ปีที่ 2 ฉบับที่ 850 ประจำวันพุธที่ 10 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542 |
ปีหนึ่งแห่งการอดทนด้วยขันติธรรม บันทึกการต่อสู้ของชาวธรรมกาย
ขอขอบคุณท่านผู้อ่านสหัสวรรษที่ 3 ที่ให้กำลังใจมาทั้งจดหมาย และคำทักทายเมื่อเจอหน้ากัน คนเขียนหนังสือนั้นเป็นศิลปิน เวลาทำก็ทำด้วยความรัก
ทุกครั้งที่เขียนเสร็จ ก็
เหมือนศิลปินต้องเอามาอ่านแล้วอ่านอีก แก้แล้วแก้อีก จนกว่าตัวเองจะพอใจ เหมือนศิลปินที่นั่งดูรูปวาดของตัวเอง
ยิ่งถ้ามีคนอื่นชอบด้วย ก็ถือว่างานนั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อมีใครมาบอกว่า ให้รวมเล่มได้แล้ว เพราะอยากได้เก็บไว้ ผมเขียนมาถึงวันนี้ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ เขียนทุกวัน หยุดช่วงเดียวตอนที่ผมไปกรุงเฮก จากนั้นก็ตะลุยเขียนมาเรื่อย ถ้ารวมเล่มก็ได้เกือบ 3 เล่มใหญ่
เพิ่งรู้ตัวเองว่าคนเรา ถ้าบังคับตัวเองให้ทำอะไรเป็นกิจวัตร ถ้าเอาจริงๆ ก็ทำได้เหมือนกัน ไม่ว่าฝนจะตกฟ้าจะร้อง วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขียนถึงตัวเอง ขออภัยด้วยนะครับ
ขอสักวัน เถอะ
เพราะตลอดมาก็ตั้งจิตอุทิศตนให้เป็นประโยชน์ต่อพุทธศาสนา ทำโดยไม่รู้ตัว เพราะแรกๆ ก็เข้ามาช่วยเหลือนิดๆ หน่อยๆ ก่อนเข้าวัดนี้ ก็ไม่ได้รักวัดธรรมกายเท่าไร
เพราะคน ที่มา ชวนครั้งแรก มาชวนบอกว่า จะให้นั่งสมาธิไปนิพพาน ผมฟังไม่ค่อยเข้าหู เพราะผมยังไม่คิดว่าชาตินี้ผมจะไปนิพพานได้ คงอีกหลายชาติกว่าจะล้างกิเลสหมด
ผมก็ไม่เข้าวัดนี้ นั่นคือเมื่อ 15 ปีมาแล้ว และคนที่ชวนผมเข้าวัดครั้งแรกนั้น เดี๋ยวนี้ก็ห่างเหินวัดไปนานแล้ว วันนี้ผมกลายเป็นชาววัดเต็มตัว ภาคภูมิใจ ไม่อายใคร ไม่กลัวใคร ไปไหนมีแต่ความภูมิใจ คนที่เป็นกัลยาณมิตรสำคัญ นอกจากคุณยายของลูกสาวผม อีกคนคือ นายช่างใหญ่บริษัทซีแพค ชื่อ คุณเอกภพ เสตะพันธุ์
ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท
ที่ร่วมงาน ด้วยกันในยุคนั้น
ซึ่งต้องบันทึกไว้เพื่อเป็นพระคุณ ณ วันนี้ เพราะถ้าไม่มีท่านเป็นกัลยาณมิตร ผมก็คงห่างเหินวัดจนทุกวันนี้ และ ณ วันนี้ท่านก็บวชเป็นหลวงพี่ผมที่วัดนี้เรียบร้อย
ประสบการณ์ครั้งแรกก่อนเข้าวัดก็คือ ไม่เห็นด้วย เริ่มจากการนั่งเถียงกันว่า บวชทำไม ตอนนั้นผมยังอีโก้หรือทิฏฐิสูง คนเราถ้ายังรักษาความดีไว้ไม่ต้องบวชก็ได้
ยิ่งประเภท
บวชตามประเพณีผมไม่เห็นด้วย โชคดีที่ตอนนั้นหลวงพี่ท่านไปบวช ผมเหมือนท่านแรก ว่าไปนั่งสมาธิเพื่อไปนิพพาน ไม่งั้นคงเถียงกันยาวกว่านี้
สุดท้ายปรากฏว่า ผมตั้งคำถามมากมาย หลวงพี่ก็บอกว่า ถ้าถามอย่างนี้ ไปถามหลวงพ่อเองเลยดีกว่า ผมก็บอกว่า ไม่เอาหรอก หลวงพ่อคุณอยู่ที่ไหน
เรื่องอะไรให้ผมไปวัด
ตอนค่ำๆ อย่างนี้ ท่านก็บอกว่า อยู่ตรงนี้เอง ตอนนั้นสำนักงานกัลยาณมิตรอยู่ที่ตึกโค้วยู่ฮะ สามเหลี่ยมดินแดง
ผมก็กลัวเสียเหลี่ยม เดี๋ยวจะถูกหาว่าไม่แน่จริง เมื่อกล้าถามก็ต้องกล้าไปให้ถึงที่สุด เอาก็เอา จากนั้นผมก็ได้กราบพระผู้ใหญ่ทั้งสององค์พร้อมกันเป็นครั้งแรก ท่านก็ยิ้มๆ
และคำพูด แรก ของท่านก็คือ "รอมานานแล้วละ ว่าเมื่อไรจะมา" หลังจากนั้นก็เรียบร้อยโรงเรียนวัด
