ปีที่ 2 ฉบับที่ 883 ประจำวันจันทร์ที่ 13 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2542 |
อุบัติเหตุที่เดลินิวส์ล้อมกรอบขอโทษพระครูหลงด่าเป็นอลัชชี
////////////
ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาก่อนสิ้นปี 2542 สื่อมวลชน โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์พิมพ์ไทยวันนี้ ขอเป็นแมลงวันไข่รดหัวเพื่อนสักวัน เพราะสุดจะทนต่อเพื่อนร่วมวิชาชีพ
ที่หลงระเริง กับอำนาจ
เป็นการกระทำที่อุตริ หลายครั้งสื่อมวลชนกลายเป็นสื่อลามกอนาจารเข้าไปทุกขณะ
ภาพหญิงสาวถูกข่มขืนร่างกายเปลือยเปล่า สื่อมวลชนนำมาตีพิมพ์ขึ้นหน้า 1 แม้ร่างนั้นจะปราศจากลมหายใจ ไร้วิญญาณ ไม่มีสิทธิ์ลุกขึ้นมาโต้แย้งรักษาสิทธิ์ของตัวเอง
ภาพการณ์ทำนองนี้ สะท้อนให้เห็นถึงจรรยาบรรณ และความรับผิดชอบต่อสังคมของสื่อมวลชน
ทำให้ผมอดคิดถึงผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้
ตำรวจสันติบาล !
ไม่ทราบว่าท่านมองภาพการณ์เหล่านี้ อย่างเย็นชา ไม่รู้สึกกับภาพอนาจารดังกล่าวเลยหรือครับ
อย่าเสียเวลาส่ง Fax หรือหนังสือขอความร่วมมือจากตำรวจสันติบาล ให้สื่อมวลชนใช้ภาษาที่สุภาพ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีงามต่อเยาวชน
ผมคนหนึ่งขอสารภาพกันบนหน้ากระดาษแห่งนี้ว่า มักเลือกใช้ระดับภาษาที่ค่อนข้างรุนแรง (แต่ก็ได้สงวนเอาไว้กับมนุษย์ อมนุษย์เป็นรายๆ ไป
เพราะพฤติกรรมระยำ ต่ำแฉะ
จริงๆ)
คำยอดฮิตของหมาเฝ้าบ้านฉบับหนึ่ง "ไอ้แว่น" กับ หนังสือพิมพ์ของ "นายบ่อน" กระสันลงวุฒิสมาชิก จั่วหัวว่า "อลัชชี - เดียรถีย์"
สันติบาลทำหูบาน ปิดหูปิดตา มองไม่เห็นเลยหรือครับ???
แต่สัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นสื่อมวลชนที่มีจรรยาบรรณร่อยหรอ เริ่มสังวรสงบปากสงบคำลงไปมาก จะอะไรอีกล่ะครับ ก็ทีมกฎหมายของธรรมกาย เขาฟ้องทั้งคดีแพ่งและอาญา ชนิดละเอียด คดีหนึ่งตกแล้วก็แค่ 100 กว่าล้านเท่านั้น
จะสนุกมือสนุกปากกับการด่าทอพระสงฆ์ หรือสามัญชนทั่วไป ก็ควรเล่นกันในเกม จะเห่าอะไรกันทั้งที ก็ควรมีเหตุ มีที่มาที่ไป ว่ากันแต่พองาม ตามหน้าที่
ตามวิชาที่ครูอาจารย์ ท่าน
สั่งสอนกันมา
เพราะคุกไม่ได้มีไว้ขังหมา
ถามหาศักดิ์ศรีของคนข่าวกันหน่อยเป็นไร
มันยุติธรรมแล้วหรือ ที่นั่งเทียนเขียนข่าวก่นด่าชาวบ้านเขา ทั้งที่เรื่องไม่มีมูล แต่หมาจัญไรก็ไม่รู้เอาอะไรมาขับถ่ายกันได้ทุกวี่วัน
ผมอ่านหนังสือเดลินิวส์ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2542 หน้าที่ 15 มีข่าวประกาศขอโทษขอโพย สำนึกบาปทำนองนั้น
เดลินิวส์ล้อมกรอบไว้น่ารักครับ
ต่อไปนี้ เป็นรายละเอียดของสื่อมวลชนที่สำนึกบาป...
