ปีที่ 2 ฉบับที่ 850 ประจำวันพุธที่ 10 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542

หน้า 1

มือกม.ธรรมกาย มีมติ ไม่ต้องฟังคำกล่าวหา
ไม่ผิดข้อกฎหมาย แค่ขัดใจมหาเถร

จม.ปฏิเสธจากทางวัดพระธรรมกาย ถึงเจ้าคณะจังหวัดปทมฯพระธัมมชโย-ทัตตชีโว ประกาศชัด ไม่เดินทางมาวัดมูลจินดารามอย่างแน่นอน วิระศักดิ์ ฮาดดา เผยมือกฎหมายของวัด แนะนำให้ขัดมติมส. เพราะ นิคหกรรมได้จบลงไปแล้ว นับแต่พระพรหมโมลีตัดสิน ด้านเจ้าหน้าที่รัฐออกโรงกดดันแหลก เตรียมดำเนินคดีฝ่ายเดียว โดยส่งเรื่องให้ศาลสงฆ์ ดำเนินการ ทันที หากผู้ถูกกล่าวหา ไม่เดินทางมารับทราบ ข้อกล่าวหา

นายวิระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้ามูลนิธิธรรมกาย กล่าวว่า ทางวัดพระธรรมกายได้ปรึกษาหารือกับทนายความแล้ว ได้ผลสรุปว่า พระธัมมชโย และ พระทัตตชีโว ไม่เดินทางไปรับฟัง ข้อกล่าวหา ในวันนี้ (10 พ.ย.) แน่นอน และหนังสือฉบับล่าสุดที่เจ้าคณะจังหวัดส่งกลับมา ได้รับแล้ว ซึ่งทางวัดก็จะส่ง หนังสือ แจ้งให้เจ้าคณะจังหวัดทราบอีกครั้งหนึ่งเช่นเดียวกัน

จากการหารือกับฝ่ายกฎหมาย เห็นพ้องต้องกันว่า ถ้าปล่อยให้พระธัมมชโยและพระทัตตชีโว เดินทางไปรับฟังข้อกล่าวหา ก็เท่ากับเป็นการทำผิดขั้นตอนของกฎนิคหกรรม เพราะเรื่องได้จบลงไปแล้ว นับตั้งแต่พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ได้วินิจฉัยให้คำฟ้องของฆราวาสว่า ไม่สามารถกล่าวหาพระได้

นอกจากนี้ ทางวัดได้หารือกันแล้ว พบว่า มีทางเลือกอยู่ 2 ทางคือ เลือกขัดมติมส. กับเลือกผิดขั้นตอนนิคหกรรม ซึ่งทางวัดได้ผลสรุปออกมาว่า ขอขัดมติมส.ดีกว่า เพราะว่า มติมส.ไม่มีโทษทางกฎหมาย แต่ถ้าทำผิดนิคหกรรม จะมีโทษทางกฎหมาย

ทางด้านพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ถ้าพระธัมมชโย และพระทัตตชีโว ไม่เดินทางมารับฟังข้อกล่าวหา ตนก็จะสรุปคดีตามหลักฐานที่ส่งมา ให้คณะผู้ พิจารณาชั้นต้นพิจารณา นอกจากนี้ จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน พระทั้ง 2 รูป ทำผิดคำสั่งผู้บังคับบัญชา และเข้าข่ายฝ่าฝืนมติมส.หรือไม่ ถ้าเข้าข่ายความผิด ก็จะสั่ง ถอดถอนออกจากตำแหน่งพระสังฆาธิการต่อไป

ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวเรียกร้องให้ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มารับฟังข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรมในวันนี้ (10 พ.ย.) ว่า หาก พระธัมมชโยไม่ยอมออกมารับฟังข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรม กฎนิคหกรรมมีกฎระเบียบที่จะสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปได้ โดยจะผลักดัน เรื่อง เข้าสู่การพิจารณาของศาลสงฆ์ได้ทันที

อยากจะเห็นท่านธัมมชโย ออกมาพิสูจน์ตัวเอง กระแสศรัทธาที่มีต่อท่านนับแสน ๆ แต่ระยะหลังทำไมปริมาณลดน้อยลง ผู้คนเริ่มเคลือบแคลงแล้ว เพราะฉะนั้น หากท่าน มั่นใจใน สิ่งที่ประพฤติปฏิบัติว่า ถูกต้องก็ควรออกมาพิสูจน์ตัวเอง ถ้ายังพยายามที่จะหลีกเลี่ยง ไม่เคารพกติกาของสังคม โดยอ้างไปเรื่อย ๆ เป็นการทำลายศรัทธาของสังคมลงไปทั้งสิ้น ผมอยากจะเห็นความถูกต้องในสังคมเกิดขึ้น

นายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆการ กรมการศาสนาพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมฯ 3 คนได้เข้านมัสการพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัด ปทุมธานีเพื่อ นำหนังสือรายชื่อ บุคคล ที่จะเข้าร่วมแจ้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโยและพระทัตตชีโว เจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มารับทราบข้อกล่าวหา เสนอให้พระสุเมธาภรณ์อนุมัติ ซึ่ง นอกจาก พระสุเมธาภรณ์แล้วยังมี พระปริยัติวโรปการ เจ้าคณะวัดเขียนเขต พระเลขาเจ้าคณะจังหวัดปทุมฯ ,พระมหาปัญญา ขันติธัมโม เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง , พระครูวิเศษ ภัทรกิจ เจ้าคณะอำเภอลำลูกกา ,นายอนุมาน ตระกูลรังสิ ที่ปรึกษากฏหมายวัดมูลจินดาราม และเจ้าหน้าที่กรมการศาสนาอีก 4 คนคือนายเริงฤทธิ์ ,นายพิศิษฐ์ รัตตานนท์ ,นางคชาภรณ์ คำสอนทา และ นายวิจิตร ทองพิทยา 

นอกจากนี้กรมฯยังได้สนองงานเจ้าคณะจังหวัดปทุมฯประสานเรื่องการดูแลความปลอดภัยและการทำหนังสือต่างๆด้วย สำหรับสถานที่บริเวณอาคารฉลองศิริราชสมบัติครบรอบ 50 ปีพุทธศักราช 2539 สถานที่ที่จะรับแจ้งข้อกล่าวหา วัดได้จัดเตรียมทำความสะอาดไว้พร้อมแล้ว

นอกจากนี้นายเริงฤทธิ์ยังได้วางแผนรักษาความเรียบร้อยให้กับพระสุเมธาภรณ์ มีรายละเอียดให้ใช้ชั้นบนของอาคาร เป็นสถานที่พิจารณา เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จังหวัดปทุมฯ เป็น ผู้ดูแล ปิดวัดและโรงเรียน 1 วัน ปิดการบำเพ็ญกุศลของวัด ไม่อนุญาตให้รถผ่านเข้าออก ยกเว้นสื่อมวลชน ผู้เข้าออกต้องมีบัตรผ่าน โดยขอรับบัตรที่สภอ.ธัญญบุรี จังหวัดปทุมฯ ส่วนผู้ถูกกล่าวหาและผู้ติดตาม ส่วนราชการอื่น หากจะเข้ามายังพื้นที่ ให้ขอรับบัตรที่ฝ่ายสังฆการ กรมการศาสนา ส่วนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง จะต้องได้รับการพิจารณา จากเจ้าหน้าที่ ตำรวจเป็นรายๆไป

นายเริงฤทธิ์ยังกล่าวว่า กรณีของพระธัมมชโยต่างจากพระยันตระ เพราะพระยันตระยอมรับการพิจารณากระบวนการทางสงฆ์ แต่พระธัมมชโยยังไม่ยอม ทำให้เรื่อง ไม่สามารถ เข้าสู่กระบวนการพิจารณาได้ หากพระธัมมชโยไม่มา กระบวนการทางสงฆ์ ก็จะมีการพิจารณา สรุปเรื่องเสนอต่อคณะผู้พิจารณาศาลชั้นต้น และเสนอต่อไปตามลำดับและว่า การไม่ยอมมา จะมีผลเสียต่อผู้ถูกกล่าวหาเอง

พล.ต.ต.พิชิต ควรเดชะคุปต์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้เดินทางเข้านมัสการพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี หารือร่วมกับนายเริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์ หัวหน้า ฝ่ายสังฆการ กรมการศาสนา เพื่อเตรียมรับการแจ้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโยและพระทัตตชีโว เจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่วัดมูลจินดาราม

