ประวัติและปฏิปทา

หน้าแรก ประวัติและปฏิปทา ธรรมและคำสอน รูปภาพ

โอ้ โพธิ์พฤกษ์เย็น คุณะเด่นเกษมสรรพ์ บัดนี้ พระดับขันธ์ ดุจะ โพธิหักลาญ

๑๑. กราบนมัสการหลวงปู่มั่น

กาลเวลาที่รอคอยได้มาถึง เมื่อออกพรรษาในปีนั้น ซึ่งเป็นปี พ..๒๔๖๕ พระที่จำพรรษา ณ เสนาสนะป่าท่าคันโท กาฬสินธุ์ ต่างก็แยกย้ายกันเดินธุดงค์ต่อไป เพื่อค้นหาพระอาจารย์ใหญ่ คือ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต 

หลวงปู่ดูลย์ ร่วมเดินธุดงค์ไปกับหลวงปู่สิงห์ แล้วต่อมาก็แยกทางกัน ต่างองค์ต่างก็มุ่งตามหาพระอาจารย์ใหญ่ตามประสงค์ 

หลวงปู่ออกจาริกตามลำพังมาถึง หนองหาร จังหวัดสกลนคร แวะไปพำนักที่ เกาะเกต อันถือกันในหมู่พระธุดงค์ว่าเป็นแดนแห่งความขลังและอาถรรพ์แรง ชาวบ้านในแถบนั้นต่างก็เกรงกลัวไม่กล้าเข้าไป และก็ขอร้องไม่ให้หลวงปู่เข้าไป เกรงท่านจะไม่ปลอดภัย 

แต่หลวงปู่ของเรากลับเห็นว่าสถานที่แห่งนั้นเหมาะสมที่จะบำเพ็ญภาวนา เพราะเป็นที่สงบสงัด ชาวบ้านไม่กล้าเข้าไปรบกวน เหมาะสมยิ่งนักที่จะตรวจสอบความแข็งแกร่งของจิต 

หลวงปู่พำนัก ณ สถานที่แห่งนั้นหลายวัน แล้วจึงเดินทางต่อไปจนถึงบ้านตาลเนิ้ง อำเภอสว่างแดนดิน สกลนคร สอบถามชาวบ้านได้ความว่ามีพระธุดงค์จำนวนมากชุมนุมในป่าใกล้ๆ หมู่บ้านนั่นเอง หลวงปู่รู้สึกยินดีอย่างมาก คิดว่าคงจะเป็นพระอาจารย์ใหญ่มั่นอย่างแน่นอน 

หลวงปู่รีบรุดไปสถานที่แห่งนั้น และพบว่าเป็นความจริง เห็นหลวงปู่สิงห์และพระรูปอื่นๆ นั่งด้วยอาการสงบแวดล้อมพระอาจารย์ใหญ่อยู่ 

พระอาจารย์ใหญ่หันมาทางหลวงปู่ แล้วบอกแก่คณะว่า "โน่นๆ ท่านดูลย์มาแล้ว ! ท่านดูลย์มาแล้ว"

หลวงปู่มีความปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง จนถึงกับรำพันในใจว่า "ด้วยอำนาจพระพุทธคุณ ประสงค์อย่างไรก็สำเร็จอย่างนั้น" 

หลวงปู่เข้าไปกราบนมัสการพระอาจารย์ใหญ่ด้วยความเคารพอย่างสุดซึ้ง ได้สนทนาธรรมกันอยู่นานพอสมควร โดยพระอาจารย์ใหญ่เป็นผู้สอบถาม และหลวงปู่ดูลย์เป็นผู้กราบเรียน

ถึงตอนหนึ่ง หลวงปู่ดูลย์กราบเรียนพระอาจารย์ใหญ่ว่า 

"เดี๋ยวนี้กระผมเข้าใจแล้ว กระผมได้ทำความรู้จักกับกิเลสของกระผมได้ดีแล้ว คือ ถ้ารวมกันทั้งหมด แล้วแบ่งเป็น ๔ ส่วน ส่วนที่หนึ่ง กระผมละได้เด็ดขาดแล้ว ส่วนที่สอง กระผมละได้ครึ่งหนึ่ง และส่วนที่สามกับส่วนที่สี่ กระผมยังละไม่ได้ขอรับ

เมื่อได้ยินดังนั้น พระอาจารย์ใหญ่จึงเอ่ยว่า "เก่งมาก ฉลาดมาก ที่สามารถรู้จักกิเลสของตนเอง และการปฏิบัติที่ผ่านมา ที่เล่าบอกนั้น ก็เป็นการถูกต้องดีแล้ว"

จากบทสนทนานี้ แสดงให้เห็นว่า การบำเพ็ญเพียรตามแนวคำสอนของพระพุทธองค์ก็คือ การค้นหาความจริงของตนเอง เป็นการมองลึกลงไปในสภาพตัวตนที่เป็นจริงของตน และอีกประการหนึ่งเป็นการค้นหาสภาพความเป็นจริงแห่งกองทุกข์ นั่นคือกิเลส 

เพราะหากไม่รู้จักตนเอง และไม่รู้จักกิเลส ก็ไม่รู้จักกองทุกข์ เมื่อไม่รู้จักกองทุกข์ ก็ไม่สามารถดับทุกข์ให้หมดสิ้นไปได้ เป้าหมายสูงสุดคือ สามารถดับทุกข์อย่างชนิดไม่มีเหลืออยู่เลย 

พระอาจารย์ใหญ่ และหลวงปู่ดูลย์ ได้สนทนาธรรมกันด้วยความเคร่งเครียด จริงจัง แล้วพระอาจารย์ก็มอบการบ้านให้หลวงปู่ไปพิจารณา ความเป็นอนิจจังของสังขาร และภาวะแห่งการแปรเปลี่ยนโดยเริ่มจากกาย และสังขารแห่งตน 

โดยพระอาจารย์ใหญ่ได้บอกเป็นคำบาลี เป็นการบ้านให้หลวงปู่นำไปพิจารณาว่า "สพฺเพ สงฺขารา สพฺพสญฺญา อนตฺตา"

นี่คือการบ้านที่พระอาจารย์ใหญ่มอบให้หลวงปู่ ก่อนการอำลาในครั้งนั้น

หน้าต่อไป