ปีที่ 2 ฉบับที่ 859 ประจำวันศุกร์ที่ 19 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542 |
อัยการฝ่อ ขอเลื่อนคดี ธัมมชโยนิ่ง
"ตือ" เดินเกมถล่มต่อ ออกข่าวปลดทางจม.
อัยการเลื่อนสืบพยานคดีธรรมกาย อ้างเหตุรอรวมคดีอื่น ปล่อยพระธัมมชโยไปศาลเก้อ ศิษย์วัดเฮ ตั้งข้อสงสัยหลักฐานไม่ครบ "ตือ" ปล่อยข่าวปลดพระธัมมชโยทางไปรษณีย์อีก ทางวัดเป็นงง ไม่เคยเห็นจดหมายปลด ด้านตำรวจเตรียมโยนบาป ให้ม็อบวัดชนะสงคราม หลังเกิดเหตุระเบิดจนลูกหมาตายไป 1 ศพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ 18 พ.ย. ได้มีการพิจารณา คดีวัดพระธรรมกาย ที่มีพระธัมมชโย ตกเป็นจำเลยร่วมกับ นายถาวร พรหมถาวร ลูกศิษย์ คนสนิท ในข้อหายักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ จากกรณีนำเงินบริจาคของวัด ไปซื้อที่ดินหลายแปลงในจังหวัดพิจิตร ซึ่งถือว่าเป็นการพิจารณาในชั้นศาลเป็นครั้งแรก
ท่ามกลางบรรดา
ญาติโยมและผู้เลื่อมใสในวัดพระธรรมกาย ที่เดินทางมาให้กำลังใจพระธัมมชโยนับพันคนจนล้นศาล การพิจารณาคดีมีขึ้นที่ห้องพิจารณาคดีที่ 704 ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.00 น. มีนายสมพงษ์ สนธิเณร อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง ปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาอาวุโสประจำศาลอาญา ทำหน้าที่เป็นองค์คณะพร้อมผู้พิพากษาอีก 2 คน
อัยการเลื่อนสอบพยาน
ศาลเริ่มการพิจารณาด้วยการสอบถามจำเลยทั้งสองว่า จะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ปรากฏว่า จำเลยทั้งสองยังคงยืนยันให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาเช่นเดิม
ขณะที่อัยการโจทก์
ก็ได้ยื่นคำร้อง ขอแก้ไขคำฟ้องเพิ่มเติม พร้อมกับแถลงว่า วันนี้ได้เตรียมพยานบุคคลมา พร้อมเข้าเบิกความ แต่เนื่องจากอัยการมีคดีที่จะฟ้องเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายอีกหลายดี ซึ่งจะขอให้ศาลรวมพิจารณากับคดีนี้ด้วย จึงขอเลื่อนคดีวันนี้ออกไปก่อน ส่วนนายสนธยา โพธิแดง ทนายจำเลย ก็แถลงศาลว่า พระธัมมชโยก็ติดภารกิจที่อื่น ขอเลื่อนคดีเช่นกัน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คู่ความมีเหตุขัดข้อง จึงอนุญาตให้เลื่อนคดีได้ พร้อมกับนัดทำการสืบพยานทุกวันพุธ เพื่อให้คดีเสร็จโดยเร็ว โดยนัดสืบพยานโจทก์ปากแรกในวันที่ 12 มกราคม 2543 เวลา 09.00 น.
การพิจารณาวัดพระธรรมกายวันนี้ ทางศาลได้จัด ทีวี.วงจรปิด ไว้ที่ห้องโถงชั้น 2 ของอาคารศาลอาญา เนื่องจากมีญาติโยมเดินทางมาฟังการพิจารณาคดีจำนวนมากประมาณ 1,000 คน แต่สามารถเข้าไปฟังการพิจารณาคดีที่ห้อง 704 ได้เพียง 300 คนเศษ ที่เหลือจึงมาออกันอยู่บริเวณชั้น 2
พระสังฆราชเสด็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดชนะสงครามว่า ในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. สมเด็จพระสังฆราช ได้เดินทางส่วนพระองค์ เสด็จมาเยี่ยมสมเด็จพระมหาธีราจารย์
และได้ใช้เวลาหารือ ประมาณ 1 ชั่วโมง การมาในครั้งนี้ มาเพื่อเยี่ยมให้กำลังใจ และนำพระไพรีพินาศ เป็นพระบูชาขนาด 9 นิ้ว มามอบให้กับสมเด็จมหาธีราจารย์ด้วย
นอกจากนี้ สมเด็จพระสังฆราช ยังทรงถามถึงกรณีที่เกิดเหตุระเบิดเมื่อคืนก่อนว่า เป็นอย่าไร สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้รายงานเหตุการณ์ให้ทราบ และได้ถวายพระหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ จ.ปัตตานี เป็นพระบูชาหน้าตัก 15 นิ้ว แด่สมเด็จพระสังฆราช หลังจากนั้น สมเด็จพระสังฆราชก็เสด็จกลับ
ปลดพระธัมมชโยทางจม.