พล.ต.ต.พิชิต เปิดเผยว่า จะใช้กำลังตำรวจ 1 หมวดกองร้อย ควบคุมฝูงชน จำนวนกว่า 60 นาย ร่วมกับตำรวจพื้นที่ ควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อย และจะเน้นที่การ ข่าวของ สันติบาล และหน่วยข่าวกรองต่างๆ หากได้รับเบาะแสว่า จะมีฝูงชนก็จะเสริมกำลังเพิ่มเติมทันที ในคืนนี้จะมีการตั้งด่านตรวจในพื้นที่ เขตอำเภอคลองหลวงและอำเภอธัญญบุรี จังหวัดปทุมธานี 

และในเวลา 09.00 น.วันนี้ จะวางกำลังตรวจสอบวัตถุระเบิดภายในวัดมูลจินดาราม และส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปอยู่บนอาคารฉลองสิริราชสมบัติครบรอบ 50 ปีด้วย


ด้านนายเริงฤทธิ์ กล่าวว่า หากวันนี้ทางวัดพระธรรมกายไม่ติดต่ออย่างไรมา ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี มีการเรียกไปหลายครั้งแล้ว และการแสดงความ จำนงค์ของทางวัดว่าจะไม่มา จะเป็นองค์ประกอบในการตัดสินของศาลสงฆ์ผู้พิจารณาชั้นต้น และอาจไม่มีการเรียกครั้งที่ 2 และ 3 ต่อไป เพราะรู้แน่ว่าคงไม่มา ก็จะเป็นการเสียกำลังพลเปล่า

นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า การที่กรมการศาสนาและเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เตรียมสถานที่เพื่อให้พระธัมมชโยและพระทัตตชีโว ไปรับทราบ ข้อ กล่าวหา ทั้งที่ยังไม่ได้รับการตอบรับจากทางวัดพระธรรมกายนั้น เพราะเห็นว่า เป็นการสมควรที่จะต้องมา การแจ้งยืนยันกลับไปอีกครั้ง เพราะเห็นว่าเมื่อยังมีความเข้าใจผิด ก็เมตตาส่งไปบอกอีกครั้ง เปรียบเทียบเหมือนครูที่ได้บอกเด็กไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อยังไม่เข้าใจก็บอกไปอีกครั้ง 

การจะกล่าวอ้างว่าไม่มาแล้ว เพราะเรื่องยุติแล้ว ต้องดูเหตุผลด้วยถูกต้องหรือไม่ ในเมื่อมติมหาเถรสมาคม ซึ่งใช้ปกครองคณะสงฆ์ไทยทั้งหมด ระบุชัดให้ดำเนินการใหม่ จึง ขอให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาก่อน ส่วนขั้นตอนการจะกล่าวอ้างหรือปฏิเสธเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง

ส่วนที่ศิษย์วัดพระธรรมกายจะแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ถ้ายังจะเรียกพระธัมมชโยและพระทัตตชีโวไปรับทราบข้อกล่าวนั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ดำเนินการเรื่องนี้ ด้วยความรอบคอบ และตนแน่ใจว่า ไม่มีผลประโยชน์ใดเลย โดยได้ใช้อำนาจหน้าที่ไปด้วยความบริสุทธิ์ ทุกขั้นตอน ที่ทำได้ปฏิบัติ ตามมติมหาเถรสมาคม และกฎนิคหกรรม เป็นเรื่องที่อธิบายได้ทุกขั้นตอน และทำไป เพื่อประโยชน์ของพระศาสนา จึงมองไม่เห็นว่า มีเหตุผลใดที่จะไปกล่าว ฟ้องร้อง เจ้าคณะ จังหวัดปทุมธานี เพราะได้ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ

พ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รองผู้กำกับการ ๓ กองปราบปรามพนักงานสอบสวนในคดีวัดพระธรรมกาย ได้เข้าสอบปากคำนายไพบูลย์ เป็นเวลาประมาณ 30 นาที โดยนายไพบูลย์ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้มาสอบถามเรื่อง การร้องทุกข์กล่าวโทษวัดพระธรรมกาย ไว้กับพนักงานสอบสวนของนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนาคนเก่า เพื่อยืนยันว่า จะยังดำเนินการต่อหรือไม่ ซึ่งได้ตอบไปแล้วว่า มีหน้าที่ต้องดูแลศาสนสมบัติของวัด และในฐานะที่เป็นเลขานุการ สำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม


[หน้าหลัก][หน้า1][สหัสวรรษ]