ปีที่ 2 ฉบับที่ 858 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 18 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542 |
นิคหกรรมรุนแรงยั่วยุขัดแย้งพระธรรมวินัยเท่านั้นคือที่ยุติ
คืนวานนี้มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้าไปบริเวณวัดชนะสงคราม ได้เข้ารุมทำร้ายศิษย์วัดพระธรรมกาย
ที่เข้าไปชุมนุมเรียกร้องให้
สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง
ทบทวน คำสั่ง ปลด
พระครูปทุมกิจโกศล จากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง
ผู้เห็นเหตุการณ์ยืนยันว่า หนึ่งในกลุ่มคนร้ายได้พูดขึ้นมาลอยๆ ว่า พวกนี้เป็นศิษย์ธรรมกาย ต้องฝากแผลให้พวกมันสัก 2-3 แผล
ยังไม่ทันที่จะมีเสียงตอบโต้จากฝ่ายตรงข้าม
กลุ่มชายฉกรรจ์ก็ชักดาบ และไม้ ร่วมแรงประสานใจตีกระหน่ำใส่บรรดาศิษย์ธรรมกาย ขณะนั่งรับประทานก๋วยเตี๋ยว ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลฉกรรจ์ที่บริเวณแขน
จากนั้นกลุ่มคนร้ายต่างพากันแยกย้ายหลบหนี หายไปในความมืด
ผู้เคราะห์ร้ายหอบสังขารนำความเข้าแจ้งกับร้อยเวรสถานีตำรวจชนะสงคราม
ผมย้ำมาเสมอ ว่าความรุนแรงไม่ใช่วิธีการของชาวพุทธ ผู้มีธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่ในหัวใจ
วานนี้ "เริงฤทธิ์ เบ้านุวงศ์" หัวหน้าฝ่ายสังฆการ กรมการศาสนา ออกมาชี้แจงแถลงไข หลังจากเข้ากราบนมัสการสมเด็จพระมหาธีราจารย์
เพื่อหารือถึงปัญหาวัด พระธรรกาย และขั้นตอนในการดำเนินนิคหกรรมพระธัมมชโย
สมเด็จพระมหาธีราจารย์ แนะนำว่า
.สังคมควรให้โอกาสพระธัมมชโย
ด้วยการให้ท่านมารับฟังข้อกล่าวหาตามกระบวนการนิคหกรรมอีกครั้งหนึ่ง
หากพระธัมมชโยไม่มารับฟังข้อกล่าวหา
ก็ให้พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี นำสำนวนข้อกล่าว และเอกสารกล่าวหาตามที่มีผู้กล่าวทั้งหมด
เสนอต่อไปยัง พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ในฐานะประธานผู้พิจารณาชั้นต้น และเป็นเจ้าคณะปกครองใหญ่ที่สุดพิจารณา
ส่วนเรื่องพระครูปทุมกิจโกศล ท่านถือว่าควรยุติได้แล้ว
ครับโดยส่วนตัวผม เห็นว่า การชุมนุมไม่ได้เกิดผลดีต่อปัญหาที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
ผมไม่เชื่อว่าผู้ที่รุมทำร้ายศิษย์ธรรมกาย จะเป็นผู้ที่มีความมั่นคงต่อพระพุทธศาสนา เพราะพฤติกรรมและการแสดงออกต่างๆ ล้วนไม่ใช่เป็นวิธีการของพระพุทธเจ้า ที่ทรงมุ่งให้มนุษย์ใช้ปัญญา เป็นเครื่องนำทางดำเนินชีวิต
เรื่องของมือที่สาม พวกมนุษย์โรคจิต และหรือนักรับจ้างเคลื่อนไหว
ที่ต้องการจุดเชื้อชนวนให้เกิดความรุนแรงแตกแยก จะด้วยวัตถุประสงค์ หรือหวังผลเกี่ยวกับเรื่องใดๆ ก็ตาม
ต้องใช้ความระมัดระวัง ต่อปัญหาล่อแหลม
ที่พร้อมจะเกิดขึ้นทุกวินาทีด้วย
