ปีที่ 2 ฉบับที่ 852 ประจำวันศุกร์ที่ 12 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542

วิวาทะ

สาธุชนพิจารณามหามารจาบจ้วงองค์สมเด็จพระสังฆราช

ทันทีที่กระบวนการนิคหกรรมล้มอย่างไม่เป็นท่า หลังจากการประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนของ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ธัมมชโย) และพระภาวนาวิริยคุณ (ทัตตชีโว) ไม่ยอมรับการฟ้องร้องของ สมพร เทพสิทธา และ มาณพ พลไพรินทร์ ตามคำสั่งของพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ณ วัดมูลจินดาราม

โดยพระทั้งสองรูปได้ส่งหนังสือ พร้อมคำชี้แจงเป็นหลักฐาน ถึงเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี มีความสำคัญระบุอย่างชัดแจ้งว่า คดีนิคหกรรมถึงที่สุดแล้ว

การที่มีคณะกลุ่มบุคคล ซึ่งมีตำแหน่งเป็นข้าราชการการเมือง และข้าราชการประจำ ข่มขู่บีบบังคับ อ้างว่าเป็นมติมหาเถรสมาคม เรียกดำเนินคดีนิคหกรรมอีกครั้ง ถือเป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายบ้านเมือง และขัดแย้งกับกฎมหาเถรสมาคม ตลอดจนพระธรรมวินัยสงฆ์

จึงไม่อาจให้ความร่วมมือกับวิธีการนอกรีต และขัดแย้งกับกฎระเบียบ โดยเฉพาะกฎมหาเถรสมาคม และพระธรรมวินัยได้

อีกทั้งคำสั่งทั้งหลายของคณะปกครองสงฆ์ อันมีคณะกรรมการมหาเถรสมาคม เป็นองค์กรชี้ขาด ก็เกิดจากคณะบุคคลข้าราชการข้างต้น ข่มขู่บีบบังคับ ชี้นำให้ดำเนินการตามกระแสสื่อมวลชน และสังคม

ความพยายามดังกล่าวถือเป็นการก้าวล่วงอำนาจ สิทธิเสรีภาพอย่างแจ่มชัด จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะร่วมสังฆกรรม หรือเต้นตามกิเลสหยาบปัญญาตื้นเขิน ซึ่งเป็นเรื่องที่ลามกอัปรีย์ยิ่ง

ผมในฐานะพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง

ในฐานะลูกศิษย์สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งถือเป็นองค์สังฆบิดร

รู้สึกเศร้าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง กับพฤติกรรมของซาตาน และคณะบุคคลที่มีความคิดต่ำช้า แอบอ้างสมเด็จพระสังฆราช เพื่อดำเนินนิคหกรรมกับวัดพระธรรมกาย และพระภิกษุในเถรวาททั้งสองรูป

ผมไม่ปรารถนาเห็นพระเจ้าท่านฟ้องร้องกัน

และก็เข้าใจดีด้วยว่า พระสงฆ์ท่านไม่อยากจะฟ้องร้องกัน

กรณี พระธัมมชโย และพระทัตตชีโว ไม่ยอมรับกระบวนการนิคหกรรมนอกรีตนั้น ถือเป็นเรื่องที่ชอบด้วยกฎบ้าน กฎเมือง และกฎสงฆ์แล้ว

การฟ้องร้องของวัดพระธรรมกาย ในคดีอาญา กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง 6 ท่าน และในจำนวนนั้น มีพระภิกษุสงฆ์รวมอยู่ด้วย ถือเป็นเรื่องที่หนักใจกับการตัดสินใจของวัดพระธรรมกาย เป็นอย่างยิ่ง

ทว่า หากพิจารณาถึงการรักษาพระธรรมวินัยด้วยชีวิต ผมเห็นว่า เป็นเรื่องที่บริสุทธิ์งดงามแล้ว พระทั้งสองรูปได้แก่ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และพระเลขาฯ จะมองเป็นเรื่องของกิเลสก็ถูกต้อง

แต่ต้องดูว่า กิเลสของใคร อวิชชาของใครกันแน่!!

โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์อ้างว่า สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระบัญชาให้ท่านเจ้าคุณเข้าเฝ้า เอาเข้าจริงๆ สมเด็จพระสังฆราชท่านทรงทำสมณกิจในพระอุโบสถ ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าละอายใจยิ่งแล้ว

จะทำเรื่องมัวหมอง ซ้ำรอยพระลิขิตที่มีข้อกังขาถึงที่มาที่ไป อย่างนั้นหรือ

จะดึงพระสังฆบิดรมาแปดเปื้อนกับเรื่องมัวหมองอย่างนั้นอีกหรือ

ผมไม่ตำหนิต่อท่าทีของพระสุเมธาภรณ์ เพราะผมเห็นท่านดำเนินการตามกระแส รับฟังข้อมูลจากข้าราชการที่ไร้ภูมิปัญญา มีอคติเอนเอียง โดยเฉพาะทีมและคณะที่ปรึกษา ที่อ้างตัวว่า เป็นผู้รักพระพุทธศาสนา มีความรู้เชี่ยวชาญด้านศาสนา แต่ใจไร้ซึ่งสัตย์ และศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์

บวชเรียนให้ความรู้ท่วมหัว สึกออกมาชี้หน้าด่าพระ เมาหัวราน้ำ

ท่านเจ้าคุณพระสุเมธาภรณ์ต้องหนักแน่น และอย่าได้ถือโกรธวัดพระธรรมกาย ที่ฟ้องร้องคดีอาญากับท่านและคณะเลยครับ

"โยนิโสมนสิการ" เรื่องนี้ ปัญหานี้ ต้องใช้โยนิโสมนนิการให้มากๆ พิจารณาไตรสิกขากันให้มากๆ

อย่าได้ชื่อว่า เป็นผู้กลืนน้ำลายตัวเอง คล้อยตามกระแสคนหมู่มากหลับหูหลับตายกมือเป็นฝักถั่วเหมือนในสภาผู้แทนราษฎร ที่ผ่านความเห็นชอบให้กับอวิชชาคนถ่อยๆ

พระธรรมวินัยเป็นของสูงส่ง

พระธรรมวินัยเป็นตัวแทนของพระบรมศาสดาโลก

จะเอาความเห็นสัปดนมาเป็นข้อวัตร และหรือแนวทางปฏิบัติให้เกิดเรื่องนรก และสวรรค์กันไปไย ไม่มีประโยชน์ ขอรับพระคุณเจ้า

ขออภัยที่ใช้ความเห็นค่อนข้างรุนแรง แต่ผมยืนยันว่า เพื่อปกป้องพระธรรมวินัย และพระสังฆบิดร

โปรดอย่าอ้าง หรือเชื่อตามอวิชชาจนลืมใช้สติ (สติตามหลักของพระพุทธศาสนา) ตรวจสอบถึงที่มาที่ไปให้ชัดเจนเสียก่อน

ช้าก่อน สาธุชน อำนาจรัฐ ไม่ใช่อำนาจตุลาการ

ช้าก่อน สาธุชน อำนาจรัฐ ไม่ใช่อาญาสิทธิ์ของสังคม

ช้าก่อน สาธุชน อำนาจรัฐ แท้จริงแล้ว ก็คืออวิชชาตัวใหญ่ ที่หลอกหลอนแผ่นดินไทย ให้ร้อนรุ่มอยู่ทุกวันนี้ คนขายชาติ โกงบ้าน กินเมือง ล้างผลาญแบงก์กรุงไทย

อำนาจชั่วชาติผีห่า อีแร้งทึ้ง มันก็ช่วยกันปิดหูปิดตา อุ้มศพเน่าเหม็นให้พ้นอาญา แผ่นดินอยู่ทุกวันนี้

โยนิโสมนสิการ ขอรับพระคุณเจ้า!

โซตัส


[หน้าหลัก][หน้า1][สหัสวรรษ][วิวาทะ]