ประเภท ลักษณะ ที่มา โทษ ภูมิคุ้มกัน แหล่งรักษา กฎหมาย หน้าแรก

ยาอี ยาเลิฟ เอ็กซ์ตาซี

ชื่อทั่วไป : ยาอี หรือ เอ็กซ์ตาซี่ (Ecstasy)

ชื่ออื่น ๆ :ยาเลิฟ (Love drug หรือ Love Pills) ยากอด (Hug Pills)
ยาหัวส่าย (เมื่อเสพแล้วจะเต้นโดยโยกศีรษะตลอดเวลา)

สารเคมีที่ออกฤทธิ์ :
3,4-Methylenedionymethamphetamine (MDMA) หรือ
3,4-Methylenedionyamphetamine (MDA) หรือ
3,4-Methylenedionyethylamphetamine (MDE หรือ MDEA)

ลักษณะทางกายภาพ :
ลักษณะของยาอี มีทั้งที่เป็นแคปซูล และเป็นเม็ดยาสีต่าง ๆ แต่ที่พบในประเทศไทย ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเม็ดกลมแบน เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.8 - 12 ซ.ม. หนา 0.3 - 0.4 ซ.ม. ผิวเรียบ และปรากฏสัญลักษณ์บนเม็ดยาเป็นรูปต่าง ๆ เช่น กระต่าย, ค้างคาว, นก, ดวงอาทิตย์, P.T.ฯลฯ เสพโดยการรับประทานเป็นเม็ด จะออกฤทธิ์ภายในเวลา 45 นาที และฤทธิ์ยาจะอยู่ในร่างกายได้นานประมาณ 6 - 8 ชั่วโมง

ประวัติความเป็นมา :

ยาอี ยาเลิฟ เอ็กซ์ตาซี่ (Ecstasy)เป็นยาเสพติดกลุ่มเดียวกันแต่จะแตกต่างกันบ้างในด้านโครงสร้างทางเคมี มีการลักลอบนำเข้ามาในประเทศไทย โดยกลุ่มนักค้าชาวต่างประเทศ และกลุ่มคนไทยที่ไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ

ประเภทของยา
จัดเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522

การแพร่ระบาด :
ยาอี ยาเลิฟ เอ็กซ์ตาซี เป็นยาที่แพร่ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบเที่ยวกลางคืน มีพื้นที่การแพร่ระบาดตามเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว เมืองชายทะเลของประเทศ เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ สงขลา สุราษฎร์ธานี ชลบุรี แพร่ระบาดมากในกลุ่มเยาวชนที่มีการศึกษาสูง ฐานะค่อนข้างดี มีการแพร่ระบาดในลักษณะของการจัดปาร์ตี้จากเดิมที่มีการจัดมากในกรุงเทพมหานคร เริ่มมีการขยายการจัดปาร์ตี้เพื่อเสพยาออกไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น

การออกฤทธิ์ :
ออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทในช่วงเวลาสั้น ๆ จากนั้นจะออกฤทธิ์หลอนประสาทอย่างรุนแรง ทำให้การมองเห็นภาพและรับฟังเสียงผิดไปจากความเป็นจริง ผู้เสพจะมีความรู้สึกเคลิบเคลิ้ม ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ อันเป็นสาเหตุไปสู่พฤติกรรมมั่วเพศ ฤทธิ์ของยาในระยะสั้นทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง อาจทำให้เกิดอาการสั่น ชัก บางคนอาจมีอาการมากถึงขั้นระยะการหายใจล้มเหลว จนทำให้ตายได้ ในกรณีที่ใช้ต่อเนื่องจะเกิดอาการเสพติดและทำให้ระบบประสาทหลั่งสารซีโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้มนุษย์มีความสุขลดน้อยลงหรือหมดไป ผู้เสพติดที่ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าจึงมีแนวโน้มในการฆ่าตัวตายสูงกว่าคนปกติ

