โรงเรียนชุมชนแหลมงอบฯ                            

HOME / ข้อมูลพื้นฐาน / แนะนำสถานศึกษา / แผนการจัดการเรียนรู้ / พูดจาประสาคร / แก่นสารการศึกษา  /ลูกไม้ลายไทย /นานาสาระ /  LINKS & GUESBOOK

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

หาดทรายดำ (Black sand beach)

ข้อมูลพื้นฐาน / แผนผังที่ตั้ง / บันทึกการค้นพบ / ทรายดำคืออะไร /

จดหมายครูสมโภชน์ / จดหมายถึงครูสมโภชน

หมู่ที่ 6 ต.แหลมงอบ อ.แหลมงอบ จ.ตราด

ท่านได้ไปสัมผัสมาแล้วหรือยัง (ควรเดินทางไปขณะน้ำทะเลลดลงมากๆ)

wpe5.jpg (270188 bytes)

ข้อมูลพื้นฐาน

       หาดทรายดำ อยู่ที่หมู่ที่ 6 บ้านกลาง ตำบลแหลมงอบ อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด ในพื้นที่ป่าแหลมมะขาม อันเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามกฎกระทรวงที่ได้ประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 91 ตอนที่ 114 เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2517 เป็นกฎกระทรวงฉบับที่ 680 (พ.ศ. 2517) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ให้ไว้ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2517   ลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ม.ร.ว.จักรพันธ์ เพ็ญศิริ จักรพันธ์)

        โดยเหตุผลมีไม้โกงกาง ไม้ลาน ไม้ประสัก ไม้รุ่ย ไม้ตะบัน ไม้ตะบูน ไม้ฝาด ไม้แสม ไม้เสม็ด ไม้หงอนไก่ ไม้ลำพูน ไม้ลำแพน ไม้ตาตุ่ม และไม้ชนิดอื่นๆ ที่มีค่าจำนวนมาก มีของป่ากับทรัพยากรธรรมชาติอื่นด้วย สมควร กำหนดให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อรักษาสภาพป่า ไม้ ของป่า และทรัพยากรธรรมชาติอื่นไว้

(จาก " ทรัพยากรป่าไม้ ปัญหาในการอนุรักษ์ ตลอดจนแนวคิดในท้องที่จังหวัดตราด "

โดยนายทิวา   สรรพกิจ ป่าไม้เขตศรีราชา กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์)

        คุณวราฤทธิ์   อรรถศิริ แห่งตราดอินเตอร์เน็ต ได้กรุณาสืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตให้เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2542 พบว่า ในโลกนี้มี Black Sand Beach ในสถานที่ 4 แห่ง คือ

1. Hualien - Taitung ไต้หวัน

2. Pulau Lang Kaiwi มาเลเซีย

3. ทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย

4. Waianapanapa Beach ฮาวาย (Maui)

        หากจะมีเป็นแหล่งที่ 5 ของโลก คือ..ที่นี่..

wpe5.jpg (297218 bytes)

(กรุณาคลิกที่แผนผังเพื่อขยายให้ใหญ่ขึ้น)

        ชาวบ้านยายม่อม ซึ่งอยู่ใกล้หาดทรายดำ เล่าว่าในสมัยก่อนเมื่อมีผู้เป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ ก็จะพาไปเดินย่ำเหยียบทรายดำ ซึ่งสามารถบำบัดรักษาอาการได้..นั่นเป็นเพียงคำบอกเล่าใช่ไหม..  

wpe5.jpg (20497 bytes)

(โปรดคลิกที่ภาพเพื่อชมภาพขยาย)

มีหลายท่าน ที่ได้ไปทดลองหลังจากทราบข่าวนี้..หากจะเขียนเล่าประสบการณ์ให้ทราบบ้างจะเป็นพระคุณยิ่ง (ส่งจดหมาย ของท่านไปที่ ร.ร.ชุมชนแหลมงอบฯ ต.แหลมงอบ อ.แหลมงอบ จ.ตราด 23120) หรือที่..

kor01@thaimail.com

wpe8.jpg (32795 bytes)

