ปีที่ 2 ฉบับที่ 854 ประจำวันอาทิตย์ที่ 14 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542 |
อำนาจถ่อย
แอบอ้างพระสังฆราช
มารบังอาจทำบิดเบือน
ชาวพุทธต้องย้ำเตือน
ให้สังคมเห็นความจริง
สำนักข่าวต่างดาวเปิดแถลงแจงสี่เบี้ยว่าด้วยเรื่อง
ความชั่วครองเมือง
เพราะมีการใช้อำนาจไปในทางที่ผิด
ขนาดสมเด็จพระสังฆราช
ยังถูกแอบอ้าง
ความชอบธรรมมันอยู่ตรงไหน?
เมื่อวันที่ 10 พ.ย. พระธัมมชโย-พระทัตตชีโว
ไม่ไปรับฟังข้อกล่าวหาตามกฎนิคหกรรม
ที่มีการรื้อฟื้นขึ้นมา
โดยให้เหตุผลว่า
เรื่องจบลงไปแล้ว
เพราะก่อนหน้านี้ พระพรหมโมลี
ได้ตัดสินว่า
หัวดำไม่มีสิทธิฟ้องพระ
เท่านั้นแหละท่านผู้ชม
ฝ่ายที่จ้องทำลายล้างวัดพระธรรมกาย
เกรี้ยวกราดกันใหญ่
แถมมีการแอบอ้างว่า
สมเด็จพระสังฆราช
ทรงมีพระบัญชาให้ พระสุเมธาภรณ์
เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
เข้าเฝ้าในช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ย.
เป็นการด่วน
แต่พอถึงเวลาจริง พระสุเมธาภรณ์
และระดับบิ๊กในกระทรวงศึกษาหลายคน
"หน้าแหกคาวัดบวรฯ"
กันไปตามระเบียบ
ไม่ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชตามที่เอ่ยอ้าง
งานนี้แสดงว่า สมเด็จพระสังฆราช
ไม่ได้ทรงเกี่ยวข้องด้วย
ถือเป็นการแอบอ้างละเมิดเบื้องสูงอย่างไม่น่าให้อภัย
อยากถามเหมือนกันว่า
ทำไมคนพวกนี้ถึงกล้ากระทำ "กล้าลบหลู่เบื้องสูง"
กันอย่างหน้าด้านๆ
เราจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า
คุณธรรมของคนในสังคมไทยทุกวันนี้
"บกพร่อง"
พร้อมทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ลุแก่อำนาจของตน
แม้การกระทำเช่นว่านั้น จะเป็น
"การกระทำความผิด"
ไม่ต้องดูอื่นไกล เอาแค่เรื่อง
การจับซีดีเถื่อนที่บ้านพิษณุโลก
ซึ่งถือเป็นบ้านพักของนายกรัฐมนตรี
หรือทำเนียบขาวเมืองไทย
ก็แลัวกัน
พวกมิจฉาชีพมันย่ามใจกันขนาดหนัก
พวกมันดีดลูกคิดรางแก้วว่า
คงไม่มีตำรวจหน้าไหน
กลับไปจับซีดีเถื่อนถึงบ้านพิษฯ
เพราะบ้านแห่งนี้เต็มไปด้วย "พลังแห่งอำนาจ"
แต่สุดท้ายใครทำกรรมดีก็หนีไม่พ้น
โดนสวรรค์ลงโทษจนได้
แต่สำนักข่าวต่างดาวรู้สึกเสียดายอยู่นิดเดียว
ก็คือว่า
ไม่มีการลากคอตัวใหญ่มาลงโทษ
ตำรวจเร่งปิดคดีแค่ "ไอ้หลิว ซี
กง" ตัดตอนไปเรียบร้อยแล้ว
อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ
เรื่องที่ตำรวจและศุลกากร
ไปจับเครื่องปั๊มซีดีเถื่อน
ที่บ้านงูเห่าเมืองนนท์ ฉลอง
เรี่ยวแรง
ศุลากรยืนยันแน่ชัดว่า
เครื่องปั้มซีดีดังกล่าวนำเข้าไม่ถูกต้อง
เพราะแจ้งว่าเป็นเครื่องฉีดพลาสติก
แสดงให้เห็ฯว่า
มีการหลีกเลี่ยงภาษีอย่างชัดแจ้ง
แต่ฉลอง เรี่ยวแรง
แทนที่จะรับผิด ขอโทษต่อประชาชน
กลับอิงเสธ.หนั่น แถม เสธ.หนั่น
ก็รับลูกงูเห่าฉลองเสียด้วย
โดยให้ศุลกากรไป "ขอโทษ"
เป็นไงครับ
คนทำผิดกลับได้รับการคุ้มครองจากผู้มีอำนาจในประเทศ
ค้านความรู้สึกของประชาชน
จนประชาชนรับไม่ได้
แทนที่เสนาบดีใหญ่
จะมีความชอบธรรม
ตัดสินเรื่องราวด้วยความยุติธรรม
กลับไปเข้าข้างคนผิดเสียเอง
โดยไม่แคร์
ความรู้สึกของประชาชน
มันอะไรกันนี่บ้านนี้เมืองนี้
ยังมีอีกหลายตัวอย่างครับ
ที่มีความพยายาม "เปลี่ยนดำเป็นขาว
เปลี่ยนขาวเป็นดำ"
ที่เขียนมาทั้งหมดนี้
ก็อยากบอกกับท่านผู้ชมว่า
ขอให้ประชาชนคนไทย ตระหนักถึง "ความชั่ว
ความเหลิงอำนาจ" ของคนบางกลุ่ม
พวกมันคิดเสมอว่า "กูจะทำอะไรก็ได้
เพราะกูมีอำนาจอยู่ในมือ"
โดยไม่แคร์ว่า
คนอื่นจะได้รับความเดือดร้อน
ในอดีตสังคมไทยเป็นสังคมชาวพุทธที่อบอุ่น
มุ่งเน้น "การไม่เบียดเบียน"
แต่วันนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร
มีการเบียดเบียน ทุกหย่อมหญ้า
รัฐบาลเอาเปรียบประชาชน
ข้าราชการ-นายทุน
เอาเปรียบคนยากคนจน
ยกย่องคนมีเงินเป็นใหญ่
ฝักใฝ่ต่างชาติ
เห็นเงินของคนต่างชาติ
ดีกว่าคนไทยด้วยกันเอง
สังคมทุกวันนี้มัน "แย่"
ถึงขนาดที่ว่าสุจริตชนแทบจะไม่มีที่จะยืนหยัดอยู่ในสังคม
เราชาวพุทธควรจะต้องตื่นตัวให้มากกว่าเดิม
พยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อ "ปลุกสำนึก"
ให้คนในชาติได้ "เห็นความจริง"
ไม่หลงผิดเป็นถูก
ปฏิบัติตนด้วยความชอบธรรม
อย่าปล่อยให้อำนาจเงิน
และอำนาจเถื่อน
มาบิดเบือนความจริง!
ถ้าคนไทยยังปล่อยให้ "ความบิดเบือน"
ยังดำรงอยู่ต่อไป
สังคมจะเรียบรู้ไม่ได้
เนื่องจากทุกอย่างเป็น "มายา"
เมื่อทุกอย่าง "เริ่มจากมายา"
เสียแล้ว
พัฒนาการของสังคมขั้นต่อไป
มันก็จะเต็มไปด้วย "ความลวง"
คนมีเงินมีอำนาจ แต่ขาดคุณธรรม
ก็จะเข้ามาเป็นใหญ่ในสังคม
ผลสรุปอันเหลวแหลกของวันนี้ คือ
"บทพิสูจน์"
ที่เห็นชัดเจนแล้วว่า
ถึงเวลาที่ทุกคน จะต้อง "พูดความจริง"
กันเสียที