นอกจากงานด้านคันถธุระ
จะได้รับการพัฒนาให้เจริญรุ่งเรืองดังได้กล่าวมาแล้ว
ด้านวิปัสสนาธุระก็มิได้ล้าหลัง
นักปฏิบัติผู้ใคร่ในธรรมชาวสุรินทร์
ก็ได้หลวงปู่เป็นหลักสำคัญในการให้การอบรมสั่งสอน
และแก้ไขชี้แนะแนวทางปฏิบัติ
นับว่าเป็นบุญญลาภอันประเสริฐของชาวสุรินทร์
และจังหวัดใกล้เคียง
ถ้าเทียบกับประชาชนในถิ่นอื่นหลายแห่ง
จะเห็นว่าผู้ใฝ่ใจในธรรมปฏิบัติ
ต้องเที่ยวเสาะหาครูบาอาจารย์กันเป็นเวลาแรมเดือนแรมปี
เป็นระยะทางไกลเป็นร้อยเป็นพันกิโลเมตร
ก็ยังได้พบบ้าง
ไม่ได้พบบ้าง
เนื่องจากครูบาอาจารย์ต่างๆ
ท่านไม่ค่อยอยู่ประจำที่
แต่ชาวสุรินทร์นั้น
มีหลวงปู่ดูลย์
ผู้สามารถชี้แนะได้ตลอดสาย
คอยอยู่เป็นประจำที่วัดแล้ว
จึงทำให้การพระศาสนาด้านวิปัสสนาธุระ
เจริญก้าวหน้าไปด้วยดี
จะเห็นว่าการสอนวิปัสสนาของหลวงปู่ที่สำนักวัดบูรพารามนั้น
ไม่มีการยกป้ายเปิดป้ายให้รู้ว่ามีการเรียนการสอนในด้านนี้แต่อย่างใด
แต่ก็เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้เสาะแสวงหาธรรมปฏิบัติจากทั่วประเทศ
อนึ่ง
เป็นที่น่าสังเกตว่า
ในสมัยที่หลวงปู่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น
มีชาวสุรินทร์จำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้จัก
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
ดังจะเห็นจากเรื่องราวที่ว่า
"ชาวคณะจังหวัดสุรินทร์
ผู้ใฝ่ในการบุญการกุศล
ได้พากันเหมารถบัส
เพื่อไปกราบนมัสการ หลวงปู่แหวน
สุจิณฺโณ ที่ดอยแม่ปั๋ง
เชียงใหม่ บ้าง ไปกราบ หลวงปู่ฝั้น
อาจาโร ที่สกลนครบ้าง
พระคุณเจ้าเหล่านั้นได้กล่าวเป็นเชิงชี้แนะแก่ชาวสุรินทร์เหล่านั้นว่า
ที่จังหวัดสุรินทร์เองก็มีพระอริยเจ้าผู้มีคุณธรรมสูงอยู่ที่นั่นคือ
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
ทำไมจึงไม่ไปกราบ
หรือทำไมจึงไม่รู้กัน
อุตส่าห์ดั้นด้น
ตะเกียกตะกายไปถึงที่ไกลๆ
โดยที่ไม่รู้ว่าที่จังหวัดของตนก็มีพระดีพระดังชั้นสุดยอดเหมือนกัน"
ข้อความนี้คัดลอกจากบันทึกในหนังสือ
"อกิญฺจโนบูชา"
อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่สาม
อกิญฺจโน เมื่อวันที่ ๘
กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕
จากความทรงจำของท่านเจ้าคุณพระโพธินันทมุนี
ได้เล่าถึงภารกิจด้านการเผยแผ่พระศาสนาของหลวงปู่ว่า
