู่ไปให้พระครูปทุมกิจโกศล เขียนข้อความหยาบคาย ส่อถึงสันดาน
และจิตใจการปกป้อง พระพุทธศาสนา ของ
คนกลุ่มนี้ ว่าเข้าถึงธรรมะเพียงใด
กรณีธรรมกายกลายเป็นเกมที่แพ้กันไม่ได้ไปเสียแล้ว "พิมพ์ไทย" ก็ถูกฟ้องร้องเรื่องอยู่ในโรงในศาลเรียบร้อยแล้ว 3 คดี
พูดถึงชื่อ เบญจ์ บาระกุล ในห้วงเวลานี้ หากใครติดตามข่าว กรณีธรรมกายมาตั้งแต่เริ่มแรก ก็เชื่อเหลือเกินเลยว่า หลายคนคงอยากรู้จักว่า บุคคลผู้นี้เป็นใครมาจากไหน ไอ้ข้อมูล
เด็ดๆ ซึ่งถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือพ๊อกเก็ตบุค "พระพุทธศาสนา ชะตาของชาติ" มีที่มาที่ไปอย่างไร
แม้ว่า เบญจ์ บาระกุล จะเก็บตัวอยู่หลังเสา แต่สื่อมวลชนไทยก็ฉลาด พยายามขุดคุ้ยหาข้อมูลอย่างเต็มแรง
ระบุลงไปเลยว่า เบญจ์ บาระกุล ก็อีแค่หมอดูธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น
ล่าสุดหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเปิดประเด็นใหม่ ระบุว่า เบญจ์ บาระกุล ที่ประกาศว่า มีปริญญาถึง 3 ใบ ที่แท้ก็เคยมีอาชีพยึดไมค์เป็นนักร้องในคาเฟ่
ผมก็ไม่รู้จักหรอกครับว่า เบญจ์ บาระกุล เป็นใคร แต่อาชีพที่สื่อมวลชนหยิบยกให้กับเบญจ์ บาระกุล ทั้งหมอดู และนักร้องคาเฟ่ ล้วนเป็นสัมมาอาชีพ ไม่ใช่มิจฉาชีพ
สื่อมวลชนไม่ควรนำมาเป็นประเด็นเสนอข่าวทำนองดูหมิ่น เหยียดหยามอาชีพสุจริต
จะเป็นหมอดู หรือโหราศาสตร์ก็เป็นอาชีพโดยสุจริตทั้งสิ้น อย่าสร้างนิยมให้กับสังคมเข้าใจอะไรผิดๆ ให้มากไปกว่านี้เลยครับ วันนี้สังคมบ้านเราก็สับสนอลหม่านเต็มทีแล้ว
ไม่เชื่อหรือครับว่า อาชีพหมอดูสุจริต ก็เห็นหลายท่านยึดเป็นอาชีพ สร้างรายได้ให้กับครอบครัว เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนแซ่ หลายคนก็เติบโตมาจากอาชีพนี้ แม้ไม่ใช้วิชชาในพุทธศาสนา ก็ตาม
แม้ เบญจ์ บาระกุล อาจเคยเป็นนักร้องในคาเฟ่จริง ก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร เป้าหมายที่สื่อมวลชนควรเก็บมาเป็นประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ว่า เบญจ์ บาระกุล
จะเคยยึดถือ หรือ
ทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของตัวเองด้วยอาชีพอะไร
สื่อมวลชนควรมองไปที่ข้อมูลในหนังสือพระพุทธศาสนา ชะตาของชาติ ว่าไอ้ข้อมูลดังกล่าวเป็นแค่นิยายป้ายสี ใส่ร้าย ผู้อื่นเท่านั้นหรือ
ถ้าข้อมูลในหนังสือดังกล่าว เป็นเรื่องใส่ร้าย ป้ายสี
ผมจะแต่งตั้งอาชีพใหม่ให้กับ เบญจ์ บาระกุล อีกสักอาชีพในคือนักประพันธ์นิยายน้ำเน่ายอดเยี่ยมแห่งปี 1999-10-18
อย่าดูหมิ่นอาชีพบริสุทธิ์ของสุจริตชนซิครับ เดี๋ยวสังคมจะสับสน ที่อย่างนายบ่อน ผู้กว้างขวาง ทำธุรกิจนอกกฎหมาย สังคมกลับเคารพสรรเสริญ หมิ่นเหม่จริงๆ ครับ
สังคมไทย วันนี้ ระหว่างความดีกับความชั่ว
โซตัส