ปีที่ 2 ฉบับที่ 858 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 18 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542

หน้า 1

นายเจษฎา ตรีเนตร ผู้ร่วมชุมนุมเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับเจ้าอาวาส วัดสว่างภพ ถูกคนร้ายรุมใช้มีดดาบฟันที่แขน จนได้รับบาดเจ็บสาหัสถล่มวัดชนะ มือมืดเสี้ยม พุทธฆ่าพุทธ 
ศิษย์ธรรมกายถูกไล่ฟัน คนแปลกหน้าแฝงชุมนุม

ไอ้โม่งลอบวางระเบิดลูกเกลี้ยงกลางลานจอดรถ วัดชนะสงคราม หลังจากธรรมกาย สลายตัว  ไม่กี่อึดใจ รถยนต์พังยับเยิน สุดอนาจลูกหมาตายคาที่ ด้านผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดสระเกศ เผยมีชายลึกลับโทรข่มขู่ ตร.เช็คข่าววุ่น หวั่นมือที่สามฉวยโอกาสป่วนเมือง ขณะที่ศิษย์ธรรมกายเผย มีกลุ่มคนแปลกหน้า ปะปนม็อบตลอดวัน

รายงานข่าวเมื่อเวลาประมาณ 20.35 น. วันที่ 17 พ.ย. ได้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ภายใน วัดชนะสงคราม ทำให้ผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงกับบริเวณดังกล่าว ตื่นตระหนก กับ เสียงที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจชนะสงคราม ได้นำกำลังรุดไปยังที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า มีเหตุการณ์ระเบิดจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ต.วีระ พรรณรักษ์ ผู้เชี่ยวชาญการกู้ระเบิดจากกองพลาธิการ ได้นำกำลังมาที่เกิดเหตุ พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีเขียว พข.5026 กทม. ทราบว่า เป็นของนายไกรสอน ปานมงคล อายุ 31 ปี เป็นเจ้าของร้านจักรพงษ์ไฟฟ้า มีอาชีพเป็นวิศวกร บริษัทไทยออย นำรถยนต์มาจอดที่ลานจอดรถวัดชนะสงครามทุกวัน

แรงระเบิดทำให้รถของนายเกียงเสียหายยับเยิน ยางแตกทั้ง 4 เส้น กระจกแตกละเอียด ที่พื้นซีเมนต์ เป็นหลุมขนาดกว้างลึกลงไปประมาณ 5 นิ้ว กันชนหน้าห้อยลงมา แก้มหน้าซ้าย-ขวาพัง ห้องเครื่องยนต์ด้านซ้ายเสียหายยับเยิน เหล็กฉีกขาด และมีลูกสุนัขเสียชีวิต นอนตายอยู่ใต้ท้องรถ ขณะเดียวกันรถยนต์บีเอ็มดับบลิว รุ่น 318i จบ.827 ที่จอดอยู่ใกล้เคียงกัน ได้รับความเสียหาย กระจกแตก

รายงานข่าวเปิดเผยว่า ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ก่อนจะเกิดเหตุระเบิดเพียงไม่กี่นาที มีชายคนหนึ่งใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาว เดินวนเวียนอยู่รอบๆ รถคันดังกล่าว

จากนั้น พ.ต.ท.บรรยงค์ แดงมั่นคง สารวัตรเวร สน.ชนะสงคราม เป็นผู้รับแจ้งเหตุระเบิด ได้เชิญนายไกรสอนเจ้าของรถยนต์ โตโยต้ามาสอบปากคำ

ทั้งนี้ พระลูกวัดชนะสงครามเปิดเผยว่า สำหรับนายเกรียงเป็นคนดีมาก เพิ่งบวชทดแทนคุณให้แม่ ที่วัดชนะสงคราม และเพิ่งสึกออกไปเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา 

พระลูกวัดชนะสงครามรูปนี้ ยังเปิดเผยด้วยว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุระเบิด ได้มีชายลึกลับโทรศัพท์เข้ามาหาอาตมา และพูดว่า ขอให้คอยดู วันนี้จะมีอะไรดีๆ จากนั้น อาตมาจึงได้โทรเข้าไปแจ้งรายการวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน

พระครูวิมลสรคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ กล่าวว่า อาตมาได้เดินทางมากราบนมัสการสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม และเจ้าคณะใหญ่ หนกลาง ปรากฎว่ามีชายลึกลับโทรศัพท์เข้ามาสร้างความแปลกใจ ให้กับอาตมาเป็นอย่างมาก เมื่อเกิดเหตุระเบิดอาตมาจึงโทรเข้าไปแจ้งรายการ ร่วมด้วยช่วยกัน ทันที

ผู้สื่อข่าว "พิมพ์ไทย" ที่เฝ้าสังเกตการณ์การชุมนุมที่วัดชนะสงคราม ของศิษย์วัดพระธรรมกาย เพื่อเรียกร้องให้ทบทวนคำสั่งปลดเจ้าคณะตำบลคลอง 1 ติดต่อกันมา เป็นวันที่สอง ยืนยันว่า บรรดาผู้ชุมนุมต่างหวาดวิตก เนื่องจากมีกลุ่มคนแปลกหน้าเข้ามาทำลายผู้ชุมนุมด้วยมีดดาบ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อกลางคืนวันที่ 16 พ.ย. มาแล้ว และระหว่างการชุมนุมวันที่ 17 พ.ย. ปรากฏว่า มีบุคคลแปลกปลอมเข้าอยู่ภายกลุ่มผู้ชุมนุม และยังแต่งกายคล้ายกับศิษย์ของธรรมกายอีกด้วย

แหล่งข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การระเบิดหนนี้ ไม่น่าจะมาจากศิษย์ธรรมกาย อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถตัดประเด็นดังกล่าวทิ้งไปได้ แต่จะให้น้ำ หนัก กับทุกประเด็น รวมทั้งจะต้องตรวจสอบประวัติเจ้าของรถที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงต้องประสานงานกับข่าวกรอง เพื่อตรวจสอบถึงแนวโน้มกลุ่มก่อกวน หรือมือ ที่สามที่ไม่หวังดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุได้มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เดินทางมายังที่เกิดเหตุเพื่อสั่งการอย่างใกล้ชิด อาทิ พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ ผบชน. พล.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ โลหิโตปการ พล.ต.ต.สมศักดิ์ ประสานสุข ผบก.191 เดินทางมายังที่เกิดเหตุด้วย

สำหรับความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (17 พ.ย.) นายเริงชัย เบ้านุวงศ์ หัวหน้าฝ่ายสังฆการ กรมการศาสนา ได้เข้ากราบนมัสการ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง โดยใช้เวลา 1 ชม.

นายเริงชัย เปิดเผยว่า สมเด็จเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ได้สอบถามถึงสถานการณ์เกี่ยวกับปัญหาวัดพระธรรมกายในขณะนี้ รวมทั้งกรณีการดำเนินการกับพระธัมมชโย ซึ่งสมเด็จเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ได้ให้คำแนะนำว่า ควรให้โอกาสพระธัมมชโย ได้มารับทราบข้อกล่าวหา ตามกระบวนการนิคหกรรมอีกครั้งหนึ่ง หากพระธัมมชโยไม่มา รับทราบข้อกล่าวหา ก็ให้พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัด สรุปสำนวนข้อกล่าวหาทั้งหมด เสนอต่อพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 หากพระพรหมโมลีไม่ยอมรับ เอกสาร ดังกล่าว ก็ให้เสนอมายังสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ในฐานะที่เป็นเจ้าคณะปกครองใหญ่ที่สุดในหนนี้

สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มชุมนุมนั้น จำนวนผู้ประท้วงได้เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 16 พ.ย. เป็นจำนวนมากกว่า 1,000 คน และได้เปลี่ยนยุทธวิธีจากเดิม ที่ปักหลัก อยู่ที่บริเวณหน้ากุฏิของสมเด็จเจ้าคณะใหญ่หนกลาง มาเป็นที่บริเวณถนนหัววัดชนะสงครามแทน ถือป้ายเรียกร้องความยุติธรรม และยึดประเด็นเดิม ที่เรียกร้องให้ พระครูปทุมกิจโกศล กลับมาเป็นเจ้าคณะตำบลคลอง 1 ตามเดิม

ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. ในระหว่างที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กำลังเดินทางออกไปกิจนิมนต์นอกวัด ทางกลุ่มผู้ชุมนุม ได้ขอเจรจากับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ และให้คนขับรถออกไปทันที อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล หน่วยปราบจราจล และตำรวจจากสน.ชนะสงคราม ยังคงตั้งกำลังอย่างเข้มงวดตามเดิม

ขณะเดียวกัน แกนนำผู้ชุมนุม ได้ยื่นหนังสือเรียกร้องขอให้เจ้าคณะหนกลาง ออกทบทวนคำสั่งปลดเจ้าคณะตำบลคลอง 1 โดยพระครูปลัดสัมมาพิพัฒน์ธีราจารย์ พระเลขาเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เป็นผู้รับหนังสือ

พระครูปลัดสัมพิพัฒน์ธีราจารย์ เปิดเผยว่า ตัวแทนผู้ชุมนุมนำโดยนายประสาท วรพิมพ์พงษ์ นายสุริยา มัตตัง นายเฉลิม วงศ์ศิริ นายธงไชย มาศตันติพงศ์ และนาย อดิศักดิ์ วรรณศิลป์ ซึ่งเป็นตัวแทนประธานพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือข้อเรียกร้องมายื่น 3 ข้อ คือ ให้สั่งพักพระสุเมธาภรณ์ จากตำแหน่งเจ้าคณะ จังหวัด ปทุมธานี และยกเลิกคำสั่งเจ้าคณะตำบลคลอง 1 ใหม่ ให้สั่งการให้พระครูปทุมกิจโกศล กลับมาเป็นเจ้าคณะตำบลคลอง 1 ดังเดิม ซึ่งอาตมาจะรับไว้ แต่คิดว่าผู้ชุมนุมคง จะรู้คำตอบอยู่แล้ว เพราะขออะไรที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเรื่องนี้มีการชี้แจงกันถึงความย่อหย่อนความสามารถของพระครูปทุมกิจโกศล ไปหลายครั้งแล้ว ซึ่งสมเด็จ พระมหาธีราจารย์ก็ชี้แจงด้วย และผู้ชุมนุมก็ยอมรับไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นผู้ชุมนุมได้สลายการชุมนุม และนัดรวมตัวกันใหม่วันนี้(18 พ.ย.) เวลา 08.00 น.ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก รายงานข่าวจาก เจ้าหน้าที่กรม การศาสนา แจ้งว่า สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้บอกว่า มีความยินดีที่จะให้ผู้ชุมนุมอยู่ที่วัดชนะสงครามนานเท่าใดก็อยู่ได้ แต่ต้องทำตามกติกา ถือเป็นสิ่งดี เงินของ คนรวย จะได้สะพัดสู่คนจนที่มาค้าขายบริเวณวัดชนะสงคราม

ทั้งนี้ ก่อนที่ผู้ชุมนุมจะสลายตัวกลับ ทางพระเลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ส่งตัวแทนมารับข้อเจรจาจากสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ที่ได้ขอร้องกับผู้ชุมนุมว่า จะอยู่ ภายใน บริเวณวัดนานเท่าใดก็ได้ แต่ขอให้ผู้ชุมนุมปฏิบัติตามนี้คือ ห้ามใช้เครื่องขยายเสียง หรือเครื่องเสียงใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเป็นการรบกวน การศึกษาเล่าเรียนของ พระภิกษุสามเณรภายในวัด ห้ามกีดขวางการจราจรภายในบริเวณวัด โดยเฉพาะห้ามกีดขวางทางเข้า – ออกของวัด รวมทั้งบริเวณลานจอดรถของชาวบ้าน ที่ต้องอาศัย จอดรถภายในวัด และขอให้อยู่อย่างสงบเป็นระเบียบเรียบร้อย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เวลาประมาณ 23.30 น. (วันที่ 16พ.ย.) ศิษย์ธรรมกายถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้ายด้วยมีดดาบ ได้รับบาดเจ็บที่แขนทั้งสองข้าง โดยกลุ่ม ชายฉกรรจ์คนหนึ่งพูดว่า ศิษย์ธรรมกาย ต้องฝากแผลกลับไป 2-3 แผล หลังเกิดเหตุทราบว่า ผู้เคราะห์ร้ายคือ นายเจษฎา ตรีเนตร เป็นหนึ่งผู้เรียกร้องปักหลักชุมนุม อยู่ที่ บริเวณวัดชนะสงคราม ขณะเกิดเหตุ ได้แยกตัวออกไปกินก๋วยเตี๋ยว จนถูกรุมทำร้าย และได้นำความเข้าแจ้งสน.ชนะสงคราม บันทึกไว้เป็นหลักฐานแล้ว

