ปีที่ 2 ฉบับที่ 879 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 9 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2542

หน้า 1

ผวา "นรก" ส่งมส.ตีความ เจ้าคณะภาค1 ตร.งมหลักฐานไม่เสร็จ ฟ้อง "สมบัติ" มาตรา84 อัยการเลื่อนคดียักยอก

อัยการสั่งเลื่อนคดีศิษย์ธรรมกาย ยักยอกเงินวัด กว้านซื้อที่ดินออกไปเป็นต้นปีหน้า เผยตำรวจงมหาหลักฐานส่งมืออัยการไม่ทัน ด้าน "ตือ" เตรียมนำคำวินิจฉัยของพระพรหมโมลี เข้าสู่ที่ประชุมมส. เสียงอ่อย ก.ศึกษาฯหมดหน้าที่แล้ว ระบุปลดสมภารเป็นอำนาจของเจ้าคณะตำบล ด้านกมธ.ศาสนาฯ เล่นบทโจ๊ก ไล่พระธัมมชโย-พระทัตตชีโวออกนอกวัด ให้ตำรวจคุมสถานการณ์วัด

สำนักงานอัยการสูงสุด 8 ธ.ค. อัยการสั่งเลื่อนคดี 2 สาวกธรรมกาย ผู้ต้องหาฐานปลอมแปลงเอกสาร และสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ออกไป เป็นวันที่ 10 มกราคม 2543 เนื่องจากยังไม่ได้รับผลการสอบสวนเพิ่มเติมจากพนักงานสอบสวน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา รองผู้กำกับการ 3 กองปราบปราม ได้นำตัว นายเทิดชาติ ศรีนพรัตน และนายไมยฤทธิ์ ปิตะวณิก ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา ฐานปลอมแปลง เอกสาร และสนับสนุนให้เจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ด้วยการนำเงินที่มีผู้บริจาคให้วัดพระธรรมกาย ไปกว้านซื้อที่ดินหลายแปลง ในจังหวัดเพชรบูรณ์และ จังหวัดพิจิตร แล้วใส่ชื่อพระธัมมชโย เป็นเจ้าของ มาพบพนักงานอัยการเจ้าของคดีทุจริตวัดพระธรรมกาย ตามนัดหมาย 

อย่างไรก็ตาม นายอำพล เหมาคม อัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญา 5 ซึ่งเป็นคณะทำงานอัยการฯ ที่รับผิดชอบคดี แจ้งว่า อัยการยังไม่สามารถสั่งคดีในวันนี้ได้ เนื่องจาก ยังไม่ได้รับผล การสอบสวนเพิ่มเติมจากพนักงานสอบสวนตามที่สั่งไปก่อนหน้านี้ จึงนัดผู้ต้องหาทั้งสองมาฟังคำสั่งคดีว่า จะสั่งฟ้องหรือไม่ ในวันที่ 10 มกราคม 2543 เวลา 10.00 น.

นายอำพล เปิดเผยว่า ที่สั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบเพิ่มเติม เป็นเรื่องของพยานบุคคล และพยานเอกสารที่เกี่ยวเนื่องนั้น แต่พนักงานสอบสวนยังไม่รายงานผลมายังพนักงานอัยการ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ ตนและคณะทำงานอัยการฯ จะเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินที่ผู้ต้องหาทั้งสอง กว้านซื้อไว้ที่จังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดพิจิตร เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาสั่งคดีให้เป็นไป ด้วยความรอบคอบและรวดเร็วต่อไป แต่ขณะนี้ ยังไม่กำหนดวันเดินทาง โดยจะต้องรอประสานงานกับพนักงานสอบสวนก่อน