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้หารือกับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรณีพระปริยัติวโรปการ
รักษาการ เจ้า คณะ
ตำบลคลองหนึ่ง มีหนังสือสั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสของพระธัมมชโย ไปให้วัดพระธรรมกายทราบทางไปรษณีย์ ว่า หากทางวัดพระธรรมกายอ้างว่า
ไม่ได้รับคำสั่งพัก ตำแหน่ง
เจ้าอาวาสของพระธัมมชโย สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้ให้คำแนะนำว่า ให้ใช้กฏมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 11 และฉบับที่ 24
ซึ่งพระธัมมชโย
จะมีโทษถึงขั้นถอดถอน จาก
ตำแหน่งเจ้าอาวาส
สำหรับกฏมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 ซึ่งว่าด้วยการละเมิดจริยาของพระสังฆาธิการ ที่จะมีการนำมาใช้พิจารณาโทษกับพระธัมมชโย ครั้งนี้ เข้าข่ายข้อ 55
กรณีพระ สังฆาธิการ
ขัดคำสั่งอันชอบด้วยการคณะสงฆ์ การขัดคำสั่ง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย อย่างร้ายแรงแก่คณะสงฆ์ จะต้องพ้นจากตำแหน่งทุกตำแหน่ง
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังเข้ากราบนมัสการสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ว่า
จากเหตุระเบิดรถยนต์ ที่จอด
ในวัดชนะสงคราม ตนจะต้องประสานกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ดูแลความปลอดภัยกับพระที่เกี่ยวข้องกับคดีวัดพระธรรมกายทุกรูป
ในส่วนของคนร้ายนั้น ทั้งตนและสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ไม่อยากมุ่งไปที่ฝ่ายใดหรือวิเคราะห์ว่าเป็นฝีมือใคร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ต้องเร่งดำเนินการ ปล่อยไว้นาน ความรู้สึกไม่มั่นใจในความปลอดภัยในร่างกายชีวิตทรัพย์สินมี ไม่ได้เกิดผลดีทางฝ่ายรัฐบาล และก็ไม่ได้เกิดผลดีกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ขณะนี้กำลังให้อธิบดีกรมการศาสนา สรุปเรื่องเหตุระเบิด เพื่อรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ และถ้าผู้ชุมนุมจะมาชุมนุมกันอีก คงห้ามไม่ได้ ถ้าไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร
ด้าน พ.ต.อ.ชัยทัศน์ รัตนพันธุ์ ผู้กำกับการ สน.ชนะสงคราม กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับฝ่ายสืบสวนกรณีเหตุระเบิดรถยนต์ที่จอดในวัดชนะสงครามว่า
ยังไม่สรุปประเด็น สาเหตุ
ของการระเบิด แต่ยังมุ่งสอบสวนให้หมดทุกประเด็นก่อน เพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุด และขณะนี้ได้เชิญพยานมาให้ปากคำแล้ว 5-6 ปาก ส่วนนายไกรสร บาลมงคล
เจ้าของรถที่เกิด เหตุ ระเบิด กล่าวภายหลังให้ปากคำกับตำรวจว่า ไม่อยากจะสรุปว่าสาเหตุการระเบิดเกี่ยวข้องกับใคร แต่ส่วนตัวไม่มีเรื่องหรือทะเลาะกับใคร และบวชเพิ่งจะสึกมาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามตำรวจได้สอบปากคำในเรื่องทั่วๆ ไปว่า มาจอดรถเมื่อใด ซึ่งปกติจะมาจอดรถที่วัดชนะสงคราม 6-7 ปีแล้ว รถคันดังกล่าวเป็นของบริษัทที่ทำงานอยู่
ซึ่งทางบริษัท
ประกันคงจะจ่ายค่าเสียหายให้
พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุระเบิดภายในวัดชนะสงคราม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชัยทัศน์ รัตนพันธุ์ ผู้กำกับการ สน.ชนะสงคราม พ.ต.ท.สินมนู พุทธิกุล รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สน.ชนะสงคราม กล่าวว่า ตำรวจพยายามเต็มที่ที่จะหาตัวคนร้ายที่วางระเบิดรถยนต์ในวัดชนะสงคราม โดยตั้งประเด็นเหตุระเบิดไว้ทุกประเด็น รวมถึงการชุมนุมของศิษย์วัดพระธรรมกายด้วย
โดยจากการสอบปากคำเจ้าของรถยนต์ที่ถูกระเบิดนั้น ทราบว่าไม่มีศัตรูที่จะทำให้เกิดการแก้แค้น เพื่อลอบวางระเบิด แต่ยังไม่สามารถสรุปได้
ต้องรอการสืบสวนสอบสวน ให้
ละเอียด รอบคอบก่อน และรอผลตรวจพิสูจน์ระเบิด ส่วนผู้ชุมนุมวัดพระธรรมกายจะมาชุมนุมที่วัดชนะสงคราม และจะเข้าไปภายในวัดได้เหรือไม่