(ต้องการชมภาพขยาย..กรุณาคลิกที่ภาพ)

ผู้เป็นโรคปวดเมื่อยต่างๆ ไปทดลองบำบัดรักษาตามความเชื่อของแต่ละท่าน

บันทึกการค้นพบ (โดยนายสมโภชน์ วาสุกรี ผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนชุมชนแหลมงอบฯ)

อำเภอแหลมงอบ เป็นอำเภอที่มีความหลากหลายในลักษณะภูมิประเทศ และ

ภูมิทัศน์ กล่าวคือ มีเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ "วีรกรรมทหารเรือไทยในยุทธนาวีที่เกาะช้าง" เมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2484 , ท่าเทียบเรือประมง , ประตูการท่องเที่ยวสู่ทะเล , "อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง"    ในทะเลตราด มีภาระที่ต้องรองรับนักท่องเที่ยว มีสะพานท่าเทียบเรือท่องเที่ยวโดยเฉพาะ พิจารณาแล้วล้วนแต่เป็นทรัพยากรการท่องเที่ยวทั้งสิ้น

อำเภอแหลมงอบ ยังมีทรัพยากรป่าไม้ชายเลนที่ได้รับการปลูกซ่อมแซม บำรุงดูแลทดแทนป่าที่เสื่อมโทรมเพราะถูกทำลายและบุกรุกในอดีต โดยได้ดำเนินการปลูกอย่างต่อเนื่องมา     ตั้งแต่ปี    พ.ศ. 2535 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งสามารถนำมาจัดการให้เกิดการอนุรักษ์อย่างต่อเนื่อง เสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และนำมาจัดการให้เกิดประโยชน์ทางการศึกษาให้มากที่สุด โดยการปลูกจิตสำนึกแก่ชุมชน ซึ่งต้องยอมรับว่าสถาบันการศึกษาในอำเภอแหลมงอบทุกระดับนั้น เป็นสถาบันที่ปลูกจิตสำนึกและเสริมสร้างลักษณะนิสัยที่พึงประสงค์ของชุมชนที่สำคัญยิ่ง

สถาบันการศึกษาที่กล่าวถึง ได้แก่ โรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษา ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียน และวัดต่าง ๆ ซึ่งมีความเข้มแข็งพร้อมที่จะดำเนินการตามแนวการปฏิรูปการศึกษา ที่มุ่งหวังให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีของปวงชนทั้งปัจจุบันและอนาคต อันเป็นมาตรการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยภาพรวม

วัตถุประสงค์

        1. จัดการให้ป่าชายเลนบ้านแหลมงอบเป็น"ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ ธรรมชาติศึกษา"

        2. เพื่อเป็นพื้นที่ปลูกฝังลักษณะนิสัยให้เยาวชนเป็นผู้รู้และดูแลสิ่งแวดล้อมป่าชายเลน

        3. เพื่อเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

แรงบันดาลใจ

        1. ในฐานะผู้บริหารสถานศึกษาที่ต้องร่วมมือกับชุมชนหรือชักชวนให้ชุมชนและหน่วยงานอื่น   จัดหาแหล่งความรู้ในท้องถิ่นที่มีอยู่หลากหลาย เพื่อรองรับการปฏิรูปการศึกษา

        2. ในฐานะที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานชมรมมัคคุเทศก์ชายฝั่งทะเลตราดต้องค้นหา   แหล่งท่องเที่ยวใหม่ และปรับปรุง แหล่งท่องเที่ยวเดิมให้สมบูรณ์อีกทั้งต้องเปิดให้มีการท่องเที่ยว แบบเดินป่า(เชิงอนุรักษ์)

        3. ในฐานะที่ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานต่าง ๆ ยกย่องให้เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น จึงคิดค้นวิธีการ เสาะแสวงหาสิ่งใหม่ แปลกภายในจังหวัดตราด เพื่อการเผยแพร่

        4. ในฐานะที่เป็นผู้จัดรายการของสถานีวิทยุชุมชน คลื่น 99.25 อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด ต้องนำเอาวิถีชาวบ้านและการบูรณะอนุรักษ์ ฟื้นฟูสรรพทรัพยากรของจังหวัดตราด มาเผยแพร่เพื่อการศึกษา

