ปีที่ 2 ฉบับที่ 864 ประจำวันพุธที่ 24 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2542 |
ตั้งข้อหาดร.เบญจ์ ทำลายความมั่นคง
กรมศาสนาเอาอีก จัดประชุมสมภาร
ตำรวจเล่นแรง ตั้งข้อหา ดร.เบญจ์ บาระกุล หมิ่นประมาท และทำลายความมั่นคง สร้างความวุ่นวายในวงการพระพุทธศาสนา ยอมรับยังไม่รู้ว่า ดร.เบญจ์ อยู่ที่ไหน
คาดอยู่ใน วัดพระธรรมกาย ด้านกรมการศาสนา เข้าพบพระมหาระแบบแล้ว ให้แนวทางประชุมพระสังฆาธิการทั่วประเทศ ลงมติเสียงข้างมาก โหวตไม่รับวัดพระธรรมกาย
ศิษย์เชื่อ พระสังฆาธิการเกินครึ่ง ยกมือช่วยพระธัมมชโย
พล.ต.ท.โยธิน มัธยมนันทรี ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล หนึ่งในคณะทำงานสืบสวนสอบสวน กรณีมีหนังสือ และบทความออกมาโจมตีพระธรรมปิฎก ที่เขียนโดย ดร.เบญจ์ บาระกุล และมี พล.ต.ท.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ผช.ผบ.ตร. เป็นประธานเปิดเผยว่า คณะทำงานได้มีความเห็นแล้วว่า หนังสือและบทความที่เขียนโดย ดร.เบญจ์ บาระกุล ดังกล่าว เป็นการเขียนเข้าข่ายหมิ่นประมาท และทำลายความมั่นคงของชาติ รวมทั้งสร้างความวุ่นวายขึ้นกับวงการพระพุทธศาสนา จึงสรุปว่า ดร.เบญจ์
มีความผิด และ ขณะนี้อยู่
ระหว่าง
การติดตามตัวมาดำเนินคดี แต่อย่างก็ตาม จนถึงขณะนี้ ทางตำรวจยังไม่ทราบความเคลื่อนไหวของดร.เบญจ์มากนัก พร้อมกับระบุว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ ดร.เบญจ์ อาจจะหลบซ่อนตัวอยู่ในวัดพระธรรมกายก็เป็นได้
"สันติบาลกำลังตรวจสอบการข่าวอยู่ เขาอาจจะหลบอยู่ในวัดพระธรรมกายก็ได้ เพราะมีเครือข่าวกันอยู่ ตำรวจกำลังไล่ล่าตัวอย่างกระชั้นชิด เพราะหนังสือที่เขียนออกมา
เข้าข่าย
ทำลายความมั่นคงของชาติ ขณะนี้ ตำรวจได้อายัดหนังสือทั้งหมดไว้แล้ว ถ้าพบว่า มีใครนำไปจำหน่ายหรือเผยแพร่ ก็มีความผิดด้วย และทางกองปราบปราม
ก็กำลังติดตามตัว
อยู่เช่นกัน มีการติดตามเพื่อไม่ให้หลบหนีไปต่างประเทศได้ เพราะคาดว่า เขาอาจจะมีพาสปอร์ตหลายประเทศ หรืออาจจะหลบหนีไปทางแนวชายแดน
เราก็เตรียมการ ป้องกัน
ไว้แล้ว"
รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจสันติบาลระบุว่า ขณะนี้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้มีหนังสือตอบกลับมายังสำนักงานตำรวจสันติบาล เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ตามที่กองบังคับการตำรวจสันติบาล 2 ได้มีหนังสือที่ ตช.0025.3/518 ลงวันที่ 15 ต.ค.42 ส่งคำสั่งเจ้าหน้าพนักงานการพิมพ์ที่ 1/2542 เรื่องห้ามการขายหรือจ่ายแจก
และ ให้ยึด สิ่งพิมพ์ เพื่อขอให้ดำเนินการประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้น สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ลงประกาศคำสั่งดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษาฉบับทั่วไปเล่ม 116 วันที่ 22 ต.ค.2542 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในขณะนี้ ถือว่าหนังสือที่เขียนโดย ดร.เบญจ์ เช่น เปิดโปงขบวนการล้มพระพุทธศาสนา ถือเป็นหนังสือต้องห้าม อย่างเป็นทางการแล้ว ดังนั้น บุคคลใดมีไว้ในครอบครอง
เพื่อการ เผยแพร่ หรือจำหน่าย จะต้องมีความผิดด้วย และสันติบาลได้ส่งประกาศดังกล่าวไปยังตำรวจทั่วประเทศแล้ว ซึ่งหากพบเห็นว่า มีการจำหน่าย ก็สามารถอายัด
และดำเนินคดี
ผู้จำหน่ายได้ทันที รวมทั้งขณะนี้ กำลังตรวจสอบโรงพิมพ์ ผู้พิมพ์หนังสือดังกล่าวด้วย
พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวหลังจากร่วมประชุมกับรองผู้บัญชาการ และผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ที่เกี่ยวข้อง คดี เหตุระเบิดวัดชนะสงคราม ราชวรวิหารเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ความคืบหน้าในคดีดังกล่าวขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ และยังไม่ได้ตัวคนร้าย
แต่ได้มีการ
เฝ้าสังเกตผู้ต้องสงสัยอยู่ และกำลังรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด
เหตุที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้เช่นกัน แต่หากประชาชนที่ทราบเบาะแสที่จะเป็นประโยชน์ต่อคดี
ขอให้แจ้งมา
ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนภาพบันทึกเทป หากได้ตัวผู้ต้องสงสัย ก็จะต้องใช้ภาพเทปดังกล่าว ในการสอบสวนด้วย
นายวิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ พร้อมด้วย นายไพบูลย์เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา และนายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีฯ
ได้เข้ากราบนมัสการ
พระราชธรรม นิเทศน์ หรือพระมหาระแบบ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศน์ฯ โดยใช้เวลาหารือกว่า 1 ชั่วโมง จากนั้น นายวิชัยได้ให้สัมภาษณ์ว่า
ตนได้มาขอความรู้ในเรื่อง
การวินิจฉัย พระธรรม
วินัยต่างๆ ซึ่งพระราชธรรมนิเทศน์ ได้ให้ความรู้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากจะดำเนินการตามกฎนิคหกรรมแล้ว ยังมีวิธีการอื่นๆ ที่จะดำเนินการกับพระธัมมชโย
และพระ ทัตตชีโว โดยให้ใช้ฉันทามติของพระสังฆาธิการทั่วประเทศ มาดำเนินการกับพระทั้ง 2 รูป
หากพบว่า พระธัมมชโย และพระทัตตชีโว ไม่มารับทราบข้อกล่าวหา ตามที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ได้มีหนังสือนัดหมายในวันที่ 30 พ.ย. นี้
ตนจะไปกราบนมัสการ สมเด็จ
พระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เพื่อหารือถึงการใช้วิธีการดังกล่าว จากนั้นจะนำเข้าที่ประชุมมส. เพื่อขอความเห็นชอบให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา
เพื่อวินิจฉัยใน
ประเด็นกฎหมายคณะสงฆ์ และพระธรรมวินัยถึงความผิดของพระธัมมชโย และพระทัตตชีโว
จากนั้น จะให้มีการรวบรวมเป็นประเด็นต่างๆ และส่งให้พระสังฆาธิการทั่วประเทศ พิจารณากลั่นกรองว่า สิ่งใดผิดตามที่ระบุไว้ในพระไตรปิฎก
ซึ่งถือว่าเป็นกระบวนการ
ที่เคย
ปฏิบัติมาในสมัยพุทธกาล ทั้งนี้วิธีการดังกล่าว ถือเป็นรูปแบบเดียวกับสภาผู้แทนราษฎรที่มีการลงมติโหวตเสียง
ส่วนความผิดของพระธัมมชโยและพระทัตตชีโว จะมีโทษถึงขั้นใดนั้น อยู่ที่ว่าฉันทามติของพระสังฆาธิการทั่วประเทศ จะออกมาอย่างไร และสามารถผลักดันให้ดำเนินการไปตาม พ.ร.บ.สงฆ์ได้ และแม้ว่า พระทัตตะชีโวจะเดินทางไปต่างประเทศ และจะกลับมาในวันที่ 10 ม.ค.43 ก็ไม่เกี่ยวข้องกับการไม่มารับฟังข้อกล่าวหาในวันที่ 30 พ.ย.นี้
เพราะ คณะสงฆ์
สามารถวินิจฉัยไปได้ ตนยังเชื่อในขบวนการนิคหกรรม เพียงแต่สะดุดในบางจุดเท่านั้น เชื่อว่า หลังวันที่ 30 พ.ย. ปัญหาต่างๆ จะคลี่คลาย
เพราะ สมเด็จ พระมหาธีราจารย์ มีความเห็นเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็ง
ด้านศิษย์วัดพระธรรมกายกล่าวว่า ถ้าจะใช้วิธีโหวตเสียงพระสังฆาธิการทั่วประเทศ มาบังคับกับพระธัมมชโย เชื่อว่า จะไม่เป็นผล เพราะขณะนี้ พระทั่วประเทศส่วนใหญ่ เข้าใจ และได้เข้ามามีกิจกรรมร่วมกับวัดพระธรรมกาย ดังจะเห็นได้จากการจัดตั้งกองบุญธรรมะคุ้มครองโลก ที่ช่วยเหลือการศึกษาพระเณร ปรากฏว่า มีพระเณร
เดินทางมารับทุน ทั่วประเทศ