"ตามข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2542 ได้ลงข่าวว่า พระครูโฆสิตปริยัติยาภรณ์ เป็นม็อบเหลืองทรพี ล่อพระเถร หนุนอลัชชีธรรมกายนั้น
บัดนี้หนังสือ พิมพ์เดลินิวส์ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ทราบว่า พระครูโฆสิตปริยัติยาภรณ์ เป็นพระที่น่านับถือ และเป็นที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ไปยื่นหนังสือกับ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ขอให้รัฐบาลช่วยปกป้องมหาเถรสมาคม และสถาบันสงฆ์ ไม่เกี่ยวข้อง หรือรับเงินจากวัดพระธรรมกายมาก่อกวนแต่อย่างใด เพียงแต่ไปยื่นหนังสือ
และไป คารวะ สมเด็จพระสังฆราช กับพระเถระผู้ใหญ่อื่นๆ ที่ถูกสื่อมวลชน และบุคคลกล่าวจาบจ้วงเท่านั้น"
ทางหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ขอขอบพระคุณที่ท่านพระครูโฆสิตปริยัติยาภรณ์ ไม่ติดใจดำเนินคดีใดๆ
ครับนี่คือบทแรกของเดลินิวส์
เป็นการสำนึกต่อบาปกรรมของตัวเอง เป็นเรื่องของกระดาษเปื้อนหมึกที่เล็ดลอดออกไปสู่สายตาสาธารณชนแล้ว เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2542
เป็นความสะเพร่า พลั้งเผลอ หรือไม่มีเจตนา หรืออ่อนด้อยในประสบการณ์ที่มีต่อวิชาชีพของตัวเอง
จึงเห็นว่าผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง และมีมุมมองที่เป็นกลางๆ ไม่เข้าใครออกใคร ก็จะถูกสื่อมวลชนมองว่า มึงมันพวกธรรมกาย
แล้วอย่างไรล่ะครับ บทสรุป ความรับผิดชอบของเดลินิวส์ ที่มีต่อสังคม คำขอโทษ ที่ไม่เอาเรื่องกู ดูแล้วอยากร้องไห้จริงๆ
บุคลากรในองค์กรของท่านรวมกันแล้วก็หลายพันปี มีอดีตนายกสมาคมหนังสือพิมพ์ นั่งเป็นแม่งานอยู่ ไม่นึกเลยว่าจะรังแกพระ รังแกเจ้าได้ถึงเพียงนี้
ลงข่าวหน้า 1 ด่าพระเหมือนเป็นสัตว์เดรัจฉานห่มเหลือง แต่เวลาสำนึกบาปกันขึ้นมา ลงข่าวแก้ตัวเหมือนสุภาษิตที่ว่า.... คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว
ลงข่าวล้อมกรอบ เล็กๆ ไว้หน้าในสุด
เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาเตือนพิมพ์ไทยว่า จะถูกฟ้องร้องกี่คดี เพราะเราทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้รับเงิน หรือรับจ๊อบใครมาถล่มทำลายพระพุทธศาสนา
เดือนละ 3 ล้าน สำนักไหนรับอยู่ ผมขอบอกว่า มันเป็นเงินบาปของซาตานนอกศาสนา
ครับ นี่คือบทบาทของสื่อมวลชนไทย ที่กำลังหลงตัวเอง ยกหางตัวเอง เลียไปทั่ว
กรณีธรรมกาย ที่พวกท่านจุดประเด็นร้อนแรงขึ้นมาก่นด่าพระที่มีสมณศักดิ์ เป็นถึงชั้นราช ต้องระงับกันด้วยกระบวนการยุติธรรม คอยตั้งรับกันให้ดีนะจ๊ะ
อย่าเพิ่งด่วนสรุปเอาตาชั่งที่เอียงกะเท่เร่ของพวกท่านมาพิพากษารายวันกันเลยครับ นอกจากเป็นเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์แล้ว ยังเสี่ยงต่อการตกนรก โดยที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวอีกต่างหาก
....จริงหรือเปล่า เจ๊ชุติมา คะขา...
อ้าว รู้แล้วว่าเป็นพระดี ก็น่าจะยกกองบก. ไปกราบเท้านมัสการท่านพระครูโฆสิตปริยัติยาภรณ์ ทั้งกองบก. เป็นการไถ่บาป ไม่ดีกว่าการยอมตนลงข่าวแก้ตัว
แค่ล้อมกรอบ กระจอกๆ หรูกว่ากันเยอะเลยนะครับ
โซตัส