        5. บังเอิญมีการเปลี่ยนแปลงผู้ปกครองท้องที่ นายอำเภอแหลมงอบ (นายสัมพันธ์ อุปเวช) ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ เปิดใจกว้าง และมีนโยบายส่งเสริมแนวคิดต่าง ๆ มาตลอด ประกอบกับเคยได้ร่วมงานกันมาก่อน โดยขณะนั้น นายอำเภอคนปัจจุบันรับราชการเป็นปลัดอำเภอแหลมงอบ

        6. ในสภาวะบ้านเมืองวิกฤตทางเศรษฐกิจ สังคมต้องการความเข้มแข็งเพื่อความยั่งยืนของการพัฒนา

        7. ประจวบกับใกล้อภิลักขิตสมัยมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุ                 ครบ 6 รอบ (วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542)

        8. ป่าไม้อำเภอแหลมงอบ ระดมพลังมวลชนปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ฯ ติดต่อกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535             ถึง พ.ศ. 2542 เป็นการต่อเนื่องอย่างได้ผล และได้รับโล่เกียรติยศทุกปีตลอดมา

        9. จะจัดตั้งเครือข่ายชุมชนเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมป่าชายเลน

จุดเริ่มต้น

        นายสัมพันธ์ อุปเวช นายอำเภอแหลมงอบ เดินทางมารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2542           มีนโยบาย "ธรรมาภิบาล" โดยดำริให้หัวหน้าส่วนราชการทุกส่วนได้พบปะกันเวลา 08.00 น. ของทุกวันพุธ      เรียกว่า "สภากาแฟอำเภอแหลมงอบ" เป็นโอกาสดีที่สามารถจะเสนอแนวคิดและการริเริ่มพัฒนา พร้อมทั้งนำปัญหาต่าง ๆ เข้ามาพูดคุยกัน เพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไข โดยพัฒนาให้เกิดเป็นทีมงานที่ไม่แยกสังกัดเหมือนดังแต่ก่อน อันเป็นนโยบายของรัฐบาล

นายสมโภชน์ วาสุกรี ผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนชุมชนแหลมงอบ (นิเทศก์อุปถัมภ์) จึงได้นำเสนอแนวคิดเรื่องการจัดการป่าชายเลนบ้านแหลมงอบ ให้เกิดประโยชน์ต่อการศึกษา โดยควรจัดเป็นห้องเรียนวิทยาศาสตร์ ธรรมชาติศึกษา ขึ้น และได้รับการสนับสนุนความคิดจากทุกคนในที่นั้น นายอำเภอแหลมงอบจึงปรารภว่างานนี้เป็นงานใหญ่ ต้องใช้เวลาและความร่วมมือจากทุกฝ่ายอย่างกว้างขวาง จึงได้มอบหมายให้

1. นายไตรรัตน์ ลิมานุวัฒน์ ป่าไม้อำเภอแหลมงอบ

2. นายสมโภชน์ วาสุกรี ผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนชุมชนแหลมงอบ (นิเทศก์อุปถัมภ์)

3. นายสุรศักดิ์ ศิลาอาสน์ ผู้อำนวยการ โรงเรียนแหลมงอบวิทยาคม

4. นายประพรรณ์ ขามโนนวัด หัวหน้าศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอแหลมงอบ

เป็นคณะทำงานในการศึกษาข้อมูลต่าง ๆ และศึกษาดูงานตามความเหมาะสม

หลังจากได้รับมอบหมายด้วยวาจาจากนายอำเภอแหลมงอบในสภากาแฟแล้ว คณะทำงานชุดนี้ได้วางแผน การทำงาน ดังนี้

1. ขออนุญาตเดินทางไปศึกษาดูงานที่ป่าชายเลนบ้านเปร็ดใน อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด ซึ่งเคยเดินทางมาดูกิจกรรมการดำเนินงานป่าชายเลนของอำเภอแหลมงอบมาก่อน ภายหลังได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากหลายฝ่ายปรับปรุงเพิ่มเติมจนมีความเหมาะสมในระดับหนึ่ง

