My Life Story

วงดนตรีจาก Sheffield วงนี้มีสมาชิกถึง 12 คนที่ช่วยกันแสดงความหรูหราอลังการของเสียงดนตรีได้อย่างคุ้มค่า พวกเขานำเครื่องดนตรี classic มาเรียงร้อยสร้างสรรค์กันจนกลายเป็นเพลงที่ทันสมัย เหมือนกับผู้หญิงเปรี้ยวที่หยิบผ้าถุงและเสื้อคอกระเช้ามาดัดแปลงใส่ได้อย่างงดงาม จุดเด่นของวงนี้อยู่ที่เสียงไวโอลินที่เล่นตอบโต้กัน เหมือนความรักบริสุทธิ์ของชายหนุ่มและหญิงสาว ที่ผสมกันอย่างลงตัวกับรูปลักษณ์ที่ฟู่ฟ่าสไตล์ Swinging London วงดนตรียุค '60 กับเสียงร้องโดดเด่นแบบ Gay-pop ก็ทำให้พวกเขาเป็นวง pop ที่เก๋ไก๋ไม่เหมือนใครในยุคนี้

แค่เนื้อร้องท่อนแรกที่บอกว่า "The greatest living painter, painted in a painted corner." ก็คงทำให้เราคิดอะไรได้หลายอย่างเกี่ยวกับมุมมองของชีวิตในเนื้อเพลงทั้งหมด Jake ผู้ประพันธ์และนักร้องนำกล่าวว่าเขาแต่งเพลงนี้เพื่ออุทิศให้กับวงดนตรีที่ทำเพลงดี แต่ไม่ดัง! เช่นเดียวกับวง My Life Story ของเขาที่ถูกคนทั่วไปมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย ต่างกับวงดนตรีที่ได้นำเสนอมาทั้งหมด พวก Jake และเพื่อนๆของเขาวงนี้ ได้นำเสนอกระแสดนตรีที่ดูจะมีไว้เพื่อสูบฉีดดนตรี pop ด้วยห้วงแห่งความเพ้อฝัน ทำให้ดนตรีของพวกเขาเดินทางขนานกับโลกแห่งความเป็นจริง แต่หากได้ฟังเพลงๆนี้แล้วปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปตามห้วงของมันแล้ว ทุกๆ อย่างจะยอดเยี่ยมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังถือเป็นการนำเสนอความโฉบเฉี่ยวของสังคมผู้ดีได้อย่างชาญฉลาดอีกด้วย เพลงนี้ได้นำกลับมาออกใหม่อีกครั้งหนึ่งเมื่อพวกเขาได้เข้าสังกัดใหญ่ โดยใช้ชื่อที่สั้นลงกลายเป็น Sparkle และบรรจุลงในอัลบั้ม The Golden Miles ที่เป็นอัลบั้มที่2 ในชีวิตของ My Life Story แต่เป็นอัลบั้มแรกที่ทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร น่าเสียดายสำหรับวงดีๆเช่นนี้