วันนี้ผมกลายมายืนแถวหน้ากับคนวัดเป็นแสนๆ คน ยืนหยัดต่อสู้เพื่อรักษาพุทธศาสนาและวิชชาธรรมกาย และเผยแผ่พุทธศาสนาให้กว้างไกลไปทั่วโลก เวลาไปเจอใคร เขาบอกว่า เดี๋ยวนี้อยู่แถวหน้าเลยนะ ผมบอกว่า เข้าใจผิดเสียแล้ว เพราะแถวหน้านั้นไม่ได้มีผมคนเดียว แต่เป็นแถวเรียงเดี่ยวยาวเป็นกิโล คนวัดนี่แหละแถวหน้าทั้งนั้น ไปถามได้ทุกคนเลย เขารักวัดยิ่งกว่าผมอีก
ผมเพียงแต่โชคดกว่าที่ได้มาเขียนให้กำลังใจในคอลัมน์นี้ ให้ความรู้ ให้ความคิด บางครั้งอดไม่ไหวก็เฉียดฉิวบ้าง ต่อว่าบ้าง เตือนสติบ้าง เผื่อคนเหล่านี้จะกลับใจได้คิดบ้าง
บางครั้ง ก็ให้สัมภาษณ์บ้าง
ก็เลยกลายเป็นเป้าที่ถูกโจมตีให้ร้ายเช่นเดียวกันกับคนวัดที่ออกหน้าทุกคน
เหมือนอย่างที่อาผ่อง เล่งอี้ บอกไว้ คนวัดคนไหนออกมาให้เขาเห็น เขาจะโจมตี ทำลายชื่อเสียง ทำให้หมดเครดิต ใครทำการค้าก็ต้องโดนข้อหาสารพัด โดนข้าราชการจ้องทำลาย ใช้อำนาจรัฐ เขาหาอะไรไม่ได้ ก็ใช้สื่อทำลาย เพื่อให้เกิดความเกรงกลัว จะได้หลบหน้าไป และไปพูดกับใครก็เชื่อถือไม่ได้ ให้กลายเป็นคนเลวในสังคม
กลายเป็นอาชญากรที่ตำรวจจะจับ จะสอบสวน ออกข่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ครับ...ดีเหมือนกัน ยุคนี้โจรยังมีมากไม่พอ เอาคนดีให้กลายเป็นโจรให้มากขึ้น
จะได้กลายเป็นโจรกัน ทั้ง
ประเทศ ตอนนี้คนวัดธรรมกายไปไหน จะได้ถูกเขาดูถูกเหยียดหยามให้หมด
แต่หนึ่งปีที่ผ่านมา ผมต้องขอชื่นชมชาววัดทุกคนอย่างจริงใจ หลายคนที่ถูกออกชื่อในหนังสือพิมพ์มาตลอด แต่ทุกคนก็สงบนิ่งเฉย ใช้ขันติธรรม
ตามที่หลวงพ่อเตือนสติมา
โดยตลอด
วันนี้ผมตั้งใจจะเขียนบอกชาวแฟนๆ สหัสวรรษ ทั้ง "สิงห์ขาว" และ "กาขาว" ว่า ตามคำเรียกร้อง ขณะนี้ทีมงานของผมกำลังทำเป็นรูปเล่มสวยงาม รวมได้ 2 เล่ม ชื่อ "ก่อนสิ้นยุค" กับ "บุกอนาคต" ปกสวยหรู เป็นบันทึกการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ของชาวธรรมกาย ที่ "สิงห์ขาว" กับ "กาขาว" ช่วยกันบันทึกเหตุการณ์ในคอลัมน์สหัสวรรษที่ 3 ใน "พิมพ์ไทย" มาตลอดปีนี้
ยังครับ ยังไม่พิมพ์ ถ้าจะพิมพ์เสร็จและจัดจำหน่ายก็โดยทีมงาน "พิมพ์ไทย" เดือนหน้านี้ละครับ และตั้งใจไว้ว่า
จะนำรายได้ทั้งหมดไปใช้ในการเรียกร้อง
ขอความเป็นธรรมจาก
ศาลยุติธรรม
เพราะขณะนี้สำนวยฟ้องเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ผมถูกโจมตีให้ร้ายทั้งธุรกิจ และส่วนตัว ผมต้องขอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ด้วยการฟ้องเป็นการส่วนตัว
ข้อหา ละเมิด เพราะค่าฟ้องก็เป็นล้าน
ถ้าอยากจะรู้ว่าเป็นใครบ้าง ก็มีสื่อมวลชน 3 ฉบับ โทรทัศน์หนึ่งช่อง สถานีวิทยุหนึ่งสถานี เฉพาะคนจัด และกรรมาธิการผู้ทรงเกียรติจำนวนหนึ่ง บอกเสียเลย
ให้รู้จะได้ไม่แปลกใจ
เวลารับหมายศาล และผมก็จะเอารายได้จากการพิมพ์หนังสือนี้แหละครับ สู้เพื่อความยุติธรรม
นอกจากเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ต่อสังคม เรียกค่าเสียหายต่อชื่อเสียง ถ้าได้มาผมจะได้รีบไปช่วยสร้างพระวิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำให้เสร็จเร็วๆ สบายใจ
ครับ.... สหัสวรรษรวมเล่ม เตรียมซื้อไปแจกให้อ่านทั่วๆ นะครับ มีคนแอบอ่านแล้วบอกสะใจทุกหน้าเลย ยิ่งเอามาอ่านต่อๆ กัน ถ้ามีกำลัง ผมอยากแจกวัด แจกห้องสมุดทุกแห่งเลย
สิงห์ขาว