ปีที่ 2 ฉบับที่ 847 ประจำวันอาทิตย์ที่ 7 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542

วิวาทะ

ปลอมอะไรกันจ๊ะ กรณีตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือพระธัมมชโย

น่าอนาถใจกับท่าทีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะกรณีที่แสดงอาการบ้าจี้ เต้นตามกระแสตรวจสอบว่า ผู้ที่ห่มเหลืองสวมหมวกไหมพรม ใส่แว่นตาสีชาทึบ มีผ้าคาดจมูก เข้ามอบตัว กับเจ้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ที่กองปราบปราม

ไม่ใช่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือพระธัมมชโย ผู้ตกเป็นจำเลยของสังคม

"ตัวปลอม"

สำนักข่าวบางสื่อพยายามจะจุดพลุเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นข่าวขายดี ตำรวจก็โคตรเซ่อจริงๆ อย่างที่ เสธ.หนั่น มท.1 ออกมาสำทับ เมื่อสองวันที่ผ่านมา

ถึงกับลงทุนลงแรง ตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือ เพื่อนำพิสูจน์ว่า บุคคลที่นุ่งห่มเหลืองเป็นตัวปลอม ไม่ใช่พระธัมมชโย

ถ้าพนักงานสอบสวนยังทำงานบ้าจี้อยู่อย่างนี้

ประเทศชาติบ้านเมืองของเราจะเหลืออะไรล่ะครับ คงเหลือแต่ "ต." !

ความมั่นคง ไม่ต้องมาตะแบงอ้างถึงสถาบันพระศาสนา โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ยัดเยียดให้กับกองบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย

เป็นเรื่องชวนหัว และน่าสมเพชที่สุด !

ถ้าจะพูดถึงเรื่องความมั่นคง คุณประชา พรหมนอก ในฐานะผู้บังคับบัญชาใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรเอาเวลาไปดูแลลูกน้องตัวเองให้มากกว่านี้ ควรไปพัฒนา ศักยภาพ ของตำรวจไทยให้เป็นที่น่าไว้วางใจของประชาชนยิ่งๆ ขึ้น

ไล่ไปตั้งแต่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือสตม. ที่ปล่อยปละละเลย ให้คนจรหมอนหมิ่น แขกต่างบ้านต่างเมือง ที่ไม่ได้รับเชิญ เข้านอกออกในประเทศไทย เหมือน ร้านค้า โชว์ห่วย ที่ใครนึกอยากจะเดินย่างกรายให้มาช๊อปปิ๊งสะดวกสบายเหมือนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

ความล้มเหลวของการข่าว และภาพการที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อความรู้สึกของประชาชนคนไทยในชาติอย่างไร ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องควรรับรู้อารมณ์ ความรู้สึกของประชาชนบ้าง

....ถึงวินาทีนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า....

มีคนต่างด้าวหลบหนีเข้ามาซุกกายอยู่ในบ้านเมืองนี้ อย่างผิดกฎหมาย โดยความรู้เห็นเป็นใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และข้าราชการกังฉินบางคน

ภาพเด่นชัดที่ปรากฏคือ กลุ่มนักศึกษาพม่า พกพาอาวุธสงครามบุกสถานเอกอัครราชทูตพม่าในเมืองไทย เป็นข่าวเหม็นโด่งดังไปทั่วโลก

การปล่อยให้กระบวนการนอกกฎหมายปล้นทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น

ยึดบ้านพักนายกรัฐมนตรี บ้านพิษณุโลก เป็นเกราะกำลังผลิตซีดีเถื่อน โดยมีคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย เข้าไปมีส่วนพัวพันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หน่วยข่าวกรอง หน่วยกรองข่าวเอาเวลาไปทำอะไรกันครับ

ผลสำรวจล่าสุดของเอแบคโพล ออกมาตีแสกหน้ารัฐบาลชุด โดยตั้งคำถามถึงกลุ่มตัวอย่างเกี่ยวกับความเชื่อมั่นในด้านความมั่นคงของบ้านเมือง ปรากฏว่า กลุ่มตัวอย่างกว่าร้อยละ 80 เห็นว่าความมั่นคงของเรา กำลังถูกสั่นครอนจากคนต่างด้าว และยังไม่เชื่อในศักยภาพของเจ้าหน้าที่ไทย รวมถึงมาตรการต่างๆ จะคุ้มครองดูแลปัญหาดังกล่าวได้

ครับ ถึงวันนี้ เราคงต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น และหันกลับไปทบทวนบทบาทของตัวเองกันได้แล้ว

ข้าราชการประจำที่เติบโตมาจากบุญบารมี มีวาสนาของนักการเมือง อย่ามองแต่ผลประโยชน์แห่งตนเป็นสำคัญ สงสารแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนบ้างเถอะครับ

เรื่องที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เรื่องขี้หมาๆ ผมเห็นข้าราชการชอบเสนอหน้าแส่ไปทุกเรื่อง แต่เรื่องที่เป็นหน้าที่โดยตรงของตัวเอง กลับทำระยำต่ำแฉะ

ตรองดูเถิด พิจารณาดูเถิด บ้านเมืองบอบช้ำมากพอแล้ว

การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาระบุว่า จะตรวจสอบลายนิ้วมือของพระธัมมชโย เพื่อนำพิสูจน์ตามกระแสข้อสงสัยว่า เป็นตัวจริงตัวปลอมหรือไม่

เพราะแต่งกายมิดชิด และยังไม่ยอมพูดจาพาที แต่กลับสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ โดยการเขียนเป็นตัวอักษร

ผมว่า ถ้าผู้ที่มีดาวอยู่บนบ่า แต่มีสมองบ้องตื้น ก็ควรพิจารณาตัวเองได้แล้ว

เพราะยังไม่ทันจะรู้ว่าเป็นตัวจริงตัวปลอม แต่ดันทะลึ่งให้ลูกน้องพิมพ์ลายนิ้วมือ

ท้ายสุดเมื่อมีข้อสงสัยแบบไร้ปัญญา ไร้วุฒิภาวะ เป็นปุจฉาขึ้นมา

ตำรวจไทยก็เต้นตาม

อย่างไรก็ตามผมไม่เชื่อว่า โรงเรียนที่พวกท่านจบการศึกษากันสั่งสอนแนวทางการสืบสวนสอบสวนอย่างนี้หรือครับ

ผมคิดว่าไม่น่าจะมีทฤษฎีห่วยแตกอย่างนี้หรอก

ไม่อย่างนั้น เห็นทีโจรผู้ร้ายคงเต็มบ้านเต็มเมืองเป็นแน่

แต่ถ้าตำรวจบ้าจี้จริง ตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือแล้ว ยืนยันว่าเป็นลายนิ้วมือปลอม ผมว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในวันที่รับมองตัวพระธัมมชโย ควรพิจารณาตัวเอง หาเวลาสงบสติ อารมณ์ตามท้องไร่ท้องนา

เผื่อโชคดมีโอกาสสนทนากับเด็กเลี้ยงควายบ้าง ก็คงจะทำให้คิดอะไรได้มากขึ้น

โซตัส


[หน้าหลัก][หน้าหลัก][วิวาทะ][ปุจฉา]