ตำรวจจะให้ขึ้นกับการตัดสินใจ
ของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลางว่า จะอนุญาตให้เข้าไปได้หรือไม่
ระบุศิษย์เกี่ยวข้องวางระเบิด
เหตุระเบิดครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับศิษย์วัดพระธรรมกายที่มาชุมนุมในวัดชนะสงครามก่อนที่จะออกไปจากวัด ระเบิดที่ใช้ดูจากเปลือกและการทำงาน น่าจะเป็นชนิดเอ็ม 61
ขณะนี้
ตำรวจกำลังหาชิ้นส่วนของกระเดื่อง เพื่อเป็นการยืนยัน ขณะเดียวกัน ทางตำรวจกำลังติดตามบุคคลผู้ต้องสงสัยอยู่ 2-3 กลุ่มว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องแค่ไหน
แต่ต้องขอ เวลา
ในการสืบสวนสอบสวน โดยจะระดมตำรวจสันติบาล และตำรวจภูธรภาค 1 และตำรวจนครบาล เข้าทำงานนี้
ต่อจากนี้คงจะต้องติดตามความเคลื่อนไหวของบรรดาลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด และฝากไว้ด้วยว่า ขอวิงวอนในฐานะชาวพุทธด้วยกัน
ไม่น่า
จะทำอะไรที่เกี่ยวกับวัด ให้เกิดความเสียหายรุนแรง ทุกคนควรจะเคารพกฏเกณฑ์ของบ้านเมือง
พล.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวอีกว่า น่าจะสันนิษฐานว่า จะเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่มาชุมนุมประท้วง และก็คงเกี่ยวข้องกับศิษย์วัดพระธรรมกาย ก็กำลังหาสาเหตุกันอยู่ เรื่องนี้ผมคิดว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้นในสังคมประเทศไทย
นอกจากนี้ ตนได้เข้านมัสการสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ซึ่งท่านไม่ได้วิตกกังวลใด แต่คิดไม่ถึงว่า จะเกิดเหตุนี้ขึ้นได้ เพราะสมเด็จพระมหาธีราจารย์ บอกว่าได้พยายามวางตัวเป็นกลาง และให้ความยุติธรรมที่สุด โดยให้เรื่องวัดพระธรรมกาย เป็นไปตามกฏและระเบียบต่างๆ ที่ได้วางไว้
เป็นระเบิดสังหาร M61
พล.ต.ต.จักรทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
กล่าวภายหลังสั่งการให้ตำรวจนำรถคันที่ถูกระเบิด
ขณะจอดอยู่ในวัดชนะสงคราม
ไปตรวจดูสภาพ ใต้ท้องรถ
ที่ปั๊มน้ำมันตรงข้ามวัด เพื่อดูทิศทางที่มาของระเบิด ว่า ขณะนี้เบื้องต้นทราบว่า เป็นระเบิดชนิดเอ็ม 61 ส่วนการอารักขาดูแลความปลอดภัยให้สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง และภายในวัด ได้สั่งการให้สายตรวจของ สน.ชนะสงคราม และตำรวจ 191 ดูแลอยู่
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองสรรพาวุธที่มาตรวจสอบวัตถุระเบิด เปิดเผยว่า ระเบิดที่ใช้ในครั้งนี้เป็นระเบิดชนิดสังหาร รัศมีอันตราย 15 เมตร ดูแล้วทิศทาง
น่าจะมาจาก
การขว้างหรือโยนเข้าไปใต้ท้องรถ มากกว่าการติดตั้งเวลา
ด้าน พล.ต.ต.ประเสริฐ พิทักษ์ธรรม ผู้บังคับการกองสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดว่า จากการรายงานที่ได้รับในการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ได้ตรวจสะเก็ตระเบิดที่พบ เป็นระเบิดมือชนิดขว้าง สันนิษฐานได้ว่า เป็นยี่ห้อ Grenade Handdelay ผลิตในสหรัฐอเมริกา
โดยระเบิดยี่ห้อดังกล่าว มีการนำเข้ามาในประเทศ ไม่ต่ำกว่า 10 ปีมาแล้ว สำหรับอานุภาพทำลายล้าง มีรัศมีประมาณ 15 เมตร จากจุดที่ขว้างปา จึงยืนยันได้ว่า
บุคคลที่ใช้ ระเบิด ดังกล่าว เป็นผู้มีความรู้เชี่ยวชาญในเรื่องวัตถุระเบิดเป็นอย่างดี เพราะเป็นระเบิดที่มีวิธีการใช้ไม่ง่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงค่ำวานนี้ มีข่าวลือถูกปล่อยออกมาจากเจ้าหน้าที่กรมการศาสนา ว่ามีม็อบนับพัน ได้เดินทางไปประท้วง พระปริยัติวโรปการณ์ ที่วัดเขียนเขต ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีม็อบดังกล่าวแต่ประการใด
และจากการสอบถามไปยังวัดพระธรรมกาย ปรากฏว่า ทางวัดยังไม่ทราบเรื่องจดหมายปลดพระธัมมชโย ตามที่นายสมศักดิ์กล่าวอ้างแต่ประการใด ซึ่งพระในวัด มั่นใจว่า ยังไม่มีคำสั่งปลดออกมาอย่างเป็นทางการ