ท่านเจ้าคุณ
พระโพธินันทมุนี เล่าถึงปฏิปทาของหลวงปู่ดูลย์
อตุโล
ต่อไปว่าสิ่งที่อาตมาภาพเห็นว่า
ท่านไม่ค่อยเหมือนใคร
และไม่มีใครหาโอกาสทำเหมือนหลวงปู่
ก็คือว่า
เมื่อท่านมีภาระมาก
แล้วก็ชราภาพพอสมควรแล้ว
การเดินบิณฑบาตโดยทั่วไปก็อาจจะขัดข้อง
แต่ท่านก็ไม่ทิ้งบาตร
เหมือนกัน
อยากจะให้ท่านผู้อ่านได้ทราบในเรื่องนี้
ที่ว่าหลวงปู่ไม่ทิ้งบาตร
ก็คือ
เมื่อหลวงปู่ไม่ได้ออกไปบิณฑบาต
ท่านก็เอาบาตรของท่านมาตั้งไว้
ให้ลูกศิษย์นำบาตรมาตั้งไว้ที่หน้ากุฏิ
พระเณรสานุศิษย์ที่ออกบิณฑบาตมาจากทิศต่างๆ
เมื่อเข้าสู่บริเวณวัดแล้ว
ทุกองค์จะตรงไปที่หน้ากุฏิหลวงปู่
แล้วเอาทัพพีที่มีนั้นตักข้าวจากบาตรของตนใส่บาตรหลวงปู่คนละ
๑-๒ ทัพพี
มีอะไรก็ใส่บาตรถวายท่าน
จึงเหมือนกับว่าท่านยังฉันข้าวที่ลงในบาตรตลอดมา
ตราบจนสิ้นอายุขัยของท่าน
ในการทำอย่างนี้
พวกเราทั้งหลายเมื่อบิณฑบาตมา
ก็มาใส่บาตรหลวงปู่
บางองค์ก็อธิษฐาน
บางองค์ก็แสดงความเอื้อเฟื้ออย่างยิ่ง
ที่จะใส่บาตรถวายหลวงปู่
อันนี้เมื่อคิดดูแล้ว
สำหรับอาตมาก็มีความรู้สึกว่า
เป็นการถูกต้องอย่างยิ่ง
หมายความว่า
ที่ญาติโยมใส่บาตรในที่ต่างๆ
เราไปรับบาตรจากญาติโยมก็จะมีความรู้สึกว่า
บิณฑบาตที่เรารับมานั้น
เราบิณฑบาตมาถวายหลวงปู่
ผู้เป็นปูชนียะ
หรือผู้เป็นอุปัชฌายะของตนเอง
เมื่อใส่บาตรหลวงปู่แล้ว
พวกเรารู้สึกว่าได้ทำหน้าที่ในฐานะที่แสวงหาภิกขามาได้โดยชอบธรรมแล้ว
ก็เอามาถวายหลวงปู่
บิณฑบาตในบาตรหลวงปู่
อาตมาถือว่า "บิณฑบาต ๒
ชั้น" ใช้คำว่า "บิณฑบาต
๒ ชั้น" ก็หมายความว่า ญาติโยมยกอธิษฐานใส่บาตรพระเณรโดยทั่วไปแล้ว
อันนี้ชั้นที่หนึ่ง
แล้วพระเณรก็มาอธิษฐานถวายหลวงปู่
เพราะฉะนั้น
ข้าวในบาตรของหลวงปู่จึงเป็นบิณฑบาต
๒ ชั้น
ถือว่าเป็นของที่บริสุทธิ์หมดจด
และเป็นของสูง
ใครจะไปประมาทการบิณฑบาตของท่านไม่ได้
ท่านก็ฉันอาหารในบาตรของท่านมาโดยตลอด
นี่เป็นปฏิปทาอีกข้อหนึ่งที่ผิดแผกจากองค์อื่น
ไม่ทราบว่าหลวงปู่ท่านมองเห็นอย่างไร
มีเจตนาอย่างไร คงจะเป็นสงเคราะห์ลูกหลาน
สานุศิษย์
ให้เขาได้มีโอกาสรับใช้ปฏิบัติครูบาอาจารย์