ดังที่หลวงปู่อธิบายแต่ต้นว่า
ศีล สมาธิ ปัญญา
ของผู้ปฏิบัติทุกคนเหมือนกันหมดแต่ต่างระดับกัน
มีความแหลมคมรอบรู้ธรรมไม่เหมือนกัน
ในระดับของผู้บรรลุธรรมขั้นสูงเป็น
โลกุตรธรรม
ที่ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน
มีความมั่นคงไม่แปรเปลี่ยนอีกแล้ว
แต่ศีล สมาธิ
ปัญญาของปุถุชน
ซึ่งอยู่ในขอบข่ายของโลกียธรรม
ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงผันแปรได้เสมอ
ดังเช่น สามเณรเพิ่ม แม้จะปฏิบัติภาวนามาร่วม
๓ ปี
แต่ก็ยังไม่อาจยกระดับจิตระดับใจก้าวขึ้นสู่ภูมิธรรมขั้นโลกุตระได้
ความผันแปรในใจจึงเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
คือ ในช่วงของพรรษา ปี พ.ศ.
๒๔๙๗ เป็นปีที่ ๓
แห่งการบวชสามเณรเพิ่มวัย
๑๘ ปี
เกิดมีความอยากจะสึกหาลาเพศไปใช้ชีวิตฆราวาสเต็มกำลัง
สามเณรเพิ่มเข้าไปกราบขอลาสึกจากหลวงปู่ถึง
๓ ครั้ง
แต่ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบ
หลวงปู่ตอบปฏิเสธทุกครั้ง
สามเณรเพิ่มเฝ้าเพียรพยายามหาลู่ทางขอสึกให้ได้
หลังจากจดๆ จ้องๆ
มองหาโอกาสอยู่หลายวัน
จนกระทั่งเห็นว่าโอกาสเหมาะ
หลวงปู่พักผ่อนอยู่ในกุฏิองค์เดียว
สามเณรเพิ่มจึงตั้งใจว่าวันนี้ล่ะอย่างไรเสียต้องลาสึกให้ได้
จึงจัดหาดอกไม้ธูปเทียนใส่ฝาบาตร
ค่อยย่องเข้าไปหาหลวงปู่ในกุฏิ
ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ ๑
ทุ่ม
พอสามเณรโผล่หน้าเข้าไป
หลวงปู่เหลือบมองมานิดหนึ่ง
แต่ไม่พูดอะไร
สามเณรค่อยคลานเข้าไปกราบหลวงปู่แล้วพูดว่า
"หลวงปู่ครับ
ขอให้ผมบีบนวดให้หลวงปู่นะครับ"
สามเณรเพิ่มไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องพูดเช่นนั้น
ทั้งๆ
ที่เตรียมคำพูดมาอย่างดี
และตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วก็ตาม
สามเณรบีบนวดหลวงปู่ตั้งแต่
๑ ทุ่ม จนกระทั่งถึง ๖ ทุ่ม
หลวงปู่ไม่เอ่ยปากพูดแม้แต่คำเดียว
พอเลย ๖ ทุ่มไปเล็กน้อย
ท่านจึงเอ่ยปากว่า
"เอาล่ะ! แค่นี้พอแล้ว
คงจะนวดเป็นที่พอใจแล้วนะ"
กล่าวจบ
หลวงปู่ก็เงียบไปชั่วอึดใจ
แล้วถามสามเณรว่า
"มาคืนนี้
เณรถ้าจะมาลาสึกอีกละสิ"
โดนคำถามจี้ใจเช่นนี้
สามเณรเพิ่มรู้สึกตกใจเล็กน้อย
แต่แทนที่จะตอบรับหลวงปู่ตามที่ตั้งใจ
กลับตอบไปว่า
"เปล่าครับ หลวงปู่"
หลวงปู่ถามต่อ "ถ้ายังงั้นคืนนี้เข้ามาทำไมล่ะ"
"กระผมจะมาลาหลวงปู่ไปอยู่
วัดสุทธจินดา ครับ"
วัดสุทธจินดา
อยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
เป็นวัดหนึ่งที่มีการสอนด้านปริยัติธรรม
และหลวงปู่มักส่งพระภิกษุและสามเณรไปศึกษาที่วัดแห่งนี้
หลวงปู่ตอบว่า "เป็นยังไง
อยู่ที่นี่ไม่สบายใจหรืออย่างไร
ไปอยู่วัดสุทธจินดากับอยู่ที่นี่ก็เหมือนกันนั่นแหละ
เณรอย่าไปเลย"
สามเณรเพิ่มจึงกราบเรียนหลวงปู่ว่า
"ถ้าอย่างนั้นกระผมขอไปเรียนหนังสือที่วัดบรมนิวาส
นะขอรับ"
"อ๋อ!
อยากไปอยู่เมืองหลวงละซี
เอาเถอะ
ถ้าเณรอยากไปจริงๆ
ก็ไปอยู่วัดบวรฯซิ (หมายถึง
วัดบวรนิเวศวิหาร)
ที่นั่นเขามีการเรียนการสอนเหมือนกัน"
"ขอรับหลวงปู่"
สามเณรตอบรับคำ ทั้งๆ
ที่ใจไม่เคยนึกอยากไปวัดบวรฯ
เลย
เพราะที่นั่นการเรียนการสอนเขาเข้มงวดมาก
สวดมนต์ก็หลายบท ตั้ง ๙๕
สูตร
เกรงว่าสติปัญญาของตนเองจะไปไม่ไกล
แต่ภายหลังจากที่ไปอยู่แล้ว
ท่านกล่าวว่า
สิ่งที่ท่านเกรงกลัวกลับไม่มีปัญหาอะไรเลย
ซ้ำยังได้รับเลือกให้เป็นเณรหัวหน้าซ้อมสวดมนต์อีกด้วย
สามเณรเพิ่มเดินทางเข้าวัดบวรนิเวศฯ
ในปี ๒๔๙๘ โดยมี หลวงปู่โชติ
คุณสมฺปนฺโน (พระเทพสุทธาจารย์)
นำไปฝากตัวกับ สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์
ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศฯ
ในสมัยนั้น
ในกรณีของสามเณรเพิ่ม
เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงเมตตาในการให้การศึกษาแก่ลูกศิษย์