ในสายตาของศิษยานุศิษย์
และอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย
เห็นว่าหลวงปู่มีความสงบเสงี่ยมเป็นปกติ
งดงามตามควรแก่สมณวิสัยอยู่ตลอดเวลา
ไม่แสดงอาการพลิกผันแปรปรวนไปตามเหตุการณ์ต่าง
ๆ
เมื่อประสบอารมณ์ที่น่าพอใจ
หลวงปู่ก็เพียงแต่ยิ้ม
หรืออย่างมากก็หัวเราะน้อยๆ
แต่มีอยู่ครั้งหนึ่ง
ช่วงที่หลวงปู่อยู่ระหว่างพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุรินทร์
เนื่องจากอาพาธคราวนี้เอง
ที่เคยเห็นท่านหลวงปู่หัวเราะอย่างเต็มที่
และมีอาการสะกดกลั้นการหัวเราะนั้นเป็นระยะ
เพื่อให้ตนเองหยุดหัวเราะ
นับเป็นการหัวเราะครั้งแรก
ครั้งเดียว
และครั้งสุดท้ายของหลวงปู่
เท่าที่ลูกศิษย์ลูกหาเคยได้พบเห็น!
เรื่องมีอยู่ว่า
เมื่อหลวงปู่เข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลสุรินทร์เมื่อวันที่
๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๘
ในครั้งนั้นแล้ว
ข่าวคราวการเข้าโรงพยาบาลของหลวงปู่ก็แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว
การเยี่ยมเยียนเป็นไปอย่างคึกคัก
ทั้งญาติโยมพุทธบริษัททั่วไป
ตลอดทั้งพระภิกษุสามเณรและคณาจารย์เจ้าสำนักต่างๆ
ก็พากันมาเยี่ยมไข้หลวงปู่มิได้ขาด
ช่วงบ่ายวันหนึ่ง
พระอาจารย์รูปหนึ่ง
มากับโยมสองสามคน
ครั้นกระทำสามีจิกรรม คือ
กราบนมัสการหลวงปู่แล้ว
ก็กรากเข้าไปชิดหลวงปู่กรีดกรายฝ่ามือประคองต้นแขนหลวงปู่อย่างนุ่มนวล
พลางพูดเสียงอ่อนเสียงหวานว่า
"หลวงพ่อ
อย่าไปคิดอะไรมาก
ปล่อยวาง ปล่อยวาง
สังขารทั้งหลายมันไม่เที่ยงอย่างนี้แหละนะ
หลวงพ่อนะ ปล่อยวาง
ปล่อยวางนะหลวงพ่อ"
แล้วพระอาจารย์องค์นั้นยิ้มอ่อนโยนน่าประทับใจ
ทำเอาหลวงปู่เกิดความขบขันเป็นอย่างมาก
ท่านหัวเราะออกมาอย่างชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
แล้วท่านก็พยายามสะกดกลั้นเป็นระยะๆ
ครู่หนึ่งอาการหัวเราะก็หยุดลง
วางสีหน้าเฉยเป็นปกติ
แล้วเอ่ยวาจาขอบอกขอบใจพระอาจารย์รูปนั้น
และญาติโยมที่อุตส่าห์มาเยี่ยม
และก็สนทนาธรรมดาอื่นๆ
ต่อไปด้วยอาการราบเรียบตามปกติของหลวงปู่