ทางด้าน นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า อธิบดีกรมการศาสนา รายงานให้ทราบว่า วันนี้ (8ธ.ค.) จะนำข้อสงสัยที่พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ระบุว่า ให้ดำเนินการกรณีพระธัมมชโยกับพระทัตตะชีโว ให้สอดคล้องกับกฎนิคหกรรมนั้น เป็นอย่างไร คำว่า ไม่สอดคล้องหมายความว่าอย่างไร จะนำเข้า ที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) อีกครั้ง เพื่อให้ได้คำตอบจากพระผู้ใหญ่ที่ชัดเจน

เมื่อถามว่า เรื่องนี้ต้องส่งให้สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่ หนกลางพิจารณาแทนเจ้าคณะภาค 1 หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวเลี่ยงๆ ว่า เรื่องนี้ กฏนิคหกรรม ต้องให้เจ้าคณะภาค 1 พิจารณากันไป ส่วนกรณีสายบังคับบัญชา ก็เป็นเรื่องของเจ้าคณะตำบล ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาระดับต้นเท่านั้น

"ต้องดูว่า ผลสรุปมส.จะออกมาเป็นตามข้อกล่าวหาหรือไม่ โดยกรณีอวดอุตริมนุสธรรม ซึ่งตรงนั้น เข้ากับความผิดถึงขั้นปาราชิกทีเดียว"

ส่วนกรณีที่ผู้โทรศัพท์เข้ามาข่มขู่ฆ่านั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวอะไร ตนยึดภาษิตโบราณที่ว่า สุนัขที่เห่าย่อมไม่กัด ถึงวันนี้ ผู้บริหารวัดพระธรรมกาย คงตระหนัก แล้วว่า จำนวนธรรมทายาทที่เข้าวัดลดลง ควรเร่งพิสูจน์เรื่องที่เกิดขึ้นให้ประชาชนหายเคลือบแคลง สงสัยโดยเร็ว

สำหรับการสั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาส พระธัมมชโย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะตำบล เป็นผู้สั่ง คาดว่า ภายในสัปดาห์หน้า เรื่องคงจบ ขณะนี้พ้นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการแล้ว เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะตำบล

นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา ภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมว่า ได้หารือกับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ซึ่งสมเด็จพระมหาธีราจารย์ แนะนำว่า หลังจากที่พระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี รายงานผลการดำเนินการตามมติมหาเถรสมาคม ที่กรมการศาสนาแล้ว ให้กรมการศาสนา นำเข้ามหาเถร สมาคม เพื่อรับทราบว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนการสั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายของพระธัมมชโยนั้น สมเด็จพระมหาธีราจารย์ บอกว่า น่าจะมีการ พิจารณา เช่นกัน ซึ่งเท่าที่ทราบขณะนี้ เจ้าคณะตำบลคลองหนึ่งกำลังพิจารณาอยู่

"ผลการหารือ คือเท่าที่ได้รับทราบจากท่านเจ้าคณะจังหวัด คือ ท่านขอให้ทำให้ดีที่สุด แล้วให้ลองกลับไปรวบรวมรายงานทั้งหมดดู และท่านเจ้าคณะภาค 1 ไม่ได้ให้ความ เห็น อย่างอื่น" อธิบดีกรมการศาสนา กล่าว

ด้าน นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า กรณีที่ยังไม่มีการประชุมคณะผู้พิจารณาชั้นต้น เนื่องจากเจ้าคณะภาค 1 ยังคงติดใจกับมติมหาเถร สมาคมที่ว่า ให้ดำเนินการกรณีวัดพระธรรมกาย ให้สอดคล้องตามกฎนิคหกรรม

