ปีที่ 2 ฉบับที่ 840 ประจำวันจันทร์ที่ 31 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2542 |
หนังสือพิมพ์ "ดี" ทุมมังกุคนล่าสุด ยกตนข่มท่าน ดีใส่ตัวชั่วประเคนเพื่อน
ขอพูดถึงหนังสือพิมพ์ "ดี"
จัดพิมพ์โดยวัดพุทธาราม จ.ศรีสะเกษ
อีกสักหนึ่งวัน
เนื่องจากความเห็นที่เป็นอคติต่อหนังสือพิมพ์ไทย
และเป็นการกล่าวร้ายป้ายอย่างจงใจ
และเอนเอียง
อย่างน่าละอายใจที่สุด
จนแทบจะไม่น่าเชื่อ
ว่าผู้เขียนบทความวิเคราะห์คอลัมน์ประชาธิปไตยสงฆ์
จะเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา
เพราะข้อมูลหรือความเห็นที่ท่านหยิบยกขึ้นมาอ้าง
ล้วนแต่เป็นเรื่องมุสาล้วนๆ
หากเป็นพระภิกษุสงฆ์ก็สมควรต้องอาบัติปาราชิก
ก่อนที่จะบรรจงจรดปากกาแสดงความอวิชชาออกสู่สาธารณาชนด้วยซ้ำไป
บทวิเคราะห์ดังกล่าวเขียนขึ้นมา
ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า
ผู้เขียนมีอคติจงใจบิดเบือนพระไตรปิฎกเพียงใด
โดยเฉพาะการอ้างถึงหนังสือพิมพ์พิมพ์ไทยที่ใช้คำว่า
"มาร" อย่างฟุ่มเฟือย
และใช้ระบุเจาะจงไปที่ตัวบุคคลต่างๆ
ที่มีความเห็นตรงข้ามกับสำนักพิมพ์พิมพ์ไทย
เป็นมารทั้งหมด
ผู้เขียนพยายามอรรถาธิบายว่า
ในพระไตรปิฎก
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ไม่ได้ระบุเจาะจงคำว่า
มารเป็นรูปธรรม
แต่จะกล่าวเป็นภาพรวม
และจะใช้คำว่า มารกล่าวในรูปของ
นามธรรม เท่านั้น
นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า
พิมพ์ไทยจ้วงจาบพระราชาคณะชั้นสูง
อาทิ พระธรรมปิฎก
ว่าเป็นชนวนให้เกิดสังฆเภท
ทำให้ชาวพุทธสับสน
อันเป็นข้อเท็จจริงบ่องว่า
ไม่แฟร์ (Unfair Play)
ผมไม่เข้าใจจริงๆ ครับ
ว่าผู้เขียนมีเจตนาอะไร
จึงบิดเบือนพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าเพี้ยนไปหมด
ไม่ต้องไปเปิดพระไตรปิฎกเล่มไหน
พิจารณาว่า
มีการกล่าวถึงมารเป็นรูปธรรม
หรือไม่
แค่พุทธประวัตินักธรรมตรี
นวกภูมิก็ได้ระบุถึงมารที่เป็นรูปธรรมไว้อย่างชัดเจน
นักปริยัติอย่าตีความดีกว่า
ตัณหา นางตัณหา ราคา นางราคา อรติ
นางอรดี
จะพูดมองหรือบรรยายให้เห็นว่าเป็นเชิงเปรียบเทียบทำไมจึงมีชื่อของ
"เทวบุตรมาร"
ผุดขึ้นมาด้วยเล่า
ท่านผู้ที่เขียนซึ่งผมเข้าใจว่า
เป็นพระควรพิจารณาตรงนี้ด้วยอย่าได้ชื่อ
"ทุมมังกุ" เลยครับ
โดยเฉพาะข้อกล่าวหาร้ายแรงเหมาแบบมัดมือชกว่า
กองบรรณาธิการพิมพ์ไทย
จ้วงจาบพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก
ประมุขของคณะสงฆ์ไทย
ฝ่ายเถรวาทอีกด้วย
พิมพ์ไทยดูหมิ่นสมเด็จพระสังฆราช
มีความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.คณะสงฆ์
มาตรา 44 ทวิ
มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี
หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
พิมพ์ไทยหยิบยกคำสอนของพระเถระหลายรูปมาอ้าง
โดยที่ไม่มีภูมิรู้ธรรม
ไม่มีความเข้าใจในพระพุทธศาสนา
อาทิ
การหยิบยกคำสอนของหลวงปู่หลวงตา
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงตามหาบัว
แม้ท่านพุทธทาสก็ไม่เว้น
เป็นผู้ที่มีจิตหยาบ
มีกิเลสอันล้นพ้นจึงไม่เข้าใจคำสอนของพระเถระ
ที่มีความละเอียดลุ่มลึก
แน่นอน
เพราะเป็นศิษย์พระธัมมชโย
เป็นความเห็นของคณะพิมพ์ไทย
