ปีที่ 2 ฉบับที่ 829 ประจำวันพุธที่ 20 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 |
ผลประชุมมส.ลงมติให้ฆราวาสกล่าวหาพระได้
สั่งเดินนิคหกรรมต่อ ให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เรียกตัวพระธัมมชโย และพระทัตตชีโว เข้าสู่ขบวนการศาลสงฆ์ ด้านนายวิชัย เจียมทิพยานุวัตร ผู้รับเช็คจากทางวัดพระธรรมกาย ยืนยันต่อตำรวจ รับเงินมาจริง แต่เป็นค่าซื้อจีวร และผ้าที่ตัดให้กับเจ้าหน้าที่วัด ตำรวจชี้แจงไม่เคยให้ข่าวสื่อมวลชน แต่ข่าวปรากฏออกมาตามสื่อมวลชนเพียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ต.ค.) ที่ประชุมมหาเถรสมาคม ซึ่งมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสระเกษ เป็นประธานการประชุม โดยการประชุมครั้งนี้ นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนาได้เชิญ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานวุฒิสภา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เข้าร่วมให้ความเห็น กฎนิคิหกรรม
กรณีฆราวาสสามารถ กล่าวหา
พระสงฆ์ได้หรือไม่ ส่วนนายวิษณุ เครืองาม เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งนายไพบูลย์ ได้เชิญมาร่วมให้ความเห็นด้วย ไม่อาจเข้าร่วมประชุม เนื่องจากติดภารกิจ และนายจรวย หนูคง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ก็ได้เข้าร่วมประชุมด้วย การประชุมครั้งนี้ ได้ใช้เวลาในการหารือถึง 4 ชั่วโมงจึงได้ข้อยุติ
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแล้วมีมติว่า การดำเนินการที่ผ่านมา ยังไม่สอดคล้องตามขั้นตอนของกฎนิคหกรรม จึงให้ผู้พิจารณาเบื้องต้นดำเนินการเสียใหม่ ให้ถูกต้องตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 11 พ.ศ.2521 และให้สอดคล้องกับมติมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2542 ซึ่งมหาเถรสมาคมเคยมีมติไปครั้งหนึ่งแล้วว่า ฆราวาสกล่าวหาพระได้ โดยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ดำเนินการให้เป็นไปตามมตินี้ และให้กรมการศาสนาแจ้งมตินี้ ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทราบ และขอให้ดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องรอรับรองรายงานการประชุม
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวอีกว่า มติมหาเถรสมาคมดังกล่าวนี้ ขั้นตอนต่าง ๆ ที่เคยดำเนินการค้างอยู่ ไม่มีปัญหา คำกล่าวหาของนายมาณพ พลไพรินทร์
ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กรมการศาสนา และนายสมพร เทพสิทธา ประธานสภายุวพุธิกสมาคมแห่งชาติ ยังใช้ได้อยู่ และตนจะเร่งทำหนังสือแจ้งไปยัง เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และคณะผู้ปกครอง ตามลำดับชั้นให้ทราบ การดำเนินการครั้งนี้ เป็นคนละประเด็นกับการพิจารณาทางโลก จึงสามารถดำเนินการไปได้ โดยไม่ต้องผลคดีทางโลก เมื่อถามว่า
หากยังไม่มีการ ปฏิบัติ
ตามมติจะทำอย่างไร นายไพบูลย์ กล่าวว่า ต้องติดตามและให้โอกาสในการปฏิบัติตามกฎและมติที่มีอยู่ชัดเจนแล้ว
ด้านนายจรวย กล่าวว่า ขั้นตอนต่อจากมติมหาเถรสมาคมในวันนี้ (19 ต.ค.) เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีจะต้องเรียกพระธัมมชโยและพระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มารับทราบคำกล่าวหาแล้ว ดำเนินการเข้าสู่การพิจารณาคณะผู้พิจารณาชั้นต้นต่อไป
ความคืบหน้าการสอบสวนคดีวัดพระธรรมกายเวลา 10.30 น. วันนี้ นายวิชัย เจียมทิพยานุวัตร พยานผู้รับเช็คจากทางวัดพระธรรมกาย ได้เข้าให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวน ที่กองปราบปราม ตามหมายเรียกที่ได้ออกไป โดย นายวิชัย เปิดเผยว่า เช็คที่ได้รับจากวัดพระธรรมกาย เป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อผ้า เพื่อตัดชุดให้กับเจ้าหน้าที่ในวัดพระธรรมกาย รวมทั้งนำไปตัดจีวรให้กับพระภิกษุ และสามเณรในวัดด้วย โดยได้ติดต่อซื้อขายกับวัดธรรมกาย ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2539 เป็นต้นมา
จนเมื่อในปี พ.ศ.2541 ทางวัดได้จัดโครงการบรรพชาสามเณรแก้ว จำนวน 15,000 คน จึงสั่งผ้าเพื่อมาตัดจีวรให้กับสามเณร จึงสั่งซื้อผ้ากว่าแสนหลา พร้อมทั้งสั่งจ่ายเงินเป็นเช็ค จำนวน 2 ใบ มูลค่า 3 ล้านบาท 1 ใบ และ 1 ล้านบาท 1 ใบ สั่งจ่ายโดยพระสุวิทย์ สุวิชาโภ ทั้งหมด ส่วนผ้าอื่น ๆ ที่ทางวัดพระธรรมกายนำมาตัดชุดให้กับเจ้าหน้าที่ภายในวัด เป็นผ้าสีฟ้า ขาว เทา นอกจากนี้ นายวิชัย กล่าวว่า การติดต่อซื้อขายผ้ากับทางวัดพระธรรมกายแต่ละครั้ง ทางวัดสั่งซื้อเป็นจำนวนไม่มากนัก
เพิ่งจะมีมาก ก็ในช่วงโครงการ
บรรพชาสามเณรแก้ว เมื่อปี พ.ศ.2541 ที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่ นายสนธยา โพธิแดง ทนายความพระธัมมชโย ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของ ทาง
พนักงาน สอบสวนว่า ได้มีการเปิดเผยสำนวนการสอบสวนให้ทางสื่อมวลชนได้ทราบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ขัดต่อกฎหมายนั้น
ทางพนักงานสอบสวนได้เดินทางไปชี้แจง
ในเรื่องนี้เรียบร้อย แล้ว
ว่าทางพนักงานสอบสวน
มิได้ทำการเปิดเผยข้อมูลใด ๆ ให้ทางสื่อมวลชน ทั้งนี้ ทางสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ สามารถตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งข่าวอื่นได้
รายงานข่าวระบุว่า การถอนเงินจากบัญชีวัดพระธรรมกายตามธนาคารต่าง ๆ ทางวัดฯ ไม่ได้มีการชี้แจงในเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่า นำเงินเหล่านั้นไปใช้ในกิจการใดบ้าง
ซึ่งในเรื่องนี้
ถ้าลูกศิษย์วัดที่ได้บริจาคเงินกับวัดไป ร้องขอให้มีการตรวจสอบ และถ้าพบว่า มีการนำเงินดังกล่าวไปใช้ในทางที่มิชอบนั้น
ทางพนักงานสอบสวน ก็สามารถดำเนินการ
แจ้งข้อ
กล่าวหาเพิ่มเติมในข้อหายักยอกทรัพย์ได้อีก