ในระหว่างที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่นั้น
งานหลักประเภทหนึ่งนั้นก็คือ
งานก่อสร้าง ปฏิสังขรณ์
และขยายวัดวาไปตามสาขาต่างๆ
กล่าวคือ
เมื่อฝ่ายกัมมัฏฐาน
เผยแผ่ไปสู่ญาติโยมทางไหนก็ตามกิจกรรมทางด้านวัดวาก็จะเกิดขึ้นตามมา
ไม่ว่าแต่ละจุดแต่ละแห่ง
ญาติโยมแต่ละตำบล
แต่ละอำเภอ ล้วนอยากได้ "วัดป่า"
ล้วนอยากได้พระปฏิบัติทั้งนั้น
อันนี้
เท่าที่ได้ฟังได้เห็นมา
นับว่าเป็นการลำบาก
เป็นการเพิ่มภาระแก่หลวงปู่อย่างยิ่ง
คือไม่มีกำลังพล
ไม่สามารถจะหาพระเณรไปโปรดญาติโยมให้ได้หลายจุด
และให้ได้หลายแห่ง
ก็เป็นอันว่าขัดข้องพอสมควร
แต่เมื่อชาวบ้านเขาไม่ได้พระไป
ก็หาโอกาสมาฟังเทศน์ฟังธรรมเป็นครั้งคราว
หรือมาทำบุญบริจาคทานที่หลวงปู่เป็นครั้งคราว
เพื่อฟังข้อวัตรปฏิบัติหรือข้อแนะนำกัมมัฏฐาน
อาจกล่าวได้ว่า
ญาติโยมผู้ปฏิบัติกัมมัฏฐาน
ปฏิบัติสมาธิภาวนาในจังหวัดสุรินทร์
เมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นแล้ว
มักจะมีข้อสังเกตว่า
ในจังหวัดอื่นนั้นพระสงฆ์สามารถปฏิบัติกัมมัฏฐานได้ดี
แต่ทางจังหวัดสุรินทร์
แสดงให้เห็นว่าญาติโยมจะมีโอกาสทำได้ดีเป็นจำนวนมาก
เพราะเท่าที่หลวงปู่เผยแผ่คุณธรรมมา
การเข้าถึงสมาธิปัญญานั้น
ทำให้ญาติโยมตื่นตัวในการประพฤติปฏิบัติ
ฝ่ายกัมมัฏฐานเป็นอันมาก
ท่านพระอาจารย์สุวัจน์ สุวโจ
ศิษย์อาวุโสองค์หนึ่งของหลวงปู่
ได้เคยพูดเปรียบเทียบในเรื่องนี้ว่า
ทางแถบอิสานเหนือ เช่น
อุบล อุดร ขอนแก่น นั้น
ในแง่การปฏิบัติรับใช้เลี้ยงดู
ถวายอาหารการบริโภค
การบำรุงพระกัมมัฏฐาน
ทำได้ดี
แต่ในแง่การตั้งใจทำสมาธิภาวนานั้น
สู้ทางจังหวัดสุรินทร์ไม่ได้
ส่วนทางสุรินทร์นั้น
ในแง่การทะนุบำรุงจตุปัจจัยให้ถวายอุปถัมภ์แก่พระกัมมัฏฐานทางวัตถุนั้น
สู้ทางอิสานเหนือไม่ได้
แต่ถ้าในแง่การตั้งใจด้านสมาธิภาวนารักษาศีล
๘ ดูตามจำนวนแล้ว
ทางสุรินทร์นี้ไม่ใช่ธรรมดาเลย
ทางสุรินทร์กับบุรีรัมย์แถวนี้นับว่าการปฏิบัติภาวนาอยู่ในเกณฑ์ดี
พระเถระผู้ใหญ่ท่านให้ข้อสังเกตดังนี้
และเท่าที่สังเกตมาก็เห็นว่าเป็นไปดังนั้นจริง
ทั้งนี้
คงเป็นผลจากที่หลวงปู่ได้ทุ่มเทความรู้ความสามารถในการเผยแผ่กัมมัฏฐาน
พร้อมกับสนใจให้การศึกษาด้านพระปริยัติไปด้วยกระมัง
จึงได้ผลออกมาในลักษณะดังกล่าว