2. ขออนุญาตเข้าศึกษาป่าชายเลนบ้านแหลมมะขาม เพื่อเปรียบเทียบและวางแผนปรับปรุง สร้างเสริม ซ่อมแซม  สิ่งต่าง ๆ ให้สมบูรณ์ โดยใช้วิธีเดินเท้าสำรวจสัตว์น้ำ สัตว์บก ต้นไม้นานาชนิด ได้พบสิ่งแปลกตามากมาย อันเป็นส่วนกระตุ้นให้คณะทำงานบังเกิดความมุมานะยิ่ง และแล้วเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542 คณะทำงานได้เดินเท้าไปยังป่าชายเลนแห่งหนึ่งและได้พบกับหาดชายเลนสีคล้ำ มองใกล้ ๆ เป็นสีน้ำตาลไหม้     ปนดำ เป็นทรายเนื้อละเอียดมาก คณะของเราจึงเรียกว่า "ทรายดำ" แท้ที่จริงไม่ทราบว่าเป็นอะไรแน่ สภาวะในขณะนั้นน้ำมากอยู่ (น้ำขึ้น) และใกล้พลบค่ำจึงเดินทางกลับ

วิเคราะห์พิสูจน์

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542 เมื่อคณะทำงานจะเดินทางกลับ นายสมโภชน์ วาสุกรี ได้ขออนุญาตป่าไม้อำเภอแหลมงอบ ขอวัตถุสีดำ "ทรายดำ" มาด้วยประมาณ 1 กำมือ เพื่อจะนำไปวิเคราะห์  พิสูจน์

วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542 นายสมโภชน์ วาสุกรี ได้ส่งมอบ "ทรายดำ" ให้กับนายกฤษณ์ ศุภนราพรรค์ ครูผู้สอนวิชาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนชุมชนแหลมงอบ      (นิเทศก์อุปถัมภ์) เพื่อให้ทำการพิสูจน์ทดลองตามแต่จะสามารถทำได้ จากอุปกรณ์ในห้องวิทยาศาสตร์ ของโรงเรียน และภูมิปัญญาของนายกฤษณ์ ศุภนราพรรค์ โดยให้เวลาในการดำเนินการ 3 ชั่วโมง แล้วรายงานผล

นายกฤษณ์ ศุภนราพรรค์ รายงานดังนี้ นำไปต้มเคี่ยวเป็นเวลานาน , นำไปแช่กับน้ำผงซักฟอกเข้มข้น , นำไปแช่กับแอลกอฮอล์ , นำไปแช่กับแอลกอฮอล์แล้วจุดไฟเผา ผลคือคงสภาพเดิม ลักษณะภายนอกน่าจะเป็นทราย แต่ไม่ทราบว่าจริง ๆ แล้วเป็นอะไร แต่มีสีดำจึงเรียกว่า "ทรายดำ" ไว้ก่อน

wpe8.jpg (95511 bytes)

กรุณาคลิกที่ภาพเพื่อชมหาดทรายดำยามน้ำทะเลลดลง

ทรายดำคืออะไร

wpe5.jpg (236765 bytes)

จดหมายครูสมโภชน์ วาสุกรี

        ข้าพเจ้าเข้าไปในป่าชายเลนบ้านแหลมมะขาม บริเวณหมู่ที่ 6 บ้านกลาง ต.แหลมงอบ อ.แหลมงอบ จ.ตราด   โดยมุ่งหวังจะนำป่าชายเลนดังกล่าวซึ่งอยู่ในเขตบริการทางการศึกษาของโรงเรียนชุมชนแหลมงอบ ฯ สังกัด สำนักงานการประถมศึกษาอำเภอแหลมงอบ สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดตราด มาจัดเป็นแหล่งการเรียนรู้ นอกโรงเรียน ด้วยการจัดเป็น " ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ธรรมชาติศึกษา " ดำเนินการสอดแทรกการสร้างพฤติกรรม ของนักเรียนและชุมชนตามอุดมการณ์ " ปลูกคนในป่า " อันเป็นพื้นฐานเครือข่ายของการสร้างชุมชนเข้มแข็ง ทั้งในปัจจุบันและอนาคต อันจะสามารถสนองตอบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แบบยั่งยืนได้ เพราะ ทรัพยากรและสิ่งประกอบในระบบนิเวศวิทยาและระบบชีววิทยาของบริเวณนั้นยังสมบูรณ์มาก

