ประวัติและปฏิปทา

หน้าแรก ประวัติและปฏิปทา ธรรมและคำสอน รูปภาพ

โอ้ โพธิ์พฤกษ์เย็น คุณะเด่นเกษมสรรพ์ บัดนี้ พระดับขันธ์ ดุจะ โพธิหักลาญ

๑๒๐. อาการผิดปกติเริ่มปรากฏ

วันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๒๖ ก่อนงานเริ่มเพียงวันเดียว หลวงปู่เริ่มแสดงอาการผิดปกติมาตั้งแต่เวลาประมาณ ๐๔.๐๐ น. คือท่านมีอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย แล้วก็กระสับกระส่าย ตัวร้อนคล้ายจะเป็นไข้  แต่ไม่ปวดศีรษะ 

อาการทุกอย่างคล้ายคลึงกับเมื่อก่อนเข้าโรงพยาบาลครั้งที่แล้วไม่มีผิด พระผู้เฝ้าพยาบาลได้ช่วยกันทาน้ำมัน แล้วถวายนวดไปตามที่ที่รู้สึกปวดเมื่อย อาการค่อยทุเลาลงบ้างเล็กน้อย 

ครั้งถึงเวลา ๐๗.๐๐ น. ตามปกติหลวงปู่จะออกมารับถวายภัตตาหารเช้าและต้อนรับแขก แต่วันนี้ท่านไม่ออกจากห้องพัก จึงได้นำภัตตาหารไปถวายท่านข้างใน 

หลวงปู่สามารถลุกขึ้นมานั่งฉันบนเก้าอี้ได้ และฉันได้เกือบเหมือนปกติ 

หลังจากนั้นได้เชิญ คุณหมอมนูญ มาตรวจร่างกายท่าน คุณหมอรายงานว่าความดันขึ้นสูงหน่อย แต่หลวงปู่บอกว่าไม่ปวดศีรษะเลย แล้วท่านก็ฉันยาที่หมอให้ จากนั้นก็นอนหลับไปชั่วโมงกว่าๆ ร่างกายรู้สึกว่าดูเป็นปกติ แต่ยังเพลียอยู่ 

พอถึงเวลาเพล ท่านก็ลุกขึ้นมานั่งฉันบนเก้าอี้แต่ไม่ยอมฉัน เมื่อลูกศิษย์คะยั้นคะยอท่านก็ฉันข้าวต้มให้ ๔ ช้อน และของหวานอีกเล็กน้อย หลังจากนั้นท่านก็นอนพักผ่อน ดูผิวพรรณท่านผุดผ่องดี เว้นแต่อาการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ระหว่างกระปรี้กระเปร่ากับอ่อนเพลีย จะเป็นไปทุก ๔๐ หรือ ๔๕ นาที 

ตลอดทั้งวันที่สานุศิษย์ฝ่ายกัมมัฏฐานมาอยู่เฝ้าท่านหลายรูป ท่านใช้เวลาส่วนใหญ่ในการอธิบายธรรมให้ฟัง สติสัมปชัญญะของท่านยังสมบูรณ์ดีมาก สามารถลำดับธรรมะเป็นกระแสที่ชัดเจน และตอบคำถามข้อปฏิบัติขั้นปรมัตถ์อย่างดี ด้วยน้ำเสียงชัดเจนแจ่มใส ทำให้คณะศิษย์อุ่นใจว่าหลวงปู่คงไม่เป็นอะไร 

ครั้นเวลา ๕ โมงเย็น ถวายน้ำสรงท่านตามปกติเสร็จแล้ว หลวงปู่ก็นั่งบนเก้าอี้ในห้อง ดูกิริยาท่าทางของท่านเป็นปกติดีเหมือนกับไม่ได้ไข้ไม่ได้เจ็บอะไรดูท่านสดใสดีมาก 

ต่อมาสักครู่ ท่านปรารภธรรมให้ฟังว่า 

"ในทางโลกเขามีสิ่งที่มี แต่ในทางธรรมมีสิ่งที่ไม่มี" 

เมื่อถามถึงความหมาย ท่านก็พูดว่า 

"คนในโลกนี้ต้องมีสิ่งที่มี เพื่ออาศัยสิ่งนั้นเป็นอยู่ ส่วนผู้ปฏิบัติธรรมต้องปฏิบัติ จนถึงสิ่งที่ไม่มี และอยู่กับสิ่งที่ไม่มี" 

เมื่อเห็นว่าหลวงปู่ท่านรู้สึกเพลีย จึงขอให้ท่านพักผ่อนอาการอ่อนเพลียเพิ่มมากขึ้น แต่ท่านก็นอนพูดธรรมให้ฟังต่อไปอีก 

ขณะนั้นฝนตกหนักมาก (โปรดดูในตอนที่ ๙๓ เรื่องวิบากเกี่ยวกับฝนตก) 

ผู้เขียนอยู่เฝ้าหลวงปู่ถึง ๕ ทุ่มกว่า สังเกตเห็นว่า หลวงปู่มักจะพูดธรรมะชั้นสูง เกี่ยวกับการปฏิบัติเรื่อง การเข้าฌานออกฌาน บางช่วงท่านก็อยู่เฉยๆ คล้ายกับเข้าสมาธิหรือพิจารณากัมมัฏฐานข้อใดข้อหนึ่ง พอท่านนิ่งไปสักพักหนึ่งแล้วก็ปรารภธรรมบทใดบทหนึ่งต่อทันที 

ท่านพระครูนันทปัญญาภรณ์ ถามว่า "หลวงปู่เชื่อความศักดิ์สิทธิ์ไหม" 

หลวงปู่ตอบว่า "ความศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยมี มีแต่พลังและความสามารถของจิต" 

มีตอนหนึ่ง ท่านพระครูฯ ได้เรียนถามแบบทีเล่นทีจริงว่า "ตามตำราบอกว่าเทวดามาฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าครั้งละหลายโกฏินั้น จะมีศาลาโรงธรรมที่ไหนให้ฟังได้หมด" 

ทุกคนต่างรู้สึกงงงวยกันมาก เพราะไม่เคยได้ยินได้ฟังและไม่เคยพบในตำราที่ไหนมาก่อน เมื่อหลวงปู่ตอบว่า 

"ในเนื้อที่หนึ่งปรมาณู เทวดาอยู่ได้ ๘ องค์"

หน้าต่อไป