ทางด้าน นายสมบัติ เดียวอิศเรศ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เปิดเผยถึงการพิจารณาคดีวัดพระธรรมกายที่มี “พระธัมมชโย” และนายถาวร พรหมถาวร ลูกศิษย์คนสนิท เป็นจำเลยในข้อหายักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ซึ่งจะเริ่มพิจารณาเป็นครั้งแรกในวันนี้(18 พ.ย.)ว่า ศาลนัดพิจารณาคดีที่ห้องพิจารณา 704 คาดว่าการพิจารณาคดีนัดแรกจะมีผู้ติดตามและลูกศิษย์วัดธรรมกายให้ความสนใจมาฟังจำนวนมาก ศาลอาญาจึงจัดให้มีการถ่ายทอดโทรทัศน์วงจรปิด ไปยังห้อง พิจารณาคดี 701 ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่กว่า เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าฟัง ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัย ทางศาลได้ขอกำลังตำรวจกองปราบปราม และ ตำรวจ สันติบาล ทั้งในและนอกเครื่องแบบ รวมกว่า 30 นาย มาคอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย นอกเหนือจากกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) และ ตำรวจศาล ที่มีประจำอยู่แล้ว 

นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ว่า ตนได้หารือกับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เกี่ยวกับปัญหา วัดพระธรรมกาย และรายงานเรื่องที่ตนไปพบกับพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 โดยพระพรหมโมลี ได้ให้ความเห็นในเรื่องไม่รับสำนวนฟ้องพระธัมมชโย ว่าไม่ครบถ้วน ถูกต้อง

สมเด็จพระมหาธีราารย์กล่าวว่า ทางเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กำลังพิจารณาดำเนินการและให้โอกาสพระธัมมชโย มารับทราบข้อกล่าวหาครั้งที่ 3 คาดว่า จะเรียกตัว มาอีกครั้งในวันที่ 30 พ.ย.2542 หลังจากเรียกตัวเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ไม่มาตามเรียก เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี จะจัดทำรายงานให้เจ้าคณะภาค 1 ได้รับทราบว่า ได้พยายาม ทำตามกฎนิคหกรรมแล้ว หากไม่มีปัญหาทางปฏิบัติ และในทางดำเนินการเมื่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ได้รับรายงานตามขั้นตอนแล้ว ก็จะต้องพิจารณาเอง

ขณะนี้ กรมการศาสนาไม่มีเอกสารที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม เป็นเพียงแค่ส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยเหลือเจ้าคณะจังหวัด และคิดว่า เจ้าคณะจังหวัดก็มีเจ้าหน้าที่ด้าน กฎหมาย อยู่แล้ว

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.ศึกษาธิการ กล่าวภายหลังหารือกับ นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ว่า ต่อจากนี้ จะดำเนินการ แยกเป็น 2 ทาง คือ ทางหนึ่งพระสุเมธาภรณ์ จะเรียกพระธัมมชโยและพระทัตตชีโว มารับทราบข้อกล่าวหา ในฐานะพระผู้ปกครอง


[หน้าหลัก][หน้า1][วิวาทะ]