ประวัติและปฏิปทา

หน้าแรก ประวัติและปฏิปทา ธรรมและคำสอน รูปภาพ

โอ้ โพธิ์พฤกษ์เย็น คุณะเด่นเกษมสรรพ์ บัดนี้ พระดับขันธ์ ดุจะ โพธิหักลาญ

๑๓๗. ปฏิปทาพระเถระ

นับตั้งแต่ปี ๒๔๗๗ เมื่ออายุ ๔๖ ปี จนถึงวาระสุดท้ายเมื่ออายุ ๙๖ ปีกับ ๒๖ วัน หลวงปู่ดูลย์ อตุโล มิได้ไปจำพรรษาที่ไหนอีกเลย ด้วยความซื่อสัตย์มั่นคงต่อภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ท่านได้บากบั่นเอาชนะอุปสรรคนานาด้วยความอดทนและทุ่มเท

ต้องบริหารการคณะสงฆ์ ทั้งด้านการปกครอง การศึกษา การเผยแพร่ และสาธารณูปการ รวมทั้งการก่อสร้างปฏิสังขรณ์ แผ่ขยายสังฆมณฑลสร้างวัดใหม่ทั้งฝ่ายคามวาสีและอรัญวาสีอย่างมากมาย ทั้งในจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ ศิษยานุศิษย์ก็เพิ่มทวีคูณขึ้นเป็นลำดับ

แม้หลวงปู่จะอยู่ในปัจฉิมวัยก็ตาม ท่านก็ยังมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง เป็นผู้ที่สมบูรณ์ด้วยพรหมวิหารธรรมเป็นนิจ ผู้ใดใคร่จะได้เข้าไปพบนมัสการเวลาไหนไม่มีจำกัด ไม่มีพิธีรีตองให้ต้องยุ่งยากลำบากหรืออึดอัดใจ

พร้อมจะสงเคราะห์ในกิจนิมนต์ของพุทธศาสนิกชนโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ ใครจะเอารถมารับก็ได้ ไม่มารับก็เดินไปด้วยระยะทางนับสิบๆ กิโลเมตร ท่านก็ยินดีไปสงเคราะห์ได้ โดยไม่มีการบ่นหรือเกี่ยงงอนอะไรกับใคร ไม่ว่าจะเป็นสถานที่หรือจังหวัดไกลๆ ถ้ามีผู้ศรัทธานิมนต์ท่านก็ยินดีสงเคราะห์เสมอ

อนึ่ง แม้ว่าท่านจะมิได้ออกธุดงค์ตามเจตนาเดิมก็ตาม ท่านก็ยังถือธุดงควัตรเป็นนิสัยตลอดมา ผลที่ท่านเคยประพฤติปฏิบัติมาทำให้ท่านมีชีวิตที่บริสุทธิ์งดงามในสมณวิสัย พอสรุปลักษณะเด่นๆ ที่ปรากฏในองค์ท่านได้ดังนี้

บำเพ็ญเพียรทางจิตเป็นปกติไม่ขาดสาย ไม่เคยบกพร่อง กลางคืนจะพักผ่อนเพียง ๒ ชั่วโมงเท่านั้น

สงบเสงี่ยมเยือกเย็น ไม่หวั่นไหวแปรปรวน หรือตื่นเต้นตามเหตุการณ์

มีใบหน้าสงบราบเรียบ ผิวพรรณผ่องใส โดยเฉพาะวันโกน หลังปลงผมเสร็จจะดูผ่องใสงดงามเป็นพิเศษ

มีอุเบกขาต่อความลำบาก ไม่เคยบ่นเรื่องอาหาร ที่อยู่ และความสะดวกสบายทั้งหลาย

มีความเป็นอยู่ง่าย เมื่อขาดไม่ดิ้นรนแสวงหา เมื่อมีไม่สั่งสม เป็นอยู่ตามมีตามได้

ฉันมื้อเดียวตลอดมาเว้นแต่เมื่อมีกิจนิมนต์จึงอนุโลมฉันสองมื้อบ้าง และลูกศิษย์อ้อนวอนขอให้ฉัน ๒ มื้อเมื่ออาพาธและชราภาพมากแล้ว

มีโรคน้อย สุขภาพแข็งแรงดี พลานามัยดี

มีสัจจะ พูดอะไรต้องทำอย่างนั้น ตั้งใจทำอะไรต้องทำให้สำเร็จ

มีปฏิภาณไหวพริบดี ชี้ข้อธรรมะได้ถูกต้องชัดเจน สั้นและง่าย แนะแนวทางปฏิบัติได้ตลอดสาย

"สลฺลหุกวุตฺติ" เป็นผู้มีความประพฤติเบาพร้อมเป็นปกติ กระฉับกระเฉงว่องไว เดินตัวตรงและเร็ว

ไม่มีอาการหลงลืมหงำเหงอะเลอะเลือน ไม่มีใครเคยเห็นท่านแสดงอาการงัวเงียง่วงเหงา เมื่อตื่นนอนจะลุกขึ้นทันที สีหน้าไม่เหมือนคนผ่านการนอน เหมือนคนที่ตื่นพร้อมเต็มที่เสมอ

ไม่เคยปรากฏแววหมองคล้ำอิดโรยหลังจากผ่านงานกลางแจ้งมาอย่างหนัก นอกจากอาการอ่อนเพลียทางร่างกายบ้างเล็กน้อย ไม่มีเหงื่อไคลไหลโทรม

นิยมการทำตัววางตัวง่ายๆ ไม่มีพิธีรีตอง มักตำหนิผู้ที่เจ้าบทเจ้าบาทมากเกินควร

บทสวดมนต์ที่โปรดปราน "อรุญฺเญ รุกฺขมูเล วา สุญฺญาคาเร ว ภิกฺขโว" เป็นต้น แสดงถึงจิตใจที่ใฝ่วิเวกของท่าน

ศิษยานุศิษย์ทุกคนให้ความรักเคารพและยำเกรงอย่างสุดซึ้ง ประหนึ่งท่านเป็นบิดาบังเกิดเกล้า เพราะจริยาวัตรของท่านเปี่ยมพร้อมไปด้วยพรหมวิหารธรรมอย่างแท้จริง ทุกคนเรียกหลวงพ่อ หลวงปู่ ได้อย่างสนิทปากสนิทใจ

คติธรรมประจำใจที่สอนผู้อื่น "อย่าส่งจิตออกนอก" พร้อมทั้งปริศนาธรรมว่า "คิดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ต่อเมื่อหยุดคิดจึงรู้ แต่ต้องอาศัยคิด"

คำสอนที่สั้นที่สุด "หยุดคิดหยุดนึก" หรือหยุดกิริยาจิตในกายยาววาหนาคืบนี้

นิมิตในคำสอนของท่านมี ๒ คือ รูปนิมิต กับ นามนิมิต สิ่งที่ถูกรู้และถูกเห็นทั้งสิ้นเรียกว่า รูปนิมิต ญาณทั้งหลายมีบุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ เป็นต้น ชื่อว่านามนิมิต นิมิตทั้งสองไม่ควรใส่ใจทั้งสิ้น
สรุปหลักธรรมของท่านในแนวอริยสัจสี่คือ

"จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
จิตเห็นจิต เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ"

หน้าต่อไป