ในตอนต้นได้เคยเขียนถึงเหตุการณ์ที่หลวงปู่ผจญภัย
โดยถูกควายป่าไล่ขวิดตอนออกธุดงค์
ในแดนกัมพูชามาแล้ว
หลายครั้งที่มีผู้ถามหลวงปู่ว่า
ตอนที่ท่านเดินธุดงค์ไปกัมพูชา
แล้วมีควายป่ามาไล่ขวิดท่านอุตลุดไปหมด
แต่ท่านไม่เป็นอันตรายนั้น
หลวงปู่มีของดีหรือคาถาอาคมอะไรหรือเปล่า
หลวงปู่ตอบว่า "ไม่มีอะไร
มันขวิดไม่ถูกเอง
ถูกแต่ตามซอกแขนซอกขาเท่านั้น
ถ้าถูกเต็มที่มันก็อันตรายเหมือนกัน"
ทั้งๆ
ที่ท่านก็ตอบตามความเป็นจริงอย่างนี้
คนก็มักไม่ค่อยเชื่อกัน
พยายามพากเพียรรบเร้าขอวัตถุมงคล
หรือของดีอะไรต่างๆ
จากหลวงปู่อยู่เรื่อยๆ
ความจริงแล้ว สำหรับ หลวงปู่ดูลย์
อตุโล นั้น
เป็นที่ทราบกันดีว่าความเชื่อถือในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ดี
ในสิ่งเร้นลับเหลือวิสัยก็ดี
ในเรื่องฤกษ์งามยามดีต่างๆ
ไม่มีเอามาเป็นสาระในจิตใจท่าน
ซึ่งเป็นที่รู้กันทั่วไปจากอาการที่ปรากฏทางร่างกาย
ทางวาจาของท่านนั่นเอง
เมื่อมีผู้ใดจะดำเนินกิจกรรมอะไร
มาถามความเห็นท่านเรื่องฤกษ์งามยามดี
หลวงปู่ก็จะบอกว่า วันไหนก็ได้
วันไหนพร้อม
วันไหนสะดวกสบาย
ใช้ได้ทั้งหมด
และก็นิ่งเฉย
ไม่ค่อยจะพูดว่า
วันนั้นดี วันนี้เหมาะ
วันนั้นใช้ไม่ได้
หลวงปู่เคยพูดในหมู่สงฆ์ว่า
"ถ้ากาย วาจา และจิตใจดี
อำนาจความดีงามก็จะเกิดขึ้นเอง"
ในหนังสือ หลวงปู่ฝากไว้
ได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนกันยายน
๒๕๒๖
ซึ่งคณะแม่บ้านกระทรวงมหาดไทย
ได้แวะไปกราบหลวงปู่เมื่อเวลา
๑๘.๒๐ น.
แล้วมีสุภาพสตรีท่านหนึ่งถือโอกาสพิเศษ
กราบหลวงปู่ว่า "ดิฉันขอของดีจากหลวงปู่ด้วยเถอะเจ้าค่ะ..."
หลวงปู่เจริญพรว่า "ของดีก็ต้องภาวนาเอาเองจึงจะได้
เมื่อภาวนาแล้วใจก็สงบ
กายวาจาก็สงบ แล้วกายก็ดี
วาจาใจก็ดี
เราก็อยู่ดีมีสุขเท่านั้นเอง"
"ดิฉันมีภาระมาก
ไม่มีเวลาจะนั่งภาวนา
งานราชการเดี๋ยวนี้รัดตัวมากเหลือเกิน
มีเวลาที่ไหนมาภาวนาได้เจ้าค่ะ"
สุภาพสตรีท่านนั้นชี้แจง
หลวงปู่อธิบายว่า "ถ้ามีเวลาสำหรับหายใจ
ก็ต้องมีเวลาสำหรับภาวนา"
เรื่องการประพรมน้ำมนต์
หรือเจิมรถเจิมบ้านร้านค้าอะไรต่างๆ
แต่ก่อนหลวงปู่ไม่ยินดีทำเลย
มาในระยะหลังๆ เห็นว่า บุคคลมีหลายระดับ
เพื่อเป็นการให้กำลังใจแก่เขา
ให้เขาได้พ้นทุกข์เล็กๆ
น้อยๆ ท่านจึงปฏิบัติไป
เพื่อโลกัตถจริยา
เป็นการอนุเคราะห์อนุโลมตามความประสงค์ของทางโลกเท่านั้น
ครั้งหนึ่ง
มีพระภิกษุสงฆ์นำรถของตนมาให้ท่านเจิม
หลวงปู่ไม่ยอมทำและดุเอาว่า
"งมงาย"
บางครั้งมีคนมาขอชานหมาก
ท่านก็ว่า "เอาไปทำไมของสกปรก"
มีคนมาขอให้เป่าหัว
ท่านก็ว่า "เป่าทำไม
เดี๋ยวน้ำลายเลอะ"
เรื่องวัตถุมงคล
เช่นเหรียญต่างๆ เป็นต้น
หลวงปู่ไม่นิยมยินดีที่จะทำหรือให้ทำเลย
แต่ภายหลังท่านก็อนุโลมตามบ้าง
เมื่อมีลูกศิษย์ลูกหาจัดทำขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ต่างๆ
ท่านก็อนุโลมแผ่พลังจิตให้ตามสมควร
เพื่อไม่ให้เป็นการขัดศรัทธาต่อทายกทายิกา
และลูกศิษย์ลูกหาที่มีความปรารถนาเช่นนั้น