        การดำเนินการดังกล่าวทำให้พบหาดทรายดำอันเป็นทรัพยากรที่เกิดขึ้นในพื้นที่นี้มานานแล้ว และอาจเป็น แหล่งที่ 5 ของโลก และจากการที่ได้นำเรื่องหาดทรายดำมาเปิดเผยจนเป็นที่เลื่องลือสนใจของสื่อมวลชนแขนงต่างๆ อยู่ในขณะนี้ ทำให้เกิดพฤติกรรมการบริโภคหาดทรายดำกันไปต่างต่างนานา อันน่าเป็นห่วงต่อสุขภาพอันเป็น สวัสดิภาพของมหาชน จึงขอแสดงความคิดเห็นดังนี้

        1. ได้รู้จักต้นไม้ในป่าชายเลนแห่งนี้ทุกชนิดที่มีลักษณะน่าสนใจ และมีอยู่ไม่มากนักในประเทศไทย

      2. ได้รู้จักสัตว์ตัวอ่อนและสัตว์ในป่าไม้ชายเลน เช่น นก กุ้ง กั้ง ปลา ปู หอย ฯลฯ

      3. ได้สัมผัสกับอากาศอันบริสุทธิ์

      4. ได้ออกกำลังกายจากการเดินเพื่อการศึกษา

      5. ที่น่าสนใจมาก คือ การถอดรองเท้าเดินย้ำ(ยั้น)ทรายสีดำหรือแร่ไลมอไนต์ ที่นุ่มเท้า อันเป็นการกระตุ้น ส่วนที่เป็นศูนย์รวมประสาทภายในร่างกายเราทุกส่วนจากวิธีการของตำราจีนโบราณ   ในขณะเดียวกับได้สูดอากาศ บริสุทธิ์ สัมผัสกับลมทะเลในช่วงตอนกลางวัน นับว่าคุ้มค่าต่อการใช้ประโยชน์ส่วนตัวที่เหมาะสมแล้ว

        แต่มีประชาชนบางกลุ่มมีความเชื่อว่าหากได้นอนบนพื้นทรายดำ แล้วนำทรายดำรอบข้างมากลบร่างกาย เพื่อการบำบัดรักษาได้นั้น เป็นการลงทุนมากเกินไป การเจ็บป่วยของคนเรานั้นทราบดีว่าผู้ป่วยทุกข์ทรมานทั้งกาย และใจ อยากหายโดยเร็วพลัน ดังนั้นเมื่อพบกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่คิดเอาว่าน่าจะมีประโยชน์ในการบำบัดรักษาพันธนา ของโรคร้ายได้ จึงเหมาว่าทรายดำจำนวนมากๆจะดูดหรือหอบโรคร้ายนั้นออกไปจากกายได้โดยเร็ว อาจขาดการใคร่ครวญว่าหากโรคหนึ่งหายไปหรือเพียงแต่ดีขึ้น แต่ขณะเดียวกันอาจได้รับเชื้อโรคอื่นเข้าไปสะสม ในร่างกายของตน และจะแผลงฤทธิ์ทำอันตรายต่อเราในวันข้างหน้าเมื่อเรามีกำลังวังชาลดน้อยลงไป ซึ่งจะยิ่งได้ รับความทุกข์ทรมานหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิม

        ข้าพเจ้าไม่มีความรู้อะไรมากนัก แต่เมื่อนำเหตุผลและความเชื่อมาประมวลเข้าด้วยกันแล้ว มีความคิดว่า หากร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศหรือวิญญาณธาตุ ส่วนเท้าของเราอาจเปรียบได้ กับรากหรือโคนของต้นไม้ หากประสาทของเรามีธรรมชาติของเขาคือเชื่อมโยงกันโดยตลอดร่างกาย การที่คนใน สมัยโบราณให้ลูกหลานพามาเดินย้ำทรายดำ(ยั้นทรายดำ) เพื่อบำบัดรักษาโรคปวดเมื่อยและอื่นๆ น่าจะถูกต้อง เหมาะสมมากกว่าการฝังตัวในพื้นทรายดำของคนในสมัยปัจจุบันที่จิตใจขาดสมาธิ ไม่จดจ่ออยู่กับอิริยาบทของตน การกระทำในปัจจุบันจึงน่าจะเป็นเรื่องของการขาดสติและความยั้งคิด ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อตนเองและผู้อื่น เท่าที่เคยพูดคุยกับคนที่มีประสบการณ์เรื่องทรายดำจริง เขาบอกว่าไม่เคยฝังตัวเลย เดินเท้าเปล่าดีที่สุด โดยตั้งใจ ทำใจให้นิ่งมีสมาธิ จะเกิดพลังใจที่สามารถเอาชนะความเจ็บป่วยได้ จึงขอนำเสนอเพื่อพิจารณา

        ขอให้ผู้สนใจเรื่องหาดทรายดำ ได้เข้าไปบริโภคความรู้ในป่าชายเลนแหลมมะขามอย่างคุ้มค่า อย่าพะวงถึงแต่ หาดทรายดำประการเดียว จนเกิดการลงทุนด้านสวัสดิภาพร่างกายของตนที่เกือบไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เมื่อท่าน ได้เข้าไปถึงบริเวณป่าแห่งนี้ขอให้พยายามปลดเปลื้องความวิตกกังวลให้หมดสิ้น ผู้ที่ร่วมเดินทางมากับท่านพร้อม จะมอบในสิ่งที่ท่านขาดอย่างไม่รู้ตัวในชีวิตประจำวันมาโดยตลอด นั่นคือ ความรัก ความอบอุ่น ความเอื้ออาทร และท่านจะได้รับเพิ่มเติมจากไมตรีของทุกคนทุกฝ่ายในพื้นที่ " น้ำใจไมตรี พลังใจ อากาศบริสุทธิ์ ความเชื่อมั่น การออกกำลังกาย(เดินบนพื้นทรายดำ) ฯ จะรวมเป็นพลังในการบำบัด ? "

        ขอให้ทุกท่านมีความสุข

จดหมายถึงครูสมโภชน์

อ.หาดใหญ่  จ.สงขลา

เรียน อาจารย์สมโภชน์  วาสุกรี (ขออภัยหากเขียนชื่อและสกุลไม่ถูกต้อง)

        อาจารย์ครับ พอรายการจบลงผมก็จับปากกาเขียนจดหมายนี้ทันทีครับ ผมดูรายการรอบภูมิภาค ทาง ส.ท.ท.11 ระยอง เมื่อวันพฤหัสที่ 12 ต.ค. 43   เวลาประมาณ 14.00-14.30 น. เรื่อง " หาดทรายดำ จังหวัดตราด "

        ถ้าถามว่าผมมีเหตุผลอะไรจึงมีจดหมายถึงอาจารย์ ผมก็คงตอบว่า...เพราะก่อนหน้านี้ เมื่อมีข่าวเรื่อง             หาดทรายดำ จ.ตราด ใน  T.V. มีคนทั้งป่วยและไม่ป่วยมาฝังตัวเพื่อรักษาตัว ขจัดโรคของแต่ละคนนั้น ต่อมาทาง ฝ่ายแพทย์แผนปัจจุบันออกมาชี้แจงว่าทรายดำไม่มีตัวยาอะไรเลยที่จะรักษาโรคดังกล่าวได้ ผมได้ยิน(และเห็น)ใน ข่าวทาง T.V. แล้วก็คัดค้านทันที...ว่าไม่จริงตามที่แพทย์ชี้แจงหรอก แต่คงเพียงแต่ค้านในใจอยู่คนเดียว วันนี้ดู รายการแล้วก็อยากจะเล่าสู่กันฟังว่า อย่าว่าแต่ทรายดำซึ่งมีสาร/แร่ธาตุตามธรรมชาติสะสมมานับหมื่น ๆ ปีเลย แม้แต่ทรายขาวหรือหาดทรายชายทะเลยังรักษาโรคอัมพฤกษ์ได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ก็คงจะไม่ได้ผลทุกคนหรอก คงจะเป็นแบบลางเนื้อชอบลางยา