ผลต่อร่างกาย :
การที่ยาอีทำลายประสาททำให้เซลล์สมองส่วนที่ทำหน้าที่หลั่งสารซีโรโทนิน ซึ่งเป็นสารสำคัญในการควบคุมอารมณ์นั้นทำงานผิดปกติ กล่าวคือ เมื่อยาอีเข้าสู่สมองแล้วจะทำให้เกิดการหลั่ง "ซีโรโทนิน" ออกมามากเกินกว่าปกติส่งผลให้จิตใจสดชื่นเบิกบาน แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป สารดังกล่าวจะลดน้อยลงทำให้เกิดอาการซึมเศร้า หดหู่อย่างมากจนอาจกลายเป็นโรคจิตประเภทซึมเศร้า (Depression) และอาจเกิดสภาพอยากฆ่าตัวตาย นอกจากนี้การที่สารซีโรโทนินลดลงยังทำให้ธรรมชาติของการหลับลดลง ทำให้นอนหลับไม่สนิท จึงเกิดอาการอ่อนเพลียขาดสมาธิในการเรียนและการทำงาน
ยาอี ยังมีผลต่อสภาวะการตายขณะเสพ ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อผู้เสพสูญเสียเหงื่อมากจากการเต้นรำ ทำให้เกิดสภาวะขาดน้ำอย่างฉับพลัน หรือกรณีที่เสพยาอีพร้อมกับดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เข้าไปมากหรือในกรณีของผู้ที่ป่วยเป็น โรคหัวใจจะทำให้เกิดอาการช็อค และเสียชีวิตได้

การบำบัด

การบำบัดรักษาผู้ติดยาอี ยาเลิฟ เอ็กซ์ตาซี เป็นการบำบัดรักษาความผิดปกติของร่างกายจากผลของ ยาเสพติด คือ ความผิดปกติของระบบประสาท โดยเฉพาะสมองส่วนกลาง (Central nervous system) และสารสื่อเคมีสมอง (Neurotransmitter) สมองของผู้ติดยาเสพติดต้องการฤทธิ์ของยาเสพติดที่จะกระตุ้นให้ระบบสมองทำงานอย่างปกติ หากช่วงใดขาดยาเสพติดไปกระตุ้นก็จะเกิดอาการผิดปกติขึ้น

อาการผิดปกติของร่างกายที่เห็นทันทีที่หยุดยาอี ยาเลิฟ เอ็กซ์ตาซี คือ อาการถอนพิษยา ซึ่งจะมีอาการหิวบ่อย กินจุ กระวนกระวาย อ่อนเพลียและมีความรู้สึกจิตใจหดหู่ บางรายมีอาการถึงขนาดอยากฆ่าตัวตาย ในระยะนี้ผู้ติดยาอี ยาเลิฟ เอ็กซ์ตาซีจะอยากนอนและนอนเป็นเวลานานในช่วง 2-3 สัปดาห์แรก

ต่อจากอาการถอนพิษยา ผู้ติดยาอี ยาเลิฟ เอ็กซ์ตาซีจะมีอาการอยากยามาก ในช่วงนี้ผู้ติดยาเสพติดจะมีความรู้สึกไม่เป็นสุข ไม่มีกำลังทั้งทางร่างกายและจิตใจ อยากที่จะใช้ยาเพื่อกระตุ้นร่างกายและจิตใจให้เกิดความกระชุ่มกระชวยกลับมาใหม่

การบำบัดรักษายาอี ยาเลิฟ เอ็กซ์ตาซีในช่วงแรก เป็นการบำบัดรักษาเพื่อลดอาการถอนพิษยาจึงเป็นการให้ยาตามอาการ เพื่อลดความเครียด อาการซึมเศร้า หรืออาการทางจิตอื่นๆ เช่น อาการหวาดระแวง เพื่อให้ผู้ติดยาเสพติดสามารถประคับประคองตนเองผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ หลังจากหยุดยาอี ยาเลิฟ  เอ็กซ์ตาซีประมาณ 3-4 สัปดาห์ อาการถอนพิษยาและอาการอยากยาจะลดน้อยลง

แม้ว่าผู้ติดยาอี ยาเลิฟ เอ็กซ์ตาซีที่ผ่านการบำบัดรักษาขั้นถอนพิษยาแล้ว จะมีสุขภาพร่างกายและจิตใจดีขึ้น ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง แต่ความผิดปกติของระบบสมอง พฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมยังไม่ได้แก้ไข จำเป็นที่จะต้องเข้าสู่ขั้นตอน ฟื้นฟูสมรรถภาพ ต่อไป เพื่อให้ผู้ติดยาอี ยาเลิฟ เอ็กซ์ตาซีหายขาดไม่หวนกลับไปใช้ยาเสพติดอีก

