ปีที่ 2 ฉบับที่ 888 ประจำวันเสาร์ที่ 18 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2542

วิวาทะ

มติมส.จากปลายลิ้นไร้กระดูกของอธิบดีกรมศาสนา

//////////////////////

เมื่อวันพฤหัสที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านไปนี้เอง ผมจั่วหัวเรื่องไว้ว่า เรื่องของวัดพระธรรมกายกำลังจะจบ

จากนั้นก็มีรายละเอียดแจงไว้หลายบรรทัด จนมาถึงตอนจะจบ เนื้อหาของบทความ ผมพยากรณ์ไว้ว่า "จับตาดูให้ดี ห้ามกะพริบตา วันนั้นแหละจะมีคนหน้าแตก 2 กลุ่ม ไม่ใครก็ใคร รับรองว่า หมอไม่รับเย็บอย่างแน่นอน" 

2 กลุ่มที่กล่าวถึงนั้น ก็มีกลุ่มพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 กับกลุ่มพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี

ทั้งหมดนี้ให้รอดูวันที่ 17 ธันวาคม ซึ่งจะมีการประชุมมหาเถรสมาคม โดยจะมีการนำเรื่องการลงนิคหกรรม เข้าสู่วาระการประชุมกรรมการมหาสมาคมด้วย

ครับ ผลการประชุม มส.วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม ออกมาชัดเจนแล้ว

ต้องขออนุญาตพูดถึงความพยายามของกระทรวงศึกษาธิการที่มี สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เป็นหัวเรือใหญ่ และกรมการศาสนา อันมี ไพบูลย์ เสียงก้อง เป็นผู้รับผิดชอบ

บุคคลทั้ง 2 ได้เข้าไปนมัสการพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 

พระพรหมโมลี ท่านให้เหตุผลกับรัฐมนตรี และอธิบดีทั้งสองว่า เรื่องวัดพระธรรมกาย เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่เหมือนกับกรณีอดีตยันตระ และนิกร ดังนั้น การจะทำอะไรต้อง พิจารณาให้รอบคอบ เพราะนิคหกรรม จะต้องควบคู่ไปกับพระธรรมวินัย

การตัดสินใจครั้งนี้ จะเป็นบรรทัดฐานของสังคม

พระพรหมโมลีย้ำด้วยว่า ที่ผ่านมา ทราบมาโดยตลอดว่า สังคมอาจมองท่าน เข้าข้าง หรืออุ้มพระธรรมกาย โดยเฉพาะสื่อนายบ่อน และสื่อจรรยาบรรณเตี้ยๆ มักมุ่งเสนอข่าวว่า เจ้าคณะภาค 1 เห็นแก่ลาภสักการะ

แต่พระพรหมโมลียืนยันว่า ท่านต้องการสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องให้กับสังคม และต้องการรักษาพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

กลับมาพิจารณาถึงมติมส. วันนี้ มส.มีมติเห็นชอบตามมติมส.วันที่ 19 ตุลาคม 2542 กรณีที่ มีชัย ฤชุพันธฃ์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย มีความเห็นว่า คฤหัสถ์ ฟ้องพระได้

ไพบูลย์ เสียงก้อง แถลงว่า ที่ประชุมมส. มีมติให้ดำเนินการนิคหกรรมพระธัมมชโยต่อไป โดยให้กรมการศาสนาจัดทำเอกสารรับรองนำกราบนมัสการสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง พิจารณาตามอำนาจหน้าที่ โดยไม่ต้องนำเสนอพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 และไม่ต้องนำเข้าที่ประชุมมส.ให้พิจารณาอีก

ครับจะได้รู้ว่า มติของมหาเถรสมาคม ที่ออกมาให้วัดพระธรรมกายปฏิบัติ 4 ข้อ เป็นเรื่องเหลวไหล และมติที่ว่า จะไม่นำเรื่องกรณีธรรมกาย กลับมาพิจารณาอีก และระบุด้วยว่า กรณีธรรมกายให้ถือเป็นที่สุดแล้ว

เป็นเรื่องมุสา เชื่อถือไม่ได้ เป็นการอุปโลกน์ ของใครต่อใคร เป็นมติที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความรู้สึกของบุคคล และกระแสแห่งกาลเวลา

ผมไม่อยากจะคิดว่า มติมส.ที่ออกมา เป็นลายลักษณ์อักษรครั้งนั้น เป็นเรื่องมุสา ใช้ไม่ได้ แต่ทำไงได้ ในเมื่อมติมส.วันที่ 17 ธันวาคม 2542 ออกมาหักล้าง ลบล้างมติก่อนเก่า เป็นเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นแล้ว

บรรทัดฐานที่ท่านเจ้าคุณพระพรหมโมลี เริ่มแล้วครับ และจะเป็นบรรทัดฐานที่สังฆมณฑลจะต้องน้อมนำไปปฏิบัติ อีกหน่อยการตัดสินอะไรออกมา แม้แต่องค์กรมหาเถรสมาคม ที่มีกฎหมายบ้านเมืองรองรับอยู่ ยังมีการปรับเปลี่ยนตามกระแสได้แล้ว

อนาคตพระพุทธศาสนา และสังคมบ้านเมืองจะเป็นเช่นไร?