ซึ้งล้วนไร้ภูมิระดับปัญญาไปทั้งสิ้น
ผู้ที่อ้างตนเป็นพระในพระพุทธศาสนา
เขียนลบหลู่ไปถึง หลวงพ่อสด
ว่ามีทิฏฐิฝังหัว ถอนไม่ขึ้น
แม้จะได้ยอมตน
ไปเรียนวิปัสสนากรรมฐาน
จากพระอาจารย์วัดมหาธาตุ
อยู่ร่วมเดือน
ก็ไม่ได้รู้แจ้งเห็นจริง
ในวิปัสสนาญาณ แต่อย่างใดเลย
อย่างนี้หรือครับ
ที่ท่านเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ
ความเห็นของพระในพระพุทธศาสนาเถรวาท
ชี้แนะกันด้วยวิธีแบบอันธพาลอย่างนี้หรือครับ
เรียกว่าวิญญูชน ผู้ลด ละ เลิก
กิเลสปัจจัยเครื่องร้อยรัด
ผมไม่อยากจะพูดมกา เพราะถือว่า
บัวมีอยู่ 4 เหล่า
ท่านหรือพระผู้เขียนจะเลือกเกิดในเหล่าใดก็สุดแท้แต่บุญกุศล
ในเมื่อได้ชื่อเป็นเนื้อนาบุญ
แต่กลับมีสายตา สายใจ
ที่แห้งแล้งอันธพาลพาจน
มากมีอวิชชา เป็นอาวุธ
เป็นเครื่องพักพิงใจ กายสังขาร
ก็พิจารณาด้วยโยนิโสมนสิการเสียบ้าง
เผื่อชะตาไม่ทรามจนเกิน
อาจแบ่งเซลสมองคิดในเรื่องที่ทำให้ท่านฉลาดมากกว่านี้ก็เป็นได้
ผู้ที่เขียนซึ่งไม่น่าเชื่อว่า
จะเป็นพระในพุทธศาสนา
มีปุจฉาผ่านบทวิเคราะห์ของท่าน
พอสรุปสาระสำคัญดังนี้
ยืนยันได้เลยครับ
ประเด็นแรกว่า
พิมพ์ไทยไม่เคยลบหลู่สมเด็จพระสังฆราช
ตรงข้ามตลอดระยะเวลาเราเทิดทูนบูชาท่านไว้เหนือหัว
และไม่ต้องการให้คนใฝ่ต่ำเอาท่าน
ไปแอบอ้าง บังหน้า
วันดีคืนดีผีห่าซาตานเข้าสิง
ก็คิดชั่วๆ
จะปลดท่านออกจากตำแหน่งปกครองสงฆ์
ซึ่งพิมพ์ไทยไม่ช้าที่จะเตือนสติซาตานตนนั้น
ให้ห่างไกลนรกเอาไว้
และทั้งชาตินี้
และหรือภายภาคหน้าก็ไม่อาจจะทำบาปกรรมกับกรณีนี้ได้เลย
เพราะผู้ที่มีบทบาทเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาพิมพ์ไทย
เป็นลูกศิษย์ของสมเด็จพระสังฆราช
มีพระสังฆราชองค์ปัจจุบันเป็นสังฆบิดร
ประเด็นที่สอง
ทำไมถึงกล้าระบุว่า
พระธรรมปิฎกคือชนวนแห่งสังฆเภท
ก็โปรดเบิ่งตา เปิดใจดูเถิดว่า
วินาทีนี่หมู่สงฆ์มีความร้าวฉานเพียงใด
อีกกลุ่มอยากขึ้นมาบริหาร
ในมหาเถร สมาคม
จนลืมความเป็นสงฆ์เป็นเจ้า
ถึงกลับยอมขายพระธรรมวินัย
เอากฎหมายหยาบๆ
มาคุ้มหัวแทนพระธรรมวินัย
ขยายลงไปถึงเรื่องปัจจัตตังที่ผู้เขียนแสดงภูมิปัญญาผ่านตัวอักษรน้อยใหญ่
โดยเฉพาะการที่ปราชญ์แห่งพุทธออกมายืนยันว่า
พระนิพพานมีสภาพเป็นอนัตตา
ก็แสดงว่าท่านเอาเรื่องของปัจจัตตังมาโฆษณา
และบอกกับผู้ที่มีศีลไม่เสมอให้มีอารมณ์กำหนัดกระเจิดกระเจิงเพียงใดเล่า
ประเด็นที่สาม
การอ้างคำสอนพระเถระขาดความเข้าใจ
ไม่พบว่า
หลวงปูหลวงตาท่านสอนว่า
พระนิพพานเป็นอนัตตานี่
มีแต่พูดลงไปว่า
พระนิพพานจะไม่กลับไปอยู่ในอำนาจไตรลักษณ์
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
อย่างเด็ดขาด
แล้วนิพพานจะวิเศษวิโสเพียงใด
ถ้านิพพานมีสภาพเป็นอนัตตาไม่เที่ยง
ไม่ต้องฟุ้งไปถึงตำรา
หรือศาสนาเปรียบเทียบ
ให้เมื่อยก้นอาพาธ
หน้าจอคอมพิวเตอร์
ประเด็นสุดท้าย
กรณีหลวงพ่อสดฝังรากไม่ได้ญาณใด
แม้ต้องหอบสังขารไปร่ำเรียนวิปัสสนา
ถึงวัดมหาธาตุ
ก็ถือเป็นความเห็นของอวิชชา
ไม่รู้จริง บิดเบือน
ไม่เข้าใจการลดอัตตา แห่งตน
แท้จริงแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าว
เป็นการลดอุณหภูมิการเมืองสงฆ์
เมื่อครั้งที่สงฆ์รามัญเป็นใหญ่ในขณะนั้น
โซตัส