การที่ต้องผ่านขั้นตอนฟื้นฟูสมรรถภาพเพื่อฟื้นฟูให้สมองของผู้ติดยาเสพติดกลับมา เป็นสมองของคนปกติ เนื่องจากระบบประสาทของคนติดยาต้องการเสพติดเป็นประจำ เพื่อกระตุ้นให้มีสารเคมีสมองพอเพียงที่จะทำให้เกิดความสุขไม่วิตกกังวล หากขาดการกระตุ้นจากยาเสพติด สมองของผู้ติดยาเสพติดจะมีปฏิกริยาตรงกันข้าม คือผู้ติดยาจะหงุดหงิดไม่เป็นสุข มีความเครียด วิตกกังวลและมีความอยากที่จะกลับไปเสพ ยาเสพติดอีก ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรให้ส่วนต่างของสมองได้ปรับตัวกลับเป็น ปกติในช่วงที่ระบบสมองปรับตัวเป็นปกติ ผู้ติดยาเสพติดต้องไม่หวนกลับไปเสพยาเสพติดอีก

นอกจากระบบสมองแล้ว พฤติกรรมและสภาพแวดล้อมของผู้ติดยาต้องได้รับการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น ในกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพมีหลายวิธีการที่จะช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติด เช่น การเข้าค่ายฟื้นฟูฯ การให้ คำปรึกษา การทำจิตบำบัด และชุมชนบำบัด เป็นต้น เพื่อให้ผู้ติดยาเสพติดเข้าใจถึงปัญหาของตนเองที่นำไปสู่การเสพยาเสพติด ปรับสภาพครอบครัวให้สมาชิกในครอบครัวได้เข้าใจปัญหาและช่วยกันดูแล ประคับประคองผู้ติดยาเสพติด ปรับสภาพกลุ่มเพื่อนให้ห่างไกลจากเพื่อนที่จะ มาชักชวนให้เสพยาเสพติด สร้างความมั่นคงทางจิตใจผ่านทางผู้เกี่ยวข้องหรือกลุ่มที่เลิกยาแล้ว ให้ผู้ติดยาเสพติดสามารถยืนหยัดแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยไม่หวนกลับไปเสพยาอีก

การบำบัดรักษายาอี ยาเลิฟ เอ็กซ์ตาซีให้หายขาด ไม่หวนกลับไปเสพใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จำเป็นต้องใช้ระยะเวลา และความช่วยเหลือจากผู้ที่ใกล้ชิด การบำบัดรักษาเฉพาะอาการในช่วงถอนพิษยาอย่างเดียวไม่เป็นการเพียงพอจำเป็น ต้องมีกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจ รวมทั้งปรับพฤติกรรมสภาพแวดล้อมทั้งในครอบครัวและกลุ่มเพื่อนให้ดีขึ้น จึงจะทำให้ผู้ติดยาเสพติดหลุดพ้นจากการเป็นทาสยาเสพติดได้อย่างถาวร
 

โทษทางกฎหมาย
จัดเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522

ข้อหา ยาเสพติดให้โทษประเภท 1
ผลิต นำเข้า ส่งออก - จำคุกตลอดชีวิต (ม.65 ว.1)
- ถ้ากระทำเพื่อจำหน่าย ประหารชีวิต (ม.65 ว.2)
- คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ 20 กรัมขึ้นไป ถือว่ากระทำเพื่อจำหน่าย (ม.15)
จำหน่าย ครอบครองเพื่อจำหน่าย - คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกิน 100 กรัม จำคุก 5 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับ 50,000 -500,000 บาท (ม.66 ว.1)
- คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน 100 กรัม จำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต (ม.66 ว.2)
ครอบครอง - คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่ถึง 20 กรัม จำคุก 1-10 ปี และปรับ10,000-100,000 บาท (ม.67)
- คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ 20 กรัมขึ้นไป ถือว่าครอบครองเพื่อจำหน่าย (ม.15)
เสพ - จำคุก 6 เดือน ถึง 10 ปี และปรับ 5,000– 100,000 บาท (ม.91)
ใช้อุบาย หลอกลวง ขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้ายฯให้ผู้อื่นเสพ - จำคุก 2-20 ปี และปรับ 20,000 -200,000 บาท และถ้าเป็นการกระทำต่อหญิงหรือบุคคลซึ่ง ยังไม่บรรลุนิติภาวะระวางโทษประหารชีวิต 
- ถ้ากระทำโดยมีอาวุธหรือร่วมกัน 2 คนขึ้นไป จำคุก 4 -30 ปี และปรับ 40,000-300,000 บาท
ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นเสพ จำคุก 1-5 ปี และปรับ 10,000 – 50,000 บาท (ม.93 ทวิ)

กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา

จัดทำโดย...นายไชยา  เฉลียวพงษ์  อาจารย์ 1 โรงเรียนปากคาดพิทยาคม อำเภอปากคาด จังหวัดหนองคาย