ที่เตือนเพราะหวังดี ไม่อยากให้เกิดเรื่องบานปลายใหญ่โต โดยเฉพาะเรื่องที่มาจากความเห็นไม่ตรงกันในพระพุทธศาสนา ในสถาบันสงฆ์ของเราชาวพุทธ
สำคัญที่สุด ปีนี้เป็นปีมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา
ทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ
ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมีเรื่องที่มิบังควรเกิดขึ้นในแผ่นดินนี้
พระราชดำรัสรู้รักสามัคคี น่าจะเป็นแสงสว่างทำให้ผู้คนที่ตกอยู่ในภาวะร้อนรุ่ม มองเห็นถึงทางเจริญ และทางเสื่อมได้
กรณีของธรรมกาย ถูกท้าทายมาโดยตลอด คงปฏิเสธไม่ได้ว่า มีกลุ่มและคณะบุคคลพยายามจะโค่นล้มองค์กรนี้มาโดยตลอด
ปัญหาที่เกิดขึ้นในวัดพระธรรมกาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เล็กน้อย หือใหญ่โตเพียงใด สังคมจะช่วยกันบันทึก และนำมาใช้เป็นมูลเหตุในการโจมตี จนหลายคนพูดว่า
จ้องแต่ จับผิด โดยที่ไม่เคยหยิบยกส่วนดีๆ ของวัดมาเป็นประเด็นแม้แต่น้อย
ผมยังมองไม่ออกเลยครับว่า หากวัดพระธรรมกาย
โดยเฉพาะพระธัมมชโย ปฏิเสธที่จะรับฟังข้อกล่าวหา
เพื่อดำเนินไปสู่กระบวนการนิคหกรรม
อะไรจะเกิดขึ้น?
ผมมองไม่ออกจริงๆ ว่า การแสดงจุดยืนของพระธัมมชโย
ที่ยืนยันมาตลอดเวลาว่า นิคหกรรมได้ถึงที่สุดแล้ว ในขณะที่เจ้าคณะจังหวัด และเจ้าคณะใหญ่หนกลางยืนยันว่า ให้พระธัมมชโย มารับฟังข้อกล่าวหาอีกครั้ง
จนด้วยปัญญาจริงๆ ครับ ไม่อาจคาดเดาได้ว่า ความขัดแย้งดังกล่าวจะจบลงเช่นไร
หากพระธัมมชโย ยังคงยืนยันในหลักการที่ว่า นิคหกรรมจบสิ้นไปแล้ว และปฏิเสธที่จะรับฟังข้อกล่าวหาอีกเป็นคำรบที่สอง
ขั้นตอนต่อไป
เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี จะรวบรวมส่งหลักฐานคำฟ้องของผู้กล่าวหาทั้งสองคน คือ สมพร เทพสิทธา และ มาณพ พลไพรินทร์ ให้ประธานผู้พิจารณาชั้นต้น ดำเนินการต่อไป
งานนี้ขึ้นอยู่กับพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 จะพิจารณากรณีดังกล่าวอย่างไร?
พระพรหมโมลี ซึ่งได้วินิจฉัยว่า ตามกฎมหาเถรสมาคม คฤหัสถ์ไม่สามารถเป็น "โจทก์" ฟ้องร้องพระภิกษุได้ จะพิจารณาอย่างไร
หากท่านเจ้าคุณ พิจารณายืนเหมือนความเห็นเมื่อครั้งที่แล้ว
ผมพูดได้ล่วงหน้าเลยว่า จะเกิดกระแสเสียงต่อต้านท่านเจ้าคุณอย่างล้นเหลือ ควบคู่ไปกับกระแสปลดพระพรหมโมลี ให้พ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะภาค 1
เฉกเช่นเดียวกับ พระครูปทุมกิจโกศล
ที่ถูกปลดพ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบล
พระเถระในกรรมการมหาเถรสมาคม สมเด็จพระพุฒาจารย์ หรือสมเด็จเกี่ยวแห่งวัดสระเกศ ในฐานะประธานสงฆ์มหานิกาย
ท่านจะต้องพิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้น
อย่าง หลีกเลี่ยงมิได้
โซตัส