สำหรับคำวินิจฉัยของพระพรหมโมลีเจ้าคณะภาค 1 ในฐานะประธานผู้พิจารณาชั้นต้น เคยวินิจฉัยไปแล้วว่า คฤหัสถ์ อันประกอบไปด้วย นายสมพร เทพสิทธา ประธานยุวพุทธิก สมาคมแห่งชาติ และนายมาณพ พลไพรินทร์ ผู้ชำนาญการพิเศษกรมการศาสนา ไม่มีสิทธิ์เป็นโจทก์ฟ้องพระ จึงมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร ถึงเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ยกฟ้องคดีดังกล่าว แต่ปรากฏว่า กรมการศาสนาและผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะนายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ออกมาเคลื่อนไหว คัดค้านวินิจฉัยดังกล่าว และอ้างว่า มส.มีมติให้รื้อคดี ขึ้นมาใหม่ โดยไม่รับฟังคำตัดสินของพระพรหมโมลี ในฐานะประธานผู้พิจารณาชั้นต้น ร่วมวินิจฉัยกับ รองเจ้าคณะภาค 1 และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี โดยมีการแอบอ้างว่า มส.มีมติให้รื้อคดีขึ้นมาใหม่ ขณะเดียวกัน เจ้าคณะจังหวัดก็ได้รับลูกตามกรมการศาสนา จนล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ พระพรหมโมลีถึงกับออกปากเตือนเจ้าคณะจังหวัด ให้ปฏิบัติอย่าง รอบคอบ เกี่ยวกับเรื่องนิคหกรรม และว่า ทำไม่ดีจะตกนรก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.อ.บรรจง ไชยลังกา ประธานชมรมชาวพุทธสามเหล่าทัพ ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ พสท.05/663 ถึง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผบ.ตร. ให้พิจารณาเอาผิด ทางวินัยต่อ พล.ต.ท.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน ตาม พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน มาตรา 84 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีไม่ตรวจสอบพระไตรปิฎกฉบับ CD-ROM ของพระธรรมปิฎก ซึ่งชมรมฯ ยืนยันตามความเห็นทางวิชาการของดร.เบ็ญจ์ บาระกุล ว่า มีการบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าหลายร้อยแห่ง ซึ่งสำนักงานตำรวจ แห่งชาติ ได้รับเรื่องไว้แล้วเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม

วันเดียวกันนี้ คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปวัฒนธรรมสภาผู้แทนราษฎร ได้หยิบยกปัญหาเรื่องวัดพระธรรมกาย เข้าหารือในที่ประชุม โดยเชิญตัวแทนจากกรมการศาสนา ตำรวจสันติบาล และสำนักงานวัฒนธรรมแห่งชาติ สวช. มาชี้แจง

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกคณะกรรมาธิการฯ กล่าวหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้สอบถาม สวช. กรณีเงินจดทะเบียนมูลนิธิธรรมกาย ซึ่ง สวช.ยืนยันว่า มูลนิธิเริ่มจดทะเบียน ด้วยเงินจำนวน 3 ล้านบาท จนถึงปัจจุบัน ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงของตัวเลข แต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน ยังได้สอบถามตำรวจสันติบาล ถึง ดร.เบญจ์ บาระกุล โดยตำรวจยืนยันว่า มีตัวตนจริง มีชื่อจริงว่า นายบัณฑูร บาระกุล เป็นผู้ที่สนิทสนมกับพระธัมมชโยมาก มั่นใจว่า ดร.เบญจ์ อยู่ในวัดพระธรรมกาย

ร.ท.กุเทพระบุด้วยว่า ทางกรรมาธิการฯ ได้เสนอให้กรมการศาสนา นำไปเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาว่า ควรจะนิมนต์พระผู้ใหญ่ให้เชิญพระธัมมชโยและพระทัตตชีโว ออกจาก วัดพระธรรมกายชั่วคราว เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐ เข้าไปควบคุมสถานการณ์วัด เพราะไม่อย่างนั้น เจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เนื่องจากศิษย์วัดพระธรรมกาย จะอ้างว่า ต้องการปกป้องสมภารตลอด ทั้งนี้ อาจจะเชิญพระทั้งสองรูป ไปอยู่กับพระหรือวัดที่ท่านไว้ใจได้


[หน้าหลัก][หน้า1][วิวาทะ]