นอกจากบิดามารดา
ญาติสนิท
ท่านเจ้าเมืองสุรินทร์ที่ให้ความอุปการะ
และเพื่อนร่วมคณะละครที่หลวงปู่สังกัดอยู่
ที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือหลวงปู่ตลอด
๒๒
ปีในการใช้ชีวิตฆราวาสแล้ว
ก็มีครูบาอาจารย์ในทางธรรมที่เป็นผู้มีพระคุณแก่หลวงปู่
ในฐานะผู้ร่วมสร้างสมให้หลวงปู่ได้พบความสำเร็จในทางธรรม
มีดังนี้
๑. พระครูวิมลศีลพรต (ทอง)
เป็นพระอุปัชฌาย์
ให้การบรรพชาแก่หลวงปู่ ณ
พัทธสีมา
วัดจุมพลสุทธาวาส
ในเมืองสุรินทร์ เมื่อ พ.ศ.
๒๔๕๓ โดยมี พระครูบึก
เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระครูฤทธิ์
เป็นพระอนุสาวนาจารย์
๒. หลวงพ่อแอก
เจ้าอาวาสวัดคอโค
ตำบลคอโค อำเภอเมือง
จังหวัดสุรินทร์
นับเป็นพระอาจารย์สอนกัมมัฎฐานองค์แรกแก่หลวงปู่
ซึ่งได้เพียงสอนให้ฝึกหัดท่อง
สวด
และฝึกวัตรปฏิบัติที่นิยมในสมัยนั้น
รวมทั้งฝึกบริกรรมภาวนาโดยวิธี
"อัญเชิญปีติทั้ง ๕" หลวงปู่ได้เฝ้าเพียรรับการอบรมกับ
หลวงพ่อแอก เป็นเวลา ๖
ปี ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๕๓ - ๒๔๕๙
ก่อนเดินทางไปศึกษาด้านปริยัติธรรมที่จังหวัดอุบลราชธานี
๓. พระมหารัฐ พระอุปัชฌาย์
เมื่อหลวงปู่ได้ญัตติสิกขาบทจากมหานิกายมาอุปสมบทในธรรมยุติกนิกาย
เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๔๖๑
ณ พัทธสีมาวัดสุทัศนาราม
อำเภอเมือง
จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี พระศาสนดิลก
เจ้าคณะมณฑลอุดรในสมัยนั้น
เป็นพระกรรมวาจาจารย์
๔. หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายอรัญวาสี
หรือฝ่ายธุดงค์กัมมัฎฐานเป็นครูบาอาจารย์ที่หลวงปู่ให้ความเคารพศรัทธามากที่สุด
ในฐานะที่เป็นผู้ให้แนวทางการภาวนา
และวางแบบอย่างในการถือธุดงควัตร
หลวงปู่ได้เป็นกำลังสำคัญของ
พระอาจารย์ใหญ่ ในการเผยแผ่แนวคำสอน
ในฐานะแม่ทัพธรรมที่มีความรับผิดชอบในพื้นที่ภาคอิสานตอนใต้
บริเวณจังหวัดสุรินทร์
ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ หลวงปู่มั่น
ภูริทตฺโต
จึงเป็นผู้ให้ความงอกงาม
ในทางธรรมแก่หลวงปู่อย่างแท้จริง
ในช่วงท้ายสุด หลวงปู่มั่น
มาพำนักอยู่ประจำที่
ที่วัดป่าบ้านหนองผือ
อำเภอพรรณานิคม
จังหวัดสกลนคร
และมรณภาพที่วัดป่าสุทธาวาส
อำเภอเมืองสกลนคร
เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.
๒๔๙๒
๕. สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสฺโส
อ้วน) ในสมัยที่ดำรงสมณศักดิ์ที่
พระธรรมปาโมกข์ เจ้าคณะมณฑลนครราชสีมา
เป็นผู้ให้ความอุปการะและสนับสนุนการศึกษาด้านปริยัติแก่หลวงปู่
ในสมัยที่ศึกษาอยู่ที่วัดสุทัศนาราม
จังหวัดอุบลราชธานี
พระองค์ท่านเป็นผู้วางแผน
และสั่งการให้หลวงปู่มาพัฒนาวัดบูรพาราม
ให้เป็นวัดธรรมยุติกนิกาย
เป็นแห่งแรกในภาคอิสานตอนใต้เป็นเหตุให้หลวงปู่ต้องพำนักประจำที่
ที่วัดแห่งนี้ติดต่อกันเป็นเวลา
๕๐ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๔
กรกฎาคม ๒๔๗๗
จนกระทั่งมรณภาพเมื่อวันที่
๓๐ ตุลาคม ๒๕๒๖
๖. สมเด็จพระญาณสังวร สมเด้จพระสังฆราช
พระองค์มีความสนิทสนมคุ้นเคยและติดต่อกันกับหลวงปู่เสมอมา
ตั้งแต่สมัยดำรงสมณศักดิ์ที่สมเด็จพระญาณสังวร
(เจริญ สุวฒฺโน) เจ้าอาวาส วัดบวรนิเวศวิหาร
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ
เคยไปร่วมงานฉลองอายุของหลวงปู่เมื่อปี
พ.ศ. ๒๕๒๐
ครั้นเมื่อหลวงปู่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
พระองค์ท่านได้ให้ความอนุเคราะห์
และช่วยประสานงานให้ทุกอย่าง
นอกจากนี้ยังได้เสด็จไปเป็นประธานฝ่ายสงฆ์
ในงานพระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่
เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๒๘
และเป็นประธานบรรจุอัฐิธาตุ
และเปิดพิพิธภัณฑ์กัมมัฎฐานของหลวงปู่
เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๒๘