ประวัติและปฏิปทา

หน้าแรก ประวัติและปฏิปทา ธรรมและคำสอน รูปภาพ

โอ้ โพธิ์พฤกษ์เย็น คุณะเด่นเกษมสรรพ์ บัดนี้ พระดับขันธ์ ดุจะ โพธิหักลาญ

๙๖. เดาใจหลวงปู่ไม่เคยถูก

เรื่องนี้ก็เกี่ยวกับฝนตกอีก ที่พอนึกขึ้นมาได้

ข้อสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือว่า ไม่มีการเดาใจหลวงปู่ถูก เราอยู่กับท่าน บริหารงานกับท่าน บางอย่างก็ผิด บางอย่างก็พลาด ท่านก็เรียกไปเตือนไปว่า บางอย่างก็พลาดโดยการเผลอก็ได้ ที่สำคัญเมื่อมีการตั้งใจ โดยเดาใจหลวงปู่ไว้ก่อนว่าท่านจะว่าอย่างไร จะทำอะไร คิดว่าเตรียมหาลู่ทางแก้ไขไว้ก่อน รับรองได้ว่าไม่มีทางจะเป็นไปตามนั้น

สมมติว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เราเป็นพระหนุ่ม พระเด็กก็มักจะต้องตกอกตกใจไว้ก่อน หลวงปู่ให้เณรไปเรียกมาหา มักจะเดาว่าหลวงปู่จะต้องว่าอย่างนั้นๆ แล้วเราจะอธิบายหรือแก้ตัวว่าอย่างนั้นๆ แต่ไม่เคยถูกสักที ท่านจะไม่พูดในเรื่องที่เราคิดเอาไว้

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่ทำให้อาตมาอึดอัดใจมาก วันนั้นอยู่ในเดือนสาม (เดือนกุมภาพันธ์) ซึ่งเดือนสามของภาคอีสานจะฝนจะไม่ตก เหตุการณ์เกิดขึ้นนานแล้ว ในสมัยที่หลวงปู่ไปพัฒนาสร้างโบสถ์ที่เขาพนมสวาย ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๙๖-๒๔๙๗

สมัยนั้นการเดินทางโดยรถยนต์ไม่สะดวก ถนนมิตรภาพยังไม่มี การขนส่งทุกอย่างจากกรุงเทพฯ ต้องไปทางรถไฟ ไม่ว่าจะขนปูนซีเมนต์ เหล็กเส้น ต้องไปทางรถไฟ ส่งมาลงที่สถานีสุรินทร์ แล้วขนต่อไปที่เขาพนมสวาย ระยะทาง ๒๒ กิโลเมตร จากตัวเมืองก็ไม่มีรถ ต้องใช้เกวียนครั้งละ ๕-๖ เล่ม ได้อาศัยชาวบ้านบ้าง จ้างเขาบ้าง อะไรทำนองนั้น

เมื่อหลวงปู่ท่านไปค้างที่เขาสวายเป็นเวลาหลายๆ วัน อาตมาซึ่งยังเป็นพระหนุ่ม ยังมีพรรษาไม่เท่าไหร่ ทำหน้าที่ดูแลอะไรต่างๆ ทางวัดบูรพารามแทนท่าน ก็ช่วยดูแลเฝ้ากุฏิท่านตลอดมา ช่วยดูนั่นดูนี่ภายในวัดไป

มีอยู่วันหนึ่ง ปูนซีเมนต์ใส่ตู้รถไฟมาถึงสุรินทร์ ประมาณสัก ๕๐ ถุง หลวงปู่ท่านสั่งไว้ว่า วันนั้นปูนคงจะมาถึง ให้ไปดูที่สถานี เมื่อเห็นก็ให้พาเด็กเอาเกวียนไปบรรทุกมาไว้ที่วัด

อย่านึกว่าจะสบายเหมือนทุกวันนี้ ใช้เกวียน ๒ เล่ม พาพระ เณร เด็กวัด ไปช่วยกันขนปูนใส่เกวียนแล้วเข็นมาวางไว้หน้าโบสถ์ แล้วอีก ๒ วัน หลวงปู่จะหาเกวียนจากเขาสวายมารับเอาปูนไป ทำอย่างนั้นเรื่อยมา

ทีนี้วันนั้นพวกเราพากันไปขนปูนมาไว้หน้าโบสถ์ ก็วางไว้เรี่ยราดบนพื้น ไม่มีใครคิดว่าฝนจะตก จึงไม่ได้เอาเข้าร่ม เพราะพรุ่งนี้เช้าหลวงปู่ก็จะส่งเกวียนมาขนไปแล้ว จะได้ขนเอาง่ายๆ ยกง่ายๆ พวกเราต่างก็เมื่อยล้ากันจึงปล่อยถุงปูนระเกะระกะแถวนั้น

ทำไมจึงเป็นอย่างนั้นไปได้ !

คืนนั้น ประมาณตี ๒ ฝนตกหนัก เราก็ไม่ใช่ไม่รู้ตัว รู้ทั้งรู้ว่าทิ้งปูนไว้กลางฝน แล้วก็ลุกพรวดพราดมา จะไปเรียกหาใครทัน เรียกหาพระเณรได้ ๒ องค์ให้มาช่วยกัน ช่วยอย่างไร สังกะสีก็ไม่มี เต็นท์ก็ไม่มีหรือจะแบกเข้าไปเก็บไว้ก็ไม่ไหว

ไม่ใช่ว่าฝนตกปุ๊บตื่นปั๊บ ฝนตกมานานพอสมควรแล้วจึงตื่น ช่วงนั้นทั้งเหนื่อยและกำลังนอนหลับดี เลยน้ำฝนนองพื้น ปูนเสียหายหมด

เช้าวันรุ่งขึ้น เกวียนจากเขาสวายก็มาถึงพอดี เผอิญหลวงปู่ท่านก็มาด้วย ท่านมาพักผ่อน ปล่อยให้เกวียนเอาปูนไปก่อน

ทีนี้ปูนมันเสียหายหมด เราตกใจมาก อย่างไรเสียเราต้องโดนแน่ หลวงปู่ท่านก็พูดกับคนอื่นว่า "ไม่ดูไม่แล" ท่านว่าอย่างนั้น "ทำไมไม่ดูไม่แลปล่อยให้น้ำท่วมปูนเสียหายหมด" ท่านก็พูดเท่านั้นเอง เกวียนก็ต้องกลับไปเปล่า

ปูนมันแช่น้ำอยู่ ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไม่ได้กองซ้อนกันไว้สูง แต่กองเรี่ยราดไว้แถวนั้น เราก็ยอมรับว่าผิดอย่างร้ายแรง เราก็ตกใจ คิดว่าคงเสร็จแน่เที่ยวนี้ วันนี้หลวงปู่คงจะดุด่าว่าเราอย่างใดอย่างหนึ่ง

หลวงปู่พักอยู่ที่กุฏิทั้งวัน เราก็ไม่กล้าไปให้ท่านเห็นหน้า ไม่กล้าไปหาท่าน

ประมาณทุ่มหนึ่ง หลวงปู่ให้เณรมาเรียกให้ไปหา !

"คงเสร็จแล้วเราคราวนี้ !!!"

เราเตรียมข้อแก้ตัว เตรียมคำอธิบายว่า ไม่นึกว่าฝนเดือนนี้จะตก แล้วทุกคนก็เหนื่อย ไม่มีใครไปช่วย เตรียมข้อแก้ตัวไว้แล้ว เหมือนกับเราเตรียมอึดอัดไว้ก่อนแล้ว

พอไปถึง หลวงปู่ท่านก็นั่งอยู่ คุยอยู่กับเณรตัวเล็กๆ องค์หนึ่ง สีหน้าท่านเป็นปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

หลวงปู่พูดขึ้นว่า :-

"เออ! พากันไปสวดมนต์งานศพที่บ้านตากูกนะ ไป ๕ องค์ ไปได้ไหมพรุ่งนี้?"

"ครับผม"

ก็นั่งรอดูว่าท่านจะพูดว่าอะไรต่อไปอีก ไม่เห็นท่านว่าอะไร ก็เลยนั่งรออยู่สักพัก ถามท่านว่า "มีอะไรอีกไหมครับหลวงปู่"

ท่านว่า "เท่านี้แหละ ไม่มีอะไร ! "

เราก็กราบท่าน กลับกุฏิที่พัก รู้สึกอึดอัดตลอดคืน ถ้าหลวงปู่จะดุจะด่าเราสักคำ สองคำ ว่าไม่ดูไม่แล อะไรอย่างนี้จะดีกว่า

แต่ การที่ท่านไม่พูดอะไร ทำให้เราอึดอัดใจไปตลอดคืน

นี่ หมายความว่าถึงขนาดนี้แล้วยังเดาใจท่านไม่ถูก แล้วเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างอื่นละ ไม่มีใครเดาใจท่านถูกเลย สงสัยว่าเราคิดอย่างไร ท่านอาจจะรู้ใจเราก่อนก็เป็นได้ ใครจะรู้ได้ใช่ไหม? ครั้งนั้นท่านจึงปล่อยให้เราอึดอัด หรือท่านไม่อยากว่าตามที่เราคิดเอาไว้ คือท่านไม่แสดงแล้วก็ไม่มีมารยาอะไรอย่างที่เคยกล่าวมาแล้ว

หน้าต่อไป