ปีที่ 2 ฉบับที่ 888 ประจำวันเสาร์ที่ 18 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2542

หน้า 1

"ไพบูลย์" ลิ้นไร้กระดูก แถลงมติมส.รายวัน

มติมส.รายวันอีกแล้ว อธิบดีกรมการศาสนา อ้างมส.มีมติ เดินหน้านิคหกรรม โดยไม่ต้องสนความเห็นที่แตกต่างของเจ้าคณะภาค 1 ระบุอำนาจเต็มอยู่ที่สมเด็จมหาธีราจารย์ หวั่นรวบหัวรวบหางซ้ำซาก ระบุมือกฎหมายรัฐบาลไม่มีหน้าที่ล้วงย่ามมส.

ภายหลังเข้านมัสการพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 เป็นเวลาประมาณ 30 นาที ในเช้าวันที่ (17 ธ.ค.) นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า พระพรหมโมลีบอกว่า ได้ดำเนินการกรณีวัดพระธรรมกาย โดยยึดตามกฎนิคหกรรม ซึ่งกรณีวัดพระธรรมกาย โดยยึดตามกฎนิคหกรรม ซึ่งกรณีวัดพระธรรมกาย ต้องพิจารณาอย่างละเอียดอ่อน เนื่องจากไม่มีผู้เสียหายชัดเจน เหมือนกรณีนิกรหรือยันตระ แต่หากวันนี้ ที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) มีมติเกี่ยวกับข้อสงสัยที่ได้สอบถามว่า การดำเนินการที่ผ่านมา ไม่สอดคล้องตามกฎนิคหกรรมอย่างไร พระพรหมโมลี ก็พร้อมที่จะดำเนินการพิจารณาโดยเร็ว และยืนยันว่า ไม่เคยขัดขวาง หรือ เป็นศิษย์วัดพระธรรมกาย ตามที่หลายคนกล่าวอ้าง แต่การดำเนินการล่าช้า เพราะต้องการทำทุกอย่างให้ถูกต้องชัดเจน

"เมื่อได้ข้อยุติจากมติมหาเถรสมาคมอย่างไร พระพรหมโมลี ในฐานะผู้พิจารณาชั้นต้น ก็จะดำเนินการให้เป็นไปตามมติมหาเถรสมาคม ที่จะประชุมกันในวันนี้" นายสมศักดิ์ กล่าว

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่พระพรหมโมลีมองแตกต่างจากคนอื่นในกฎนิคหกรรมนั้น ได้สอบถามไปเช่นกัน ซึ่งพระพรหมโมลีกล่าวว่า ต้องเคร่งครัดต่อกฎนิคหกรรม และควบคู่ไปกับพระธรรมวินัย ดังนั้น ถ้ามหาเถรสมาคมวันนี้ มีมติอย่างไร อธิบดีกรมการศาสนา ในฐานะเลขาธิการมหาเถรสมาคม จะทำหนังสือแจ้งไปยังพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เพื่อดำเนินการ และหากเรื่องเข้าสู่กระบวนการนิคหกรรมแล้ว ถือว่า หน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการจบสิ้นแล้ว ทั้งนี้จะหารือกับอธิบดีและรองอธิบดีกรมการศาสนา เพื่อให้นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคมวันที่ 17 ธ.ค. มีความชัดเจนไร้ข้อสงสัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเข้านมัสการพระพรหมโมลีวันนี้ นอกจากนายสมศักดิ์แล้ว ยังมีนายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนาด้วย หลังจากนั้น นายสมศักดิ์ ได้เชิญ ดร.วิชัย ตันศิริ รมช.ศึกษาธิการ นายไพบูลย์ นานสุทธิวงศ์ และนายจรวย หนูคง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้าหารือที่ห้องทำงาน กำชับอธิบดีกรมการศาสนา ให้ที่ประชุมมหรเถรสมาคม มีมติให้ชัดเจน

จากนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้อธิบดีกรมการศาสนา เตรียมข้อมูลให้พร้อมกรณีข้อสงสัยของพระพรหมโมลี เพื่อตอบในที่ประชุมมหาเถรสมาคม พร้อมกันนี้ ได้กำชับว่า ต้องให้มหาเถรสมาคมมีมติให้ชัดเจน ให้ชี้ประเด็นว่า คำว่า ไม่สอดคล้องคืออะไร และ อยู่ในขั้นตอนใด เพื่อไม่ให้เกิดการตีความส่งกลับไปกลับมาอีก เพราะขณะนี้ไม่มีเวลาที่จะทำเช่นนั้นอีกแล้ว เพราะขณะนี้ ไม่มีเวลาที่จะทำเช่นนั้นอีกแล้ว เพื่อให้เรื่องเข้าสู่กระบวนการเร่งหาหลักฐาน เพิ่มโอนเงินวัดพระธรรมกาย เข้าบัญชีศิษย์ใกล้ชิดผิดปกติ

นายไพบูลย์ เสียงก้อง อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวภายหลังร่วมประชุมกรรมการมหาเถรสมาคมว่า ที่ประชุมมีมติยืนยันตามมติเดิม เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่ให้ดำเนินการกรณีวัดพระธรรมกายใหม่ให้ถูกต้อง ตามกฎนิคหกรรม ส่วนวิธีการที่ว่า ยังไม่สอดคล้อง ตามที่พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 สงสัย ที่ประชุมได้มอบหมายให้กรมการศาสนา ทำเอกสารข้อเท็จจริง และขั้นตอนการดำเนินการให้ผู้เชี่ยวชาญ ด้านกฎหมายของรัฐบาล 3 คน อาทิ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ นายวิษณุ เครืองาม เลขาครม. ที่เคยมาชี้แจงในที่ประชุมมหาเถรสมาคมรับรอง และจากนั้น ให้ส่งต่อยังสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เพื่อพิจารณาสั่งการ

"ผู้เชี่ยวชาญตามมที่ได้ขอเรียนเชิญท่านมารับรองเสร็จแล้ว ก็ให้จัดทำเอกสารซึ่งรับรองแล้ว ให้ผมนำกราบนมัสการเจ้าคณะใหญ่หนกลาง คือท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้พิจารณาสั่งการตามอำนาจหน้าที่" อธิบดีกรมการศาสนา ยังกล่าวด้วยว่า กรมการศาสนาจะใช้เวลาในสัปดาห์นี้ เพื่อจัดทำเอกสารดังกล่าว โดยเร็ว เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งการว่า ต้องให้กรณีวัดพระธรรมกาย เข้าสู่กระบวนการนิคหกรรมภายในสิ้นปีนี้ให้ได้

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การประชุมมส.มีเรื่องที่น่าสังเกต กล่าวคือ การแถลงของอธิบดีกรมการศาสนา กลับไม่ปรากฏว่า มส.มีลายลักษณ์อักษร รับรองมติแต่อย่างใด กรณีวัดพระธรรมกายเป็นเรื่องใหญ่ มีปัญหามานานแล้ว ควรที่จะทำมติให้เป็นที่น่าเชื่อถือ เพราะการที่อธิบดีกรมการศาสนาออกมาแถลงแต่ละครั้ง ไม่ควรนำไปสู่การปฏิบัติได้แม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งการออกมติใหม่ ก็ต้องทำหนังสือยกเลิกมติก่อน ดังนั้น กรณีธรรมกาย จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะสามารถยุติปัญหาได้ดังที่มีการกล่าวอ้าง

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวคนเดิมยังระบุด้วยว่า การที่นำความเห็นของพระพรหมโมลี ไปให้นักกฎหมายของรัฐบาล ตีความหรือพิจารณา ก็เป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะนักกฎหมายดังกล่าว ไม่มีอำนาจหน้าที่และไม่ได้เป็นที่ปรึกษากฎหมายของมส. ตามกฎหมายแต่อย่างใด ดังนั้น ไม่ว่าความเห็นใดๆ ของคณะหรือ กลุ่มบุคคลเหล่านั้น จะออกมาเช่นไร จึงไม่อาจถือเป็นแนวทางปฏิบัติได้ เพราะไม่มีคำสั่งแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด อาจจะเป็นการเข้าใจผิดของอธิบดีกรมการศาสนา ที่ต้องการเร่งให้คดีธรรมกายยุติโดยเร็ว

ด้าน พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายปราบปราม แถลงข่าวความคืบหน้าการดำเนินคดีกับวัดพระธรรมกายว่า ขณะนี้ ในส่วนของตำรวจได้ดำเนินการส่งฟ้องต่ออัยการไปแล้ว 5 คดี โดยเป็นคดีที่เกี่ยกับการยักยอกเงินของวัด ไปซื้อที่ดินในจังหวัดต่างๆ อาทิ ชลบุรี เลย พิจิตร เพชรบูรณ์ ซึ่งได้ตั้งข้อหาพระธัมมชโบกรณีเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และศิษย์ใกล้ชิดอีกหลายคน ในข้อหาร่วมสนับสนุนการยักยอกทรัพย์ โดยอัยการได้สั่งฟ้องพระธัมมชโย และศิษย์แล้ว ใน 2 คดี คือ คดีเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในที่ดินที่จังหวัดพิจิตรและเพชรบูรณ์ โดยส่งฟ้องศิษย์ใกล้ชิด ในข้อหาร่วมสนับสนุนการยักยอกทรัพย์ได้แก่ นายถาวร พรหมถาวร นายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิค และ น.ส.อมรรัตน์ สุวิพัฒน์

รองผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า บอกไม่ได้ว่า การสืบสวนคดีวัดพระธรรมกาย จะสิ้นสุดได้เมื่อไร เพราะมีการกระทำผิดในหลายกรรมหลายวาระ ซึ่งชุดพนักงานสืบสวนสอบสวน กำลังติดตามเพื่อทยอยส่งฟ้องในทุกกรณี ที่พบมูลความผิด คดีที่อยู่ระหว่างการดำเนินการในขณะนี้ คือ กรณีการเรี่ยไรเงินของวัด ที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.การเรี่ยไร และมีผู้แจ้งกล่าวหาไว้ กรณีการบุกรุก และถือครองที่ดินที่เกาะยาว จังหวัดพังงา ของมูลนิธิธรรมกาย กรณีการถือครองที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ สระบุรี และเลย ซึ่งได้สั่งการให้กองบังคับการตำรวจป่าไม้ ดำเนินการรวบรวมข้อมูลกรณีการถือครองที่ดินของศิษย์ใกล้ชิด กรณีการถือครองที่ดินของมูลนิธิธรรมกาย ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และอื่นๆ รวมหลายร้อยไร่

นอกจากนี้ ยังกำลังติดตามกรณีการเสียภาษีที่เกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย ทั้งศิษย์ใกล้ชิด และผุ้ที่เข้าไปรับงานก่อสร้างหรือผลิดวัตถุมงคลของวัดพระธรรมกาย รวมทั้งกรณีพบการโอนเงินของวัดพระธรรมกาย ไปเข้าบัญชีของศิษย์ใกล้ชิด หลายคน จำนวนหลายสิบและหลายร้อยล้านบาท

พล.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวว่า เนื่องจาก พล.ต.ท.วาสนา เพิ่มลาภ ได้รับแต่งตั้ง ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาต ได้มีคำสั่งตั้ง พล.ต.ท.ล้วน ปานรศทิพ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีวัด พระธรรมกายแทน และ พล.ต.ต.วันชัย ศรีนวลนัด รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมดูแล แต่ในส่วนพนักงานสืบสวนสอบสวน ยังเป็นชุดเดิม เชื่อได้ว่า การดำเนินการในคดีต่างๆ จะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อการรวบรวมพยานหลักฐานพร้อม ก็จะส่งฟ้องทันที

ต่อข้อถามที่ว่า พล.ต.ท.ล้วน กำลังมีปัญหาในเรื่องของกรณีบ้าน 3 หลังที่จังหวัดกาญจนบุรี จะมีผลต่อความเชื่อมั่นในการเป็นหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวน คดีวัดพระธรรมกาย ทำให้ไม่คืบหน้าหรือไม่นั้น พล.ต.อ.พรศักดิ์ ยืนยันว่า การสืบสวนสอบสวนคดีวัดพระธรรมกาย จะมีความคืบหน้าและกำลังดำเนินการอยู่ตลอด ไม่มีปัญหา

ทรัพย์ในที่ดินที่ จ.พิจิตร และเพชรบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ยังบอกไม่ได้ว่าการสืบสวนสอบสวนคดีวัดพระธรรมกายจะสิ้นสุดได้เมื่อไร เพราะมีการกระทำผิดในหลายกรรมหลายวาระ ซึ่งชุด พนง.สืบสวนสอบสวนกำลังติดตามเพื่อทยอยส่งในทุกกรณีที่พบมูลความผิด ทั้งนี้ทาง ผบ.ตำรวจแห่งชาติยืนยันการเปลี่ยน หน.ชุดสืบสวนสอบสวนคดีว่าวัดพระธรรมกายไม่ส่งผลต่อความคืบหน้าของคดีและจะไม่มีปัญหา


[หน้าหลัก][หน้า1][วิวาทะ]