        คุณแม่ของผมขณะนั้นท่านอายุ 72 ปี ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย ถ้านอนอยู่ก็ต้อง ช่วยพยุงให้นั่ง แล้วคอยประคองอยู่ด้วย ปล่อยมือเมื่อไหร่ก็เอนและล้มลงทันที โรงพยาบาลทั้งของรัฐ-เอกชน ไม่สามารถจะรักษาให้หายได้ เป็นอยู่ประมาณ 2 ปี ลูกหลานก็เพียงรอวัน.....เท่านั้น บังเอิญมีผู้แนะนำว่าให้นำไป ฝังทรายชายทะเลช่วงสาย ๆ ประมาณ 8.00-10.00 นาฬิกา และประมาณ 16.00-18.00 น. โดยไปขุดหลุมที่ชายทะเล ห่างจากส่วนที่เป็นน้ำแฉะ ๆ ขึ้นมาประมาณ 5-8 เมตร ลึกประมาณแค่หัวเข่า เอาผู้ป่วยนั่งปากหลุม หย่อนเท้าทั้งสอง ลงในหลุม เอาทรายกลบให้รอบและให้มิดหัวเข่า ทำอยู่ประมาณ 3 เดิอน ไม่น่าเชื่อครับ จากการที่ต้องหามไป ชายทะเล ต่อมา ๆ ก็ค่อยขยับมาเป็นประคองปีกกันไป จนพยุงเบา ๆ ไป 3 เดือน ท่านเดินไปถึงชายทะเลได้เอง (จาก ที่จอดรถถึงชายหาดประมาณ 200 เมตร) เมื่อหายดีแล้วได้พบกับ ผอ.โรงพยาบาลของรัฐบาลซึ่งทำการรักษาใน ตอนแรก และท่านบอกว่ายอมแพ้ เมื่อพบกับคุณแม่ของผมในสภาพที่เป็นอย่างนี้ ท่านยังพูดว่าไม่อยากเชื่อเลย คุณป้าไปเกิดมาใหม่หรือเปล่า ? (สนิทสนมกับท่าน ผอ.โรงพยาบาลเป็นการส่วนตัว) หลังจากนั้นคุณแม่ก็สามารถ ใช้ชีวิตเป็นปกติในวัยชราของท่าน โดยไม่มีโรคอัมพฤกษ์มารบกวนท่านอีกเลย ท่านเพิ่งถึงแก่กรรมด้วยโรคชรา (88 ปี) เมื่อปีที่แล้วนี่เองครับ...นี่แหละครับอาจารย์ ที่ผมพูด(เขียน)ตอนต้นว่าผมคัดค้านการชี้แจงของแพทย์ในตอนต้น นั้น ขนาดทรายขาวยังรักษาให้หายได้ แล้วทรายดำละครับ..ซึ่งมีแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย ทำไมจะไม่หาย แต่ทั้งนี้ก็คง ไม่ 100 % หรอก แม้แต่แพทย์แผนปัจจุบันก็ไม่สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ให้หายได้ 100 % ทรายดำก็คงเป็นเช่นนั้น คงไม่พ้นคำว่า " ลางเนื้อชอบลางยา "

        ผมดูจากรายการทราบว่าทางอาจารย์มีโครงการต่าง ๆ มากมายในเรื่องนี้ ผมขอแสดงความยินดี และดีใจด้วย หากมีโอกาส สักวันหนึ่งคงมีโอกาสได้มาเยี่ยมที่นี่บ้าง หวังไว้อย่างนั้นครับ

        .........................................

        ขอบคุณอาจารย์มากครับ ที่คิดและกำลังทำสิ่งดีมีประโยชน์ต่อชุมชนอยู่

                                                                                                                            ด้วยความนับถือ

                                                                                                                                      คนใต้.

HOME / UP