พระคุณเจ้าพระพรหมโมลี ท่านต้องทำใจ จุดยืนของท่านในการประกาศปกป้องรักษาพระธรรมวินัย กลับกลายเป็นว่า ท่านรักษาปกป้องชาวธรรมกาย

ผมขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสุดซึ้ง

เสียใจกว่านั้นก็คือ คณะผู้พิจารณาชั้นต้น อันมีพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เห็นกฎระเบียบต่างๆ ของมหาเถรสมาคม เป็นเรื่องที่ยืดหยุ่น

ถ้าฝ่ายมากบอกว่าขาว ท่านก็ต้องขาว ถ้าฝ่ายมากบอกว่าดำ ก็ต้องดำ

จึงไม่มีอะไรที่จะพูดมากไปกว่า การยอมละทิ้งซึ่งพระธรรมวินัย กฎระเบียบคณะปกครองสงฆ์ แต่กลับน้อมนำไปตามคำสั่งและข้อปฏิบัติของกระทรวงศึกษาธิการ อันมีฆราวาส ผู้อ่อนด้อย ในพระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม

ภาพการที่เกิดขึ้น แทนที่หมู่สงฆ์จะยึดมั่นในกรอบกฎระเบียบของสงฆ์ กลับเป็นภาพของการยึดถือปฏิบัติตามเหล่าเสนาบดี หอคอยงาช้าง

อนาคตพระพุทธศาสนาจะเหลืออะไร?

บอกตรงๆ ครับ เขียนเรื่องพระพุทธศาสนามาเกือบขวบปี รู้สึกไม่แน่ใจในสมมติสงฆ์หลายรูป

ผมยังคงยืนยันว่า ไม่ใช่ลูกศิษย์ธรรมกาย และไม่มีลาภสักการะ ตามที่ฝ่ายต่ำมักคุ้น หรือเข้าใจ

แต่อดไม่ได้ที่เห็นสมมติสงฆ์หลายรูป พากันไหลตามน้ำมิได้

สมมติสงฆ์ปฏิบัติการนอกรีตนอกรอย กระทำพิธีกรรมหลายอย่าง หวังเพียงเพื่อต้องการชื่อเสียง รู้แบบงูๆ ปลาๆ ปู้ยี้ปู้ยำพระพุทธศาสนา และสาระสำคัญของพระธรรมวินัย ด้วยมหาอวิชชา แต่กลับได้รับการสรรเสริญเยินยอ 

สมมติสงฆ์นั้น จึงเป็นที่ไว้วางใจของคนตกงานว่างงาน อดีตนักโทษที่เพิ่งพ้นโทษทัณฑ์ ไตรสิกขาเป็นอย่างไร ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับพระผู้มีซูเปอร์มาร์เก็ต

สมาธิคือยาเสพติด ฝิ่น ก็เลิกไปซิครับสำนักปฏิบัติทั้งหลาย

สมมติสงฆ์ที่กล่าวโทษ จ้องจับผิดสำนักนั้น สำนักนี้ บ้าวัตถุใหญ่โตโอฬาร อยู่ใกล้ๆ กัน เมืองปทุมธานี ก็เห็นสร้างใหญ่โต ไม่ต่างจากสำนักที่ตัวเอง ตั้งตัวเป็นโจทก์ ตำหนิ กล่าวโทษ สำนักอื่นเขา

ความละอายเกรงกลัวต่อบาปของสมมติสงฆ์เหล่านั้น ยังหลงเหลืออยู่ในจิตใจหรือไม่

พระไม่ฝักใฝ่การเมือง มีข้อห้ามในกฎมหาเถรสมาคม

แต่สมมติสงฆ์บางรูปออกมาการันตี คุณงามความดีของรัฐมนตรี และหรือพรรคการเมืองบางพรรค ที่ถนัดปล้น โกงชาติทั้งแผ่นดิน จนพรรคพวกตัวเองร่ำรวย

พระธรรมวินัยอยู่ตรงไหนกันขอรับพระคุณเจ้า???

ครับ ข่าวออกมาอย่างนั้น อธิบดีกรมการศาสนาแถลงต่อสื่อมวลชนอย่างนั้นจริงๆ ครับ ก็เหมือนกับมติมส.ที่อธิบดีกรมการศาสนาเป็นผู้แถลง แต่เอาเข้าจริงก็เหลวทุกที

ผมจึงไม่อาจไว้วางใจอธิบดีกรมการศาสนาผู้นี้ได้ ต่อให้อมพระประธานมาพูดว่า มส.มีมติอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็ไม่ค่อยจะเชื่อมั่นสักเท่าไหร่

ที่สำคัญหนังสือที่เป็นเอกสารรับรองมติมส. ก็ไม่มี หนักกว่านั้นความเห็นของ ไพบูลย์ เสียงก้อง ที่ระบุว่า เป็นมติมส.ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ขัดต่อกฎหมาย และพระธรรมวินัย อย่าง สิ้นเชิง โดยเฉพาะกระบวนการนิคหกรรม ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ จึงเป็นไปไม่ได้ ที่มส.จะมีมติทำนองดังกล่าว

ภาพการณ์ที่เกิดขึ้น จึงยังไม่อาจเชื่อได้ว่า เป็นมติมส. เพราะเป็นเรื่องขัดต่อพระธรรมวินัยนั่นเอง

โซตัส


[หน้าหลัก][หน้า1][วิวาทะ]