นอกจาก
พระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทตฺโต
แล้ว
เมื่อพูดถึงครูบาอาจารย์อื่นๆ
ก็ทำนองเดียวกัน
แม้ว่าในบางครั้ง
จะมีพระอาจารย์องค์ใดองค์หนึ่งตอบคำถามของผู้สนใจใคร่รู้
ว่าองค์โน้นมีคุณพิเศษอย่างนั้น
องค์นั้นมีอานุภาพอย่างนี้
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
ซึ่งอยู่ในที่นั้นด้วย
ก็จะตั้งใจรับฟัง
แต่เมื่อถึงคราวที่ท่านจะต้องพูดถึงครูบาอาจารย์องค์อื่นๆ
ท่านก็จะพูดถึงแต่ปฏิปทา
จริยาวัตรอันน่าเลื่อมใสของครูบาอาจารย์องค์นั้นๆ
ว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เท่านั้น
ครั้งหนึ่ง
มีผู้ถามหลวงปู่ถึง
พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
หลวงปู่ก็เล่าถึงปฏิปทาในทางธุดงค์กัมมัฏฐานอันน่าศรัทธาเลื่อมใสของพระอาจารย์ฝั้น
แล้วเน้นว่า
"ท่านอาจารย์ฝั้น นั้น
มีพลังจิตสูงมาก
น่าอัศจรรย์ในด้านการธุดงค์กัมมัฏฐาน
หรือการปฏิบัติของท่าน
ท่านเป็นนักต่อสู้และเอาชีวิตเข้าแลกทีเดียวต่อการปฏิบัติ
ดังนั้น
ในระยะหลังจึงมีคนนับถือท่านมาก
ผู้สนใจการปฏิบัติก็มาหาท่านมาก
เมื่อมีคนมาหาท่านมาก
ท่านมีเมตตา
ก็ต้องรับแขกมาก
คนเหล่านั้นไม่รู้หรอกว่าได้ทำความลำบากแก่ขันธ์ของท่านเพียงไร
ตัวเรานี้ถ้ามีแขกมาก
หรือทำอะไรมากๆ
อย่างท่านอาจารย์ฝั้นแล้ว
ก็จะไม่มีอายุยืนนานถึงขนาดนี้ดอก
แต่ก็เป็นธรรมดาสำหรับนักปฏิบัติระดับนี้
ที่จะต้องเอื้อเฟื้อต่อสรรพสัตว์
เพราะตนเองก็ไม่ห่วงสังขารอะไรอยู่แล้ว"
ครั้งหนึ่ง
หลวงปู่ได้พูดถึง หลวงปู่ขาว
อนาลโย
แห่งวัดถ้ำกลองเพลจังหวัดอุดรธานีว่า
ท่านพอจะทราบประวัติบ้างเหมือนกัน
คล้ายๆ
ประวัติพระเถระในสมัยพุทธกาล
หลวงปู่ขาว นั้นมาบวชเมื่อมีอายุพอสมควรแล้ว
และมีครอบครัวมาก่อนท่านมีอาชีพเดิมเป็นพ่อค้าขายวัวขายควาย
ครั้งหนึ่ง
เดินทางต้อนวัวควายไปขายในที่ไกล
จะเป็นเพราะมีความจำเป็นหรือมีอุปสรรคอันใดไม่ทราบ
ท่านหายหน้าหายตาไปหลายเดือนทีเดียว
ทีนี้สมัยนั้น
การส่งข่าวคราวมันไม่ได้รวดเร็วเหมือนสมัยนี้
และคนมีอาชีพอย่างนี้
เมื่อเกิดสูญหายไปไม่มีร่องรอย
ในสมัยนั้น
เขาสันนิษฐานไว้ประการเดียว
ดังนั้น
ภรรยาของท่านทางบ้าน
จึงคิดว่าท่านตายจากไปแล้ว
ก็เลยมีสามีใหม่
เมื่อท่านกลับมาทราบเรื่องเข้าก็เกิดความสลดสังเวชใจ
จึงออกบวชและมุ่งปฏิบัติธุดงค์กัมมัฏฐาน
จนกระทั่งเป็นพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
สำหรับ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว
จังหวัดเชียงใหม่ นั้น
หลวงปู่เคยกล่าวว่า
หลวงปู่แหวนนี้เคยมีชื่อเสียงมาตั้งแต่ยังดำรงภิกษุภาวะอยู่ในคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย
ครั้งเมื่อญัตติเป็นฝ่ายธรรมยุติกนิกายแล้ว
ก็เป็นพระอาจารย์ฝ่ายกัมมัฏฐานที่มีชื่อเสียงโด่งดังตลอดมา
ส่วน หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร
แห่งวัดถ้ำผาบิ้ง
อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย
และหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
แห่งสำนักวัดหินหมากเป้ง
จังหวัดหนองคาย นั้น
หลวงปู่ก็เคยกล่าวยกย่องชมเชยไว้เป็นอันมากว่า
ทั้งสองท่านนี้เป็นผู้มีปฏิปทาดีมาก
ทั้งยังมีรูปร่างงดงามได้สัดส่วนกิริยามารยาทงดงามเหมาะเจาะ
สุ้มเสียงมีกังวานไพเราะ
ทั้งยังแตกฉานเชี่ยวชาญตลอดปริยัติ
ปฏิบัติ จนถึงปฏิเวธ
ฉลาดในการแสดงพระธรรมเทศนา
คือ
สมบูรณ์ด้วยองค์ประกอบทุกอย่างที่ทำให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธา
เป็นกำลังใหญ่ในพระศาสนาด้านวิปัสสนาธุระเป็นอย่างยิ่ง
และได้เคยร่วมเดินธุดงค์บ้างบางครั้งบางคราวในระยะหลัง
จึงทราบประวัติและปฏิปทาของท่านดี
อนึ่งในช่วงสุดท้ายที่หลวงปู่อาพาธ
นัยว่าหลวงปู่เทสก์ได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่ง
มาเยี่ยมเยียนถามไถ่สุขภาพอนามัยหลวงปู่
ไม่ทราบว่าหลวงปู่ได้รับหรือเปล่า?
ในตอนหลัง
พระอาจารย์ชัยชาญ
ลูกศิษย์หลวงปู่เทสก์ได้มาเยี่ยมหลวงปู่
และบังเอิญมาถึงตอนที่หลวงปู่มรณภาพพอดี
ได้ถามถึงจดหมายนั้นว่าหลวงปู่ได้รับหรือไม่
ปรากฏว่า
สอบสวนซักถามเท่าไหร่ๆ
ก็ไม่พบว่าผู้ใดได้รับ
หรือได้เห็นจดหมายประวัติศาสตร์ฉบับนั้น
เพราะอยากทราบเป็นอย่างยิ่งว่า
ท่านเขียนถึงกันว่าอย่างไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นจดหมายที่เขียนถึงกันฉบับสุดท้ายด้วย