ภายหลังการมรณภาพของหลวงปู่
ทางคณะกรรมการฝ่ายสงฆ์และฆราวาส
ได้มีมติให้จัดสร้างอาคารอนุสรณ์สำหรับหลวงปู่ขึ้น
สำหรับเป็นที่สักการะระลึกถึงท่าน
ภายในบริเวณวัดบูรพาราม
อาคารดังกล่าวสร้างเสร็จในปี
พ.ศ. ๒๕๒๘ มีชื่อว่า "พิพิธภัณฑ์กัมมัฎฐาน
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล"
ภายในพิพิธภัณฑ์มีรูปเหมือนของหลวงปู่อยู่ในท่านั่งห้อยเท้า
หล่อด้วยโลหะ ขนาด ๒
เท่าครึ่งขององค์จริง
และยังเป็นสถานที่เก็บอัฐิธาตุของหลวงปู่
ไว้ให้ประชาชนทั่วไปได้สักการะ
และเป็นสิ่งเตือนใจให้ระลึกถึงความดี
และเตือนใจให้เห็นว่า "ความตาย"
เป็นสิ่งธรรมดาที่ทุกคนจะต้องพบ
จึงไม่ควรใช้ชีวิตอยู่ด้วยความประมาท
นอกจากนี้ยังได้รวบรวมเครื่องอัฎฐบริขาร
และเครื่องใช้ต่างๆ
ของหลวงปู่
ตั้งแต่สมัยออกท่องธุดงค์กัมมัฎฐาน
และของใช้ต่างๆ
ที่หลงเหลืออยู่
นับตั้งแต่หลวงปู่เข้ามาพำนักประจำที่วัดบูรพาราม
ตลอดระยะเวลา ๕๐ ปี
ทางวัดได้กำหนดการไว้ว่า
ในปี พ.ศ. ๒๕๓๘
ซึ่งเป็นปีที่หลวงปู่มีอายุครบรอบ
๑๐๘ ปี หรือ ๙ รอบ
ถือว่าเป็นโอกาสมงคลอย่างยิ่ง
จึงได้จัดสร้างรูปหล่อหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่ขนาดเท่าองค์จริง
บรรจุไว้เพิ่มเติมเพื่อเป็นที่พึ่งที่ระลึกสำหรับผู้ศรัทธาต่อหลวงปู่ได้เคารพกราบไหว้
หรือผู้ที่ต้องการความสงบมานั่งสมาธิภาวนา
เสมือนนั่งอยู่ต่อหน้าของหลวงปู่
ย่อมชักนำจิตใจให้เกิดความสงบความเย็นได้
อนุสรณ์สถานสำหรับหลวงปู่อีกแห่งหนึ่ง
คือ พระธาตุเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุของหลวงปู่
อยู่ที่บริเวณวนอุทยานแห่งชาติเขาพนมสวาย
ก่อสร้างครอบเมรุที่พระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่มีลักษณะเป็นเจดีย์
ภายในมีรูปเหมือนของหลวงปู่
หล่อด้วยโลหะขนาดเท่าองค์จริง
และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับประวัติชีวิตของหลวงปู่
พระธาตุเจดีย์นี้ตั้งอยู่ที่ตำบลนาบัว
อำเภอเมือง
จังหวัดสุรินทร์
อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ระยะทางประมาณ
๒๒ กิโลเมตร
อนุสรณ์ธรรมทั้ง ๒ แห่ง
เป็นสังเวชนียสถานเพื่อระลึกถึงหลวงปู่
เปิดให้ประชาชนเข้ากราบไหว้ตลอดเวลา