ทีนี้ในเรื่องของฝนตกนี้ก็เหมือนกัน
ครั้งหนึ่ง
เมื่อไม่นานมานี้
คือระหว่างเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๒๐
หลวงปู่คิดอย่างไรก็ไม่ทราบ
ท่านประสงค์จะไปพักผ่อนที่ป่า
ก็เลยแนะนำชักชวนท่านว่าให้ไปพักผ่อนที่วัดของ
พระอาจารย์สุวัจน์ สุวโจ
คือวัดถ้ำศรีแก้ว
อำเภอกุดบาก
จังหวัดสกลนคร
ซึ่งอยู่บนเทือกเขาภูพาน
ก่อนหลวงปู่เดินทางไปประมาณ
๑๐ วัน
ได้ให้พระไปส่งข่าวให้พระอาจารย์สุวัจน์ทราบล่วงหน้า
บอกว่า "หลวงปู่จะมาพักผ่อนที่นี่ด้วยสัก
๑๐ วัน ท่านเห็นว่าอย่างไร"
ท่านพระอาจารย์สุวัจน์ก็มีความยินดี
ได้จัดแจงสถานที่ไว้รอต้อนรับหลวงปู่
พระที่ส่งไปแจ้งข่าวก็กลับมา
กราบเรียนให้หลวงปู่ทราบ
ก่อนหลวงปู่เดินทางไม่กี่วัน
พระอาจารย์สุวัจน์ไม่ค่อยสบายใจ
เห็นว่าหลวงปู่ยังไม่น่าจะเดินทางในช่วงนี้
เพราะเกิดไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ในแถบนั้น
ทั้งต้นไม้ใบหญ้าโดนเผาผลาญไปในวงกว้าง
บริเวณนั้นเต็มไปด้วยควัน
ร้อนก็ร้อนอบอ้าว
ต้นไม้สูงๆ
ก็ถูกไฟไหม้ขึ้นไปจนใบไม้ถูกไหม้หมด
บรรยากาศไม่เป็นที่สบายเลย
พระอาจารย์สุวัจน์
เห็นว่าหลวงปู่ไม่น่าจะมาในช่วงนี้
น่าจะเลื่อนออกไปก่อน
ท่านรู้สึกปริวิตกในเรื่องนี้
แต่ในช่วงนั้น
ไม่มีใครจะเดินทางจากสกลนครมาสุรินทร์เพื่อส่งข่าวหลวงปู่
จึงปล่อยเหตุการณ์ให้เลยตามเลย
ปรากฏว่า
ก่อนหลวงปู่เดินทาง ๒-๓ วัน
เกิดฝนตกในบริเวณนั้น
ไฟป่าทั้งตามที่สูงและที่ต่ำก็ดับมอดหมด
หลังจากฝนตกใหญ่แล้วบรรยากาศแถวนั้นก็ดีขึ้น
อากาศเย็นขึ้น
กลิ่นเถ้าถ่านและกลิ่นดินที่เผาสุกก็หอมกรุ่น
เสียงจักจั่นเรไรก็เริ่มร้องระงม
ช่วงที่หลวงปู่เดินทางไปถึงจึงเป็นช่วงที่บรรยากาศกำลังดี
พระอาจารย์สุวัจน์
จึงได้ปรารภอัศจรรย์กับเหตุการณ์ในครั้งนี้
"แต่เดิมนึกว่าเมื่อหลวงปู่มาแล้วจะไม่สบาย
ก่อนหลวงปู่มาถึงแค่ ๒
วันเกิดฝนตกอย่างหนักก็เลยทำให้หลวงปู่พักผ่อนสบาย
ไม่ลำบาก"
หลวงปู่บอกว่า "เออ!
มาอยู่นี่ภาวนาดี
บรรยากาศดี"
พระอาจารย์สุวัจน์อยากนิมนต์ให้หลวงปู่อยู่ต่อ
แต่ท่านพักเพียง ๑๐
วันก็เดินทางกลับ
ในขณะนั้นหลวงปู่อยู่ในวัยชราที่สุดแล้ว
(ท่านมีอายุ ๙๐ ปี)
ที่พวกอาตมาแปลกใจ
และดีใจที่ว่าท่านชราภาพแล้ว
ก็ได้มีโอกาสไปพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศตามอัธยาศัยครั้งหนึ่ง
เหตุการณ์ครั้งนี้
ไม่ใช่หลวงปู่แสดงฤทธิ์เดช
แต่อาตมาพูดในฐานะที่อยู่ใกล้ชิดท่าน
ก็เห็นว่